โปรแกรมไมโครซอฟท์ เพนต์ (Microsoft Paint) ได้รับการยืนยันแล้วยังอยู่ เพียงแต่ย้ายไปที่บ้านใหม่อย่างวินโดวส์สโตร์ (Windows Store) แต่สำหรับเทคโนโลยีแฟลช (Flash Technology) ที่หลายคนคุ้นเคยน่าจะเป็นเทคโนโลยีที่ต้องจากลากันของจริง โดยทางอะโดบี ซิสเต็มส์ ออกมาเผยแล้วว่าจะดึงปลั๊กอินดังกล่าวออกในปี 2020
โดยในยุคหนึ่ง แฟลชเคยเป็นเทคโนโลยีที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในการรับชมวิดีโอ และการเล่นเกมออนไลน์ แต่ด้วยความที่ซอร์สโค้ดมีช่องโหว่ ทำให้อาชญากรอินเทอร์เน็ตอาศัยช่องโหว่ดังกล่าวเจาะเข้าในระบบ และสร้างความเสียหายได้ในวงกว้าง ประกอบกับการมาถึงของคู่แข่งอย่าง HTML5 ที่สามารถแสดงผลคอนเทนต์มัลติมีเดียได้โดยไม่ต้องลำบากผู้ใช้ให้ต้องคอยอัปเดตปลั๊กอินอยู่บ่อย ๆ จึงทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างแอปเปิล (Apple) ตัดสินใจไม่ซัปพอร์ตเทคโนโลยีดังกล่าวบนอุปกรณ์โมบายล์ของทางค่ายที่รันระบบปฏิบัติการ iOS
Govind Balakrishnan รองประธานฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ของอะโดบีกล่าวยืนยันว่า บริษัทมีแผนจะยุติเทคโนโลยีแฟลชจริง เนื่องจากเทคโนโลยีอย่าง HTML5 มีความสามารถ และเสถียรมากพอที่จะก้าวขึ้นมาทดแทนแฟลชได้แล้วนั่นเอง
สำหรับอะโดบีนั้น ได้ตัดสินใจซื้อเทคโนโลยีแฟลชมาจากบริษัทมาโครมีเดียเมื่อปี 2005 ซึ่งในขณะนั้น แฟลชเป็นเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลอย่างมาก โดยเฉพาะกับผู้ใช้เบราเซอร์ Internet Explorer แต่เมื่อเบราเซอร์ Chrome เกิดขึ้น อะโดบีก็พบว่า สถิติการใช้งานแฟลชนั้นลดลงอย่างรวดเร็ว จากที่เคยใช้งานในระดับ 80 เปอร์เซ็นต์ของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในปี 2014 พบว่า ตัวเลขการใช้งานแฟลชเหลืออยู่ที่ 17 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
โดยทางกูเกิลได้ยกเลิกการซัปพอร์ตเทคโนโลยีแฟลชไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม มร. Balakrishnan ผู้บริหารจากอะโดบีเผยว่า เขาไม่คิดว่าการไม่มีแฟลชจะส่งผลใด ๆ ต่ออะโดบีในยุคนี้
“เราคิดว่าโอกาสของอะโดบีในทุกวันนี้มีเยอะมากกว่าโลกในยุคของแฟลชเยอะมาก”
ส่วนสาเหตุที่อะโดบีต้องซัปพอร์ตแฟลชไปจนถึงปี 2020 นั้น ก็เพื่อให้ลูกค้า และพาร์ตเนอร์ ได้มีเวลาในการเปลี่ยนถ่ายไปสู่เทคโนโลยีอื่น ๆ นั่นเอง