xs
xsm
sm
md
lg

เน็ตฟลิกซ์เจอปัญหาผู้ใช้งาน “แชร์พาสเวิร์ด”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เติบโตสูงก็จริง แต่ดูท่าว่า เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) บริการคอนเทนต์สตรีมมิงเจ้าของ Game of Thrones จะเจอเรื่องไม่ค่อยสบอารมณ์เสียแล้ว เมื่อมีผลการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคโดย Ipsos พบว่า ผู้ใช้บริการเน็ตฟลิกซ์จำนวนหนึ่งเริ่มมีการแชร์พาสเวิร์ดระหว่างกัน โดยที่เขาเหล่านั้นไม่ได้เป็นญาติพี่น้อง หรือคนรู้จักกันด้วย

โดย Ipsos พบว่า ผู้ที่มีพฤติกรรมขอยืมพาสเวิร์ดจากผู้อื่นที่ไม่ได้อาศัยอยู่ด้วยกันนั้น มีสูงถึง 1 ในห้าของกลุ่ม Young Adult ที่มีอายุระหว่าง 18-24 ปี และผู้บริโภคกลุ่มนี้ยอมรับว่า บางครั้งพวกเขาก็เคยเข้าถึงบริการคอนเทนต์อย่างเน็ตฟลิกซ์, เอชบีโอ (HBO) หรือฮูลู (Hulu) โดยใช้พาสเวิร์ดของคนอื่นที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันด้วย ซึ่งนำไปสู่การคาดการณ์ว่า เน็ตฟลิกซ์อาจไม่สามารถทำรายได้ได้ตามเป้าที่วางไว้เสียแล้ว

อย่างไรก็ตาม ณ จุดนี้ยังไม่มีมาตรการใด ๆ ออกมาสำหรับจัดการการแชร์พาสเวิร์ดระหว่างกันดังกล่าว โดยมีเพียงฟากนักลงทุนที่เริ่มกดดันให้ผู้ประกอบการหาทางจัดการกับสถิติการสมัครสมาชิกใหม่ที่เติบโตช้าลงอย่างต่อเนื่องเท่านั้น

โดยกฎของเน็ตฟลิกซ์นั้น ระบุให้หนึ่งหมายเลขสมาชิก สามารถแอ็กเซสเข้าระบบได้พร้อมกันจากสอง หรือสี่อุปกรณ์เท่านั้น (ขึ้นอยู่กับบริการที่เลือก)

ส่วนนักวิเคราะห์จากวอลล์สตรีทนั้น ให้ความเห็นว่า จากเดิมที่ไตรมาสสองของปีนี้ เน็ตฟลิกซ์มีการเติบโตด้านรายได้ถึง 31 เปอร์เซ็นต์นั้น ทว่าในปีหน้าในไตรมาสเดียวกัน ได้มีการปรับลดอัตราการเติบโตของรายได้เน็ตฟลิกซ์ให้เหลือที่ 19 เปอร์เซ็นต์แล้ว และนั่นจะทำให้เน็ตฟลิกซ์เป็นที่เพ่งเล็งจากนักลงทุนมากขึ้น

ทั้งนี้ การแชร์พาสเวิร์ดระหว่างกันเพื่อเข้าใช้บริการสตรีมมิงคอนเทนต์ที่พบในการสำรวจของรอยเตอร์ และ Ipsos นั้น เกิดขึ้นเพราะผู้บริโภคต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย โดยปัจจุบัน ตลาดสตรีมมิงแอปพลิเคชันในสหรัฐอเมริกานั้นเติบโต และมีผู้ให้บริการเกิดขึ้นจำนวนมาก และแต่ละรายต่างก็มีการลงทุนในด้านคอนเทนต์สูงเพื่อดึงดูดใจผู้บริโภค แต่หากสมัครใช้บริการทั้งหมดก็จะนำไปสู่ค่าใช้จ่ายมหาศาลของครัวเรือนได้

โดยตลาดแอปพลิเคชันเพื่อการสตรีมมิงคอนเทนต์ในสหรัฐอเมริกาที่มีผู้ใช้งานสูงสุด 10 อันดับแรกได้แก่

1. Netflix
2. YouTube
3. Amazon Instant Video
4. Pandora
5. Hulu
6. HBO Go / HBO Now
7. Spotify
8. WatchESPN
9. Disney Channel
10. NBC

ด้วยเหตุนี้ นี่จึงอาจเป็นเหตุผลที่ผู้บริโภคบางส่วนอยากดูหลาย ๆ เซอร์วิส แต่ก็ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายไปพร้อม ๆ กัน จึงได้เกิดการแชร์พาสเวิร์ดนี้ขึ้นมา และปัจจุบันมีหลายบริษัทที่ยอมรับแนวคิดนี้ เพราะต้องการโปรโมตบริการของตนเองให้กระจายไปในวงกว้างด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น