เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) เติบโตแซงหน้าผู้ให้บริการเคเบิลในสหรัฐอเมริกาแล้ว โดยมีตัวเลขจาก Statista เผยว่า ในไตรมาสแรกของปีนี้ยอดผู้ใช้บริการของเน็ตฟลิกซ์นั้น สูงกว่ายอดผู้ใช้บริการเคเบิลทีวีที่ 50.85 ล้านคนต่อ 48.61 ล้านคน
อย่างไรก็ดี ผลการสำรวจชิ้นนี้ก็ระบุด้วยว่า ใช่ว่าเน็ตฟลิกซ์ มาแล้วจะทำให้บริการเคเบิลทีวีแบบเก่าล่มสลาย เพราะทั้งสองกลุ่มนี้มีคอนเทนต์ที่แตกต่างกัน จึงทำให้ผู้บริโภคบางคนเลือกที่จะสมัครบริการทั้งเคเบิล และเน็ตฟลิกซ์ไปเลย
แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้จากสถิตินี้ก็คือ ความนิยมของผู้ชมคอนเทนต์นั้น เปลี่ยนสู่การสตรีมมิงมากขึ้น
ซึ่งความเปลี่ยนแปลงนี้ได้มีชื่อของบริษัทหนึ่งที่ถูกเอ่ยชื่อขึ้นมา พร้อมๆ กับการเติบโตของเน็ตฟลิกซ์ ก็คือ ดิสนีย์ (Disney) ที่หลายฝ่ายมองว่า การขายคอนเทนต์ให้ไปฉายบนเน็ตฟลิกซ์ จะทำให้ดิสนีย์เสียเปรียบจากการเติบโตของเน็ตฟลิกซ์ที่มากขึ้นเรื่อยๆ
โดยนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า เทรนด์ของการสตรีมมิงที่กำลังมาแรงนี้จะทำให้ดิสนีย์เสียโอกาสหากยังอยู่กับเน็ตฟลิกซ์ต่อไป
“สมมติว่า ในปี 2020 ดิสนีย์เกิดอยากปฏิเสธที่จะดีลกับเน็ตฟลิกซ์ต่อ และจะเปิดตัวช่องคอนเทนต์ของตัวเองแยกต่างหาก ก็ใช่ว่าจะทำได้โดยง่ายแล้ว เพราะในวันนั้น ดิสนีย์ที่ไม่มีฐานข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้งานใดๆ เลย ประกอบกับคอนเทนต์ของดิสนีย์ที่อยู่บนเน็ตฟลิกซ์มานานหลายปี จะทำให้ดิสนีย์ยากในการทำตลาดช่องของตนเอง ดังนั้น สิ่งที่ดิสนีย์จะต้องเจอก็คือ การสูญเงินเป็นมูลค่ามหาศาล” Rich Greenfield นักวิเคราะห์จาก BTIG กล่าว
โดยสิ่งที่ Greenfield ให้ทัศนะไว้ก็น่าสนใจ เนื่องจากเขามองว่า ที่ผ่านมา โลกได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่การเป็นโลกที่เต็มไปด้วยเทคนิคทางการตลาด ที่ผู้ประกอบการจะต้องดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคลูกค้าให้ได้ เพื่อจะนำไปสู่การตัดสินใจซื้อในที่สุด ซึ่งผู้ประกอบการต้องพยายามสร้างทักษะนี้ให้ได้โดยเร็ว