มาแล้วเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนโฉมรถยนต์ในปัจจุบันให้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นั่นก็คือ การเปิดตัวแดชบอร์ดอัจฉริยะขนาดใหญ่ขึ้นมาติดตั้งบริเวณแผงหน้าปัดรถยนต์ ซึ่งติดตั้งมาตรวัดต่าง ๆ อย่างที่ปรากฏในรถยนต์รุ่นปัจจุบัน ซึ่งหน้าจอดังกล่าวจะกลายเป็นที่แสดงผลของข้อมูลต่าง ๆ ทั้งระบบนำทาง ระบบความบันเทิง ฯลฯ และนั่นหมายความว่าเกจวัดความเร็ว เข็มบอกปริมาณน้ำมัน ฯลฯ ในอนาคตอาจถูกออกแบบใหม่ให้อยู่ในรูปแบบเท่ห์ ๆ ไม่ต้องซ้ำใครอีกต่อไปด้วย
โดยหนึ่งในบริษัทที่มีแนวโน้มจะทำให้เป็นจริง คือ Visteon บริษัทผู้ผลิตที่ตั้งอยู่ในดีทรอยต์ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นซัปพลายเออร์ด้านแดชบอร์ดรายใหญ่แห่งหนึ่ง แนวคิดของ Visteon คือ การพัฒนาให้แดชบอร์ดมีน้ำหนักเบา ถูกลง และทำงานง่ายมากพอที่ภาคอุตสาหกรรมจะนำไปประกอบเข้ากับตัวรถ และการมีแดชบอร์ดดิจิตอลนี้เท่ากับเป็นการช่วยใหอุตสาหกรรมรถอัตโนมัติขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเอง (Self-Driving Car) ไปได้ไกลมากขึ้นอีกด้วย
สำหรับมูลค่าตลาดนั้น IHS Market คาดการณ์ว่า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับค็อกพิตรถยนต์นั้น จะมีมูลค่าเพิ่มเป็นสองเท่า แตะที่ตัวเลข 62,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2022 ขณะที่บริษัท PwC คาดการณ์ว่า ราคาของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้มีมูลค่าคิดเป็น 20 เท่าของราคารถยนต์ 1 คัน จากเดิมที่เคยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 13 เปอร์เซ็นต์ของราคารถ (2015)
อย่างไรก็ดี มูลค่าตลาดที่เพิ่มขึ้นอาจไม่ใช่ข่าวดีของซัปพลายเออร์ เนื่องจาก Mark Boyadjis นักวิเคราะห์จาก IHS Market ระบุว่า เป็นไปได้ที่อุตสาหกรรมผลิตรถยนต์จะเลือกทำงานกับบริษัทที่ผลิตได้หลาย ๆ อย่างแล้วบรรจุมาในชุด ๆ เดียว มากกว่าจะต้องซื้อจากบริษัทเล็ก ๆ หลายบริษัทแล้วมาประกอบร่วมกันเอง เนื่องจากไม่ต้องการความยุ่งยากนั่นเอง
สำหรับโซลูชันของ Visteon คือ โมดูลคอมพิวเตอร์ที่มีชื่อว่า SmartCore ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางของการควบคุมระบบต่าง ๆ ในรถยนต์ รวมถึงระบบ Infotainment โดยในปีนี้ Visteon มีสัญญาแล้วกับสองบริษัทยักษ์ใหญ่ (แต่ไม่เปิดเผยมูลค่า) ได้แก่ Dongfeng Motor Corp บริษัทผู้ผลิตรถยนต์อันดับสองของจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเซ็นสัญญาไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และอีกรายหนึ่ง คือ Mercedes-Benz นอกจากนี้ ยังมีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติยุโรปอีกรายที่แสดงความสนใจจะเซ็นสัญญากับ Visteon ด้วย
อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่า เส้นทางของ Visteon อาจเปรียบได้กับนกฟินิกซ์ที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ก็เป็นได้ โดยบริษัทเคยแยกตัวออกจากฟอร์ด มอเตอร์สเมื่อสิบปีก่อน และประสบปัญหาทางการเงินจนเกือบล้มละลาย แต่ปัจจุบันด้วยธุรกิจใหม่ มูลค่าหุ้นของ Visteon นั้น ได้เพิ่มขึ้นถึง 50 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยส่วนหนึ่งมาจากการเซ็นสัญญากับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ของจีนด้วยนั่นเอง
ทิม เยอร์ดอน หัวหน้าฝ่ายการตลาดของ Visteon เผยว่า “คุณต้องเปลี่ยนแปลงให้เร็ว ถ้าไม่เช่นนั้น คุณจะไม่สามารถก้าวทันตลาดได้ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการ Reinvent ตัวเองใหม่เพื่อให้สามารถก้าวไปข้างหน้าได้”
ความสามารถของแดชบอร์ดอัจฉริยะนี้ในมุมของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ก็คือ มันสามารถขายได้ โดยเฉพาะในหมู่ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการประสบการณ์แบบไร้รอยต่อระหว่างการใช้งานสมาร์ทโฟน กับรถยนต์
และนี่ถือเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นใหญ่อีกหนึ่งชิ้นที่ทำให้ภาพของรถอัจฉริยะไร้คนขับที่มีกำหนดจะเปิดตัวในเชิงพาณิชย์ในปี 2020 ชัดเจนยิ่งขึ้น