โลกน่าจะเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เมื่อรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน Rick Perry ของสหรัฐอเมริกา เผยว่า ทางการมีแผนจะทุ่มงบประมาณ 258 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการพัฒนาซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ระดับ Exaflop เพื่อเอาชนะจีนแผ่นดินใหญ่ให้ได้
โดยงบประมาณ 258 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 8,764 ล้านบาทนั้น สหรัฐอเมริกาจะให้กับ 6 บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง เอเอ็มดี (AMD), Cray, HPE, ไอบีเอ็ม (IBM), อินเทล (Intel) และ เอ็นวิเดีย (Nvidia) เพื่อใช้ในการพัฒนาฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และแอปพลิเคชัน และทั้ง 6 บริษัทจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอย่างน้อยอีก 40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทำให้มูลค่าโดยรวมของโครงการนั้น อาจเกิน 430 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 14,615 ล้านบาท เลยทีเดียว
“การสร้างความแข็งแกร่งด้านการประมวลผลเป็นความจำเป็นต่อระบบซีเคียวริตีของเรา รวมถึงมีผลต่อการแข่งขันทางเศรษฐกิจในระดับประเทศ” รัฐมนตรี Perry กล่าว โดยเป้าหมายของโครงการ Exascale Computing Project (ECP) นี้ คือ การสร้างระบบประมวลผลที่ระดับ Exascale ให้ได้ภายในปี 2021
โดยผู้อำนวยการของโครงการ ECP อย่าง Paul Messina เผยว่า เงินลงทุนดังกล่าวจะประกอบไปด้วยการพัฒนานวัตกรรมด้านสถาปัตยกรรมเมมโมรี การสร้างการเชื่อมต่อความเร็วสูง การพัฒนาระบบให้มีความน่าเชื่อถือ และการเพิ่มพลังของการประมวลผลโดยที่ไม่กระทบต่อการสิ้นเปลืองพลังงาน
ส่วนหนึ่งของการทุ่มงบประมาณนี้อาจมาจากรายชื่อซูเปอร์คอมพิวเตอร์ 500 อันดับแรกของโลกที่ปัจจุบันสองอันดับแรกตกเป็นของ “จีนแผ่นดินใหญ่” โดยอันดับหนึ่ง ได้แก่ Wuxi ที่สปีดระดับ 93 petaflops และ Tianhe-2 ที่ระดับ 34 petaflops
ไม่เฉพาะสองชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา และจีน ที่จะแข่งกันในด้านซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ญี่ปุ่นเองภายใต้หน่วยงานอย่าง the Japanese National Institute of Advanced Industrial Science and Technology ก็มีแผนจะสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ทำงานในสปีด 130 petaflops เพื่อใช้ในการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ด้วยเช่นกัน ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณสูงถึง 19.5 พันล้านเยน หรือประมาณ 5.96 พันล้านบาท