เหตุการณ์ความไม่สงบ และสถานการณ์ของการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นอย่างหนักในสหภาพยุโรปหรือ EU ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา อาจทำให้ทาง EU ออกกฎหมายใหม่ที่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเจาะเข้ามาในคลาวด์ของบริษัทเทคโนโลยีได้โดยตรง
แม้จะเป็นแนวคิดที่ทำให้หลายฝ่ายหนักใจ แต่ในอีกด้านหนึ่งก็คาดว่า กฎหมายดังกล่าวจะช่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานได้รวดเร็วขึ้นในการหาข้อมูลหลักฐาน เพราะจากในอดีต กว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะได้ข้อมูลจากคลาวด์ของบริษัทเทคโนโลยีมาสืบสวนนั้น ต้องประกอบด้วยขั้นตอนยุ่งยาก ทั้งในฟากของหน่วยงานรัฐบาลเอง หรือแม้กระทั่งภาคธุรกิจ
ดังนั้น เมื่อข้อมูลดิจิตอลที่อยู่คลาวด์อาจบ่งชี้ให้เห็นถึงความพยายามในการก่อเหตุร้าย การอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าถึงได้โดยตรงก็อาจเป็นเรื่องที่จำเป็น
อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอดังกล่าวได้ทำให้เกิดความกังวลใจอย่างมากจากบริษัทเทคโนโลยีในเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลกับการอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถแอ็กเซสเข้ามาในฐานข้อมูลที่เก็บไว้บนคลาวด์ได้ ซึ่งในร่างกฎหมายนี้ก็มีทางเลือกเอาไว้ถึง 3 ทางในการขอข้อมูล โดยแบบที่ 1 จะเป็นการขอที่ประนีประนอมมากที่สุด นั่นคือ การให้เจ้าหน้าที่ของประเทศหนึ่งขอข้อมูลโดยตรงไปยังบริษัทไอทีในประเทศนั้น (จากเดิมต้องขอผ่านเจ้าหน้าที่ของประเทศนั้น ๆ ก่อน)
ส่วนแบบที่สอง เป็นการตั้งตัวแทนด้านกฎหมายเข้ามารับหน้าที่ดูแลขอข้อมูลให้ และให้บริษัทไอทีจัดส่งข้อมูลให้ตัวแทนเหล่านี้
แบบที่สาม คือ แบบรุนแรงที่สุด นั่นคือ การอนุญาตให้เอเจนซีที่ได้รับมอบหมายสามารถเจาะเข้าไปคลาวด์ได้เลย ซึ่งกรณีนี้อาจใช้ในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยง เช่น ไม่ทราบว่าคลาวด์นั้นๆ มีที่ตั้งอยู่ตรงไหน หรือมีความเสี่ยงว่าข้อมูลในคลาวด์กำลังจะถูกลบ
โดยจะมีการระบุชนิดของข้อมูลที่จำเป็นต่อการสืบสวน เช่น ข้อมูลด้านสถานที่ ข้อมูลทราฟฟิก และข้อมูลการแชตส่วนบุคคลต่อไป
ที่ผ่านมา มีตัวแทนด้านกฎหมายของเยอรมนี ที่ประสบปัญหาจากการเรียกขอข้อมูลจากบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐอเมริกา ที่มาตั้งศูนย์อยู่ในไอร์แลนด์ โดยพบว่า ใช้เวลานานมากกว่าจะได้ข้อมูลกลับมาสืบสวน ซึ่งหากกระบวนการตรงนี้ล่าช้ามากไป เป็นไปได้ว่า ในอนาคตจะมีเสียงเรียกร้องให้เกิดการเจาะระบบ โดยที่มีผู้ยอมสละความเป็นส่วนตัวของข้อมูลมากขึ้นก็เป็นได้