ไมโครซอฟท์ เดินหน้าสนับสนุน “โครงการกาแฟอินทรีย์รักษาป่า” ร่วมกับมูลนิธิสายใยแผ่นดิน นำแพลตฟอร์ทคลาวด์ ไมโครซอฟท์ อาซัวร์ (Microsoft Azure) ให้ใช้งาน ก่อนต่อยอดสู่การผลักดัน IoT สู่เกษตรกร และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องตามนโยบายภาครัฐ
นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากนโยบายของกระทรวงดิจิทัล ที่เน้นการลดความเลื่อมล้ำของสังคม ซึ่งตรงกับพันธกิจของไมโครซอฟท์ ในการสนับสนุนการนำเทคโนโลยีไปใช้งาน ทำให้ไมโครซอฟท์ มีการประกาศก่อนหน้านี้ว่า จะลงเงินสนับสนุนโครงการต่างๆ ทั่วโลก 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
“ภารกิจของไมโครซอฟท์ คือ ทำให้ทุกคนบนโลกนี้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างเท่าเทียมกัน เชื่อว่า แนวคิด “Public Cloud for Public Good (คลาวด์สาธารณะ เพื่อสาธารณะประโยชน์) ของไมโครซอฟท์ จะสามารถสร้างศักยภาพ ปกป้อง และสร้างแรงบันดาลใจ ให้กับผู้ที่ใช้เทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาประเทศไทยในทุกๆ ด้านไปพร้อมๆ กับผู้คนในทั่วทุกมุมโลก”
โดยตลอดระยะเวลา 23 ปีของไมโครซอฟท์ ในประเทศไทย ได้ร่วมมือกับองค์กรไม่แสวงผลกำไร และองค์กรธุรกิจต่างๆ ในการนำเทคโนโลยีคลาวด์มาช่วยลดช่องว่าง เพื่อสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงผ่านเทคโนโลยี
นับตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้บริจาคซอฟต์แวร์รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 70 ล้านบาท ให้กับองค์กรไม่แสวงผลกำไรต่างๆ กว่า 430 แห่ง จาก 70,000 รายทั่วโลก พร้อมการฝึกอบรมเทคโนโลยีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อช่วยให้องค์กรเหล่านั้น มีศักยภาพที่เพิ่มขึ้นในการทำงาน หรือแม้กระทั่งการช่วยเหลือกลุ่มผู้ด้อยโอกาสได้ดียิ่งขึ้น
นายธีรสิทธิ์ อมรแสนสุข รองประธาน มูลนิธิสายใยแผ่นดิน กล่าวว่า หลังจากที่ทางมูลนิธิสายใยแผ่นดิน ได้รับความสนับสนุนจากไมโครซอฟท์ ในการนำแอปพลิเคชันบนแพลตฟอร์มไมโครซอฟท์ อาซัวร์ มาช่วยตรวจสอบกระบวนการ และผลผลิตกาแฟโครงการกาแฟอินทรีย์รักษาป่า ช่วยให้พนักงานของเราตรวจสอบพื้นที่สวน กระบวนการ ผลผลิตกาแฟ และเก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็วขึ้น
“จากเดิมที่ใช้เวลา 4 เดือน ในการเก็บข้อมูล และมาประมวลผลแต่ปัจจุบัน สามารถทำให้แล้วเสร็จได้ในเวลาเพียง 1 เดือน หมายถึงการประหยัดเวลา 75% ที่ช่วยให้พนักงานที่เข้าไปเก็บข้อมูลสามารถทำงานได้รวดเร็วขึ้น และเปิดโอกาสให้มีการขยายพื้นที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น”
ปัจจุบัน มูลนิธิฯได้ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช และเกษตรกร 350 ครอบครัว ใน 9 หมู่บ้าน อนุรักษ์ และฟื้นฟูป่ากว่า 8,000 ไร่ ใน 3 ป่าต้นน้ำของอุทยานขุนแจ และลำน้ำกก โดยวิถีวนเกษตรอินทรีย์ มีกาแฟซึ่งสามารถปลูกได้โดยไม่ต้องไปตัดไม้ทำลายป่า และไม่ต้องใช้สารเคมีใดๆ เพื่อช่วยสร้างรายได้ในระยะยาว
ส่วนเป้าหมายของมูลนิธิฯ คือ การขยายพื้นที่ให้ครอบคลุมกว่า 20,000 ไร่ ภายในปี 2568 ที่จะเข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรมากกว่า 1,000 หลังคาเรือน ให้เข้าถึงการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการพัฒนาการทำเกษรตรกรรมให้ได้ผลผลิตดียิ่งขึ้น
นายโอม ศิวะดิตถ์ ผู้บริหารด้านนโยบายภาครัฐ ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลเสริมว่า ภายในปีนี้ไมโครซอฟท์ จะเดินหน้าสนับสนุนองค์กรไม่แสวงผลกำไรต่อเนื่อง พร้อมกับการเข้าร่วมกับพันธมิตรต่างๆ ในการเดินหน้านำเทคโนโลยี IoT มาช่วยเหลือในทุกภาคส่วน ในการช่วยขับเคลื่อนประเทศไทย
“ไมโครซอฟท์ ไม่ต้องการทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้าไปช่วยเหลือในทุกๆ พื้นที่ทั้งภาคการเกษตร หรือแม้ว่าจะไม่ใช่เกษตรกร ซึ่งถือเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับภาครัฐในการลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย”