ฟินเทค (FinTech : Financial Technology) นวัตกรรมทางการเงินที่กลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง ด้วยรูปแบบพฤติกรรมมนุษย์ที่เปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิตอล ผู้คนมากกว่าครึ่งโลกรู้จักเทคโนโลยีการสื่อสารเป็นอย่างดี แน่นอนว่าการเงินรูปแบบเดิมๆไม่ใช่ตัวเลือกที่สะดวกมากนัก หากแต่มีความมั่นคงเป็นหลักแหล่งที่เชื่อถือได้ว่าฝากเงินแล้วจะยังคงอยู่
แต่เมื่อไม่สะดวกจึงเป็นการเปิดโอกาสให้ฟินเทคเข้ามาสร้างหน่วยงานสะดวกสบายขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เพื่อสอดรับกับรูปแบบชีวิตประจำวันของคนรุ่นใหม่ที่นับวันจะเดินเข้าธนาคารฝาก-ถอนเงินน้อยลงทุกวัน และในปี 2017 ที่ทุกประเทศต่างช่วงชิงโอกาสการเป็นผู้นำระบบเงินดิจิตอล ยิ่งกระตุ้นสภาพแวดล้อมให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินเข้าสู่ยุคดิจิตอลมากยิ่งขึ้น ซึ่งนับเป็นปีทองของ ฟินเทค ที่จะก้าวกระโดดจากดาวรุ่งขนาดเล็กสู่ตลาดการเงินโลกอย่างเต็มรูปแบบ และนั่นก็หมายถึงบังลังก์การเงินโลกจะต้องโดนเขย่าอีกครั้ง
ทั้งนี้ ฟินเทค คือ นวัตกรรมเทคโนโลยี ที่เชื่อมโยงบริการทางการเงินกับผู้บริโภคผ่านแอปพลิเคชันจากเดิมที่ลูกค้าต้องเดินเข้าสู่ระบบธนาคาร เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการทำธุรกรรมที่ดีที่สุด
****ธนาคารยังไม่ตาย แต่ไม่โตถ้าไม่เปลี่ยนแปลง
เดิมธนาคารเป็นหัวใจสำคัญของการแลกเปลี่ยนเงินตรา ด้วยความมั่นคงและความน่าเชื่อถือของระบบการเงินที่ธนาคารมอบให้ แต่วันนี้โลกเปลี่ยนไป ธนาคารเริ่มปิดสาขาลงอย่างต่อเนื่อง คนรุ่นใหม่เริ่มไม่เดินเข้าธนาคารอีกต่อไป การบริการทางการเงินจึงเริ่มเปลี่ยนรูปแบบเป็นนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ขายพ่วงสินค้าที่ผู้บริโภคไม่ต้องการ แน่นอนว่าแนวคิดเช่นนี้เป็นการมองมุมที่ต้องดิ้นเอาตัวรอดของธนาคารในปัจจุบัน ขณะที่รูปแบบการบูรณาการด้วยเทคโนโลยีของธนาคารยังไม่เห็นเป็นรูปธรรมเนื่องจากโครงสร้างเดิมของธนาคารจะแบ่งแยกการจัดการแต่ละส่วนออกจากกัน เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้าซึ่งเป็นส่วนที่ธนาคารได้รับความไว้วางใจมากที่สุด แต่นั่นก็สร้างปัญหาให้ธนาคารกลายเป็นยักษ์ที่เดินอุ้ยอ้ายไปโดยปริยาย
ปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา ประธานบริหาร บริษัท แอสเซนด์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ระบบคิดของธนาคารมีการแยกส่วนอย่างชัดเจน แต่ละผลิตภัณฑ์ทางการเงินก็จะมีผู้ดูแลและกลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้ใช้ฐานข้อมูลเดียวกัน ซึ่งนั่นทำให้ธนาคารไม่สามารถดึงข้อมูลตลอดจนพฤติกรรมที่มีประโยชน์ต่อการพิจารณาลูกค้าได้อย่างเต็มที่ระหว่างผลิตภัณฑ์ของธนาคารเอง สังเกตได้จากการขออนุมัติสินเชื่อ แม้ว่าจะเคยเป็นลูกค้าธนาคารอยู่แล้ว แต่เป็นส่วนอื่นที่ไม่เกี่ยวกับสินเชื่อ การพิจารณาของธนาคารก็ยังคงเรียกหาข้อมูลทางการเงินของลูกค้าอยู่เช่นเดิม
'แม้ว่าธนาคารจะยังคงได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคอยู่ แต่รูปแบบของการใช้บริการที่แท้จริงจะเริ่มเข้าสู่ความสะดวกที่ส่งถึงมือผู้บริโภคมากกว่า ยกตัวอย่างแนวคิดของจีนที่มีการคิดทั้งกระบวนการ แทนที่จะคิดแยกและจบเป็นผลิตภัณฑ์ ทำให้ข้อมูลทั้งหมดของธุรกิจทั้งเครือสามารถนำมาต่อยอดเพื่อเปิดบริการใหม่ๆได้แบบเฉพาะเจาะจงแต่ละบุคคลมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างของอาลีบาบาที่ทำให้การซื้อ-ขายของประเทศจีนกระโดดข้ามจากระบบตัวแทนจำหน่าย เข้าสู่ยุคอีคอมเมิร์ชทันทีและเงินดิจิตอลก็มาพร้อมกันเพื่อส่งเสริมระบบชำระเงินให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น แต่ประเทศจีนก็มีรูปแบบเฉพาะตัวที่จะไม่มีทางเกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกันนั้นกับตลาดการเงินในประเทศอื่นๆได้'
ภูมิประเทศของจีนที่กว้างใหญ่แม้ว่าจะเอื้อให้เกิดการซื้อขายอีคอมเมิร์ซมากกว่าประเทศ อื่นๆ แต่โมเดลทางความคิดที่นำกระบวนการทั้งหมดเป็นศูนย์กลาง และเริ่มออกผลิตภัณฑ์บนพื้นฐานข้อมูลเดียวกัน ย่อมทำให้เกิดบริการทางการเงินที่ตรงความต้องการมากขึ้น และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่า ฟินเทค ก็มีมากกว่าธนาคารที่จะจำกัดด้วยกรอบใบอนุญาตของแต่ละประเทศ ซึ่งก็ทำให้โอกาสของฟินเทคที่จะเจาะเข้าสู่บริการแบบเฉพาะลูกค้า ทั้งในกลุ่มของที่ปรึกษาทางการเงิน กลุ่มประกัน ตลอดจนกลุ่มบริการที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ทั้งการรวมแต้มบัตรเครดิตและการจัดการสินเชื่อ ซึ่งบริการเหล่านี้จะเป็นเสมือนเลขาส่วนตัวในการจัดการด้านการเงินของผู้บริโภคในอนาคต
'เชื่อว่าอีก 2 ปีข้างหน้าจะเป็นยุคทองของฟินเทคอย่างแท้จริง โดยเราจะเริ่มเห็นฟินเทคเข้ามาแทรกตัวเป็นระบบชำระเงินในการจับจ่ายซื้อสินค้าและบริการในรูปแบบต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ และท้ายที่สุดจะกลายเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจใช้บริการของผู้บริโภคไปโดยปริยาย ขณะที่ธนาคารก็จะยังคงอยู่แต่เปลี่ยนสถานะเป็นบัญชีหลักที่น่าเชื่อถือ'ปุณณมาศ กล่าวย้ำ
ขณะที่ กรณ์ จาติกวณิช ประธานชมรมฟินเทคแห่งประเทศไทย มองถึงมูลค่าของฟินเทคที่แม้ว่าจะเป็นเพียงหนึ่งในสาขาของสตาร์ทอัป แต่ก็มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยจะมีรายได้ผ่านกลุ่มธนาคาร ประกัน และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้รวมกันกว่า 1 ล้านล้านบาทต่อปี สร้างผลกำไร 2 แสนล้านบาทต่อปี และมีมูลค่าตลาดรวมกันมากถึง 2.5 ล้านล้านบาท
****บล็อกเชน แพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือของ ฟินเทค
ความน่าเชื่อถือเป็นหัวใจของการเงินในอดีตและอนาคตอย่างลึกซึ้ง ซึ่งหากจะบอกว่า ฟินเทครายเล็กจะไม่มีโอกาสสร้างความน่าเชื่อถือก็คงพูดได้ไม่เต็มปากนัก เพราะเมื่อหลายปีก่อนมีการสร้างระบบเงินดิจิตอลที่เรียกว่า Bitcoin ภายใต้ แพลตฟอร์มที่ชื่อ 'บล็อกเชน' ซึ่งร้อยเรียงบันทึกทางการเงินเป็นบล็อก โดยแต่ละบล็อกมีสำเนาที่เหมือนกันเพื่อบันทึกข้อมูลที่ตรงกัน ดังนั้นเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงจะถูกบันทึกและเผยแพร่อย่างรวดเร็ว ทำให้ปัญหาการทุจริตหรือแอบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเป็นเรื่องยากเกินกว่าผู้ใดจะทำได้
อเล็กซ์ แทปสก็อตต์ กูรูชื่อดังด้านบล็อกเชน ผู้เขียนหนังสือเรื่อง 'BLOCKCHAIN REVOLUTION' กล่าวบนเวทีเสวนาที่จัดขึ้นโดยดีแทค ในประเทศไทยว่า บล็อกเชนเป็นนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ที่จะเอื้อให้เกิดความน่าเชื่อถือกับข้อมูลที่เปิดเผยได้อย่างที่สุด
'ในอนาคตการเปลี่ยนแปลงของโลกการเงิน จะเริ่มเข้าสู่รูปแบบของบล็อกต่อบล็อกมากขึ้น ด้วยการผสานแพลตฟอร์มดังกล่าวเข้ากับบริการทางการเงินที่มีการตัดตัวกลางออกไป โดยจะเป็นการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ด้วยกันเองแบบที่ไม่ต้องผ่านแม้กระทั่งเบราว์เซอร์ แต่จะยังคงใช้อินเทอร์เน็ตในการเชื่อมโยงระหว่างกัน โดยการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านบล็อกเชนจะถูกบันทึกเป็นสำเนาและเผยแพร่สู่บล็อกในเครือข่ายที่ไม่สามารถลบได้ ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการที่น่าเชื่อถือมากที่สุด'
ขณะที่ความท้าทายของ ฟินเทค เริ่มเข้มข้นขึ้น เมื่อฮ่องกง และสิงคโปร์ แข่งขันจริงจังในการช่วงชิงตำแหน่งผู้นำด้านการเงินดิจิตอลของเอเชียแปซิฟิก จากพฤติกรรมการใช้งานสมาร์ทโฟนที่นำโด่ง และการยอมรับเทคโนโลยีที่มีอย่างเหมาะสม เพื่อสร้างโอกาสทุกรูปแบบให้กลุ่มนักพัฒนาด้านฟินเทคเข้ามาตั้งฐานการพัฒนาในประเทศของตน ซึ่งการแข่งขันนี้จะเป็นการกระตุ้นให้เกิดบริการใหม่จากฟินเทคที่เข้าร่วมอย่างมากมาย แน่นอนว่าเมื่อเกิดบริการที่มากขึ้น ย่อมเกิดการพัฒนาให้บริการมีคุณภาพและตรงใจผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น และท้ายที่สุด ฟินเทค ก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไม่ต่างจากการใช้งานโซเชียลในปัจจุบัน
ในประเทศไทยตัวอย่างของฟินเทคที่เกิดและเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงปีที่ผ่านทั้งบริการด้านที่ปรึกษาทางการเงิน การบริการด้านระบบชำระเงินอย่าง 2C2P การประกันภัยหรือแม้กระทั่งบริการรีไฟแนนซ์อย่าง Refinn ที่มีผู้ไว้วางใจใช้บริการเป็นมูลค่าสูงถึง 3,505 ล้านบาท นับเป็นปรากฏการณ์ที่บ่งชี้ว่า ในปี 2017 จะเริ่มนับหนึ่งปีทองของฟินเทคอย่างแท้จริง