เอซุส เล็งขยายตลาดสมาร์ทโฟนสู่ระดับพรีเมียม หลังเปิดตัว Zenfone 3 ซีรีส์คลุมราคาตั้งแต่ 5,990-28,990 บาท โดยหวังว่าสมาร์ทโฟนระดับราคาเกิน 1 หมื่นบาท จะสร้างสัดส่วนรายได้ไม่ต่ำกว่า 20% ภายในปีนี้ หลังจากก่อนหน้านี้รายได้หลักมาจากสมาร์ทโฟนระดับกลาง หวังขึ้นเป็น 1 ใน 3 ผู้นำภายในสิ้นปีนี้ ส่วนโน้ตบุ๊กจะเน้นจับตลาดระดับไฮเอนด์ และเกมเมอร์ยังมีอัตราการเติบโตอยู่
นายเจฟฟ์ โล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในกลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟน เอซุส มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่า 100% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยมีรายได้อยู่ที่ราว 5 พันล้านบาท ซึ่งเป้าหมายของประเทศไทย คือ การขึ้นไปเป็น 1 ใน 3 แบรนด์ผู้นำในตลาดสมาร์ทโฟนภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่อันดับ 6 ด้วยส่วนแบ่งตลาดราว 4.5%
“ที่ผ่านมา เอซุส จะเน้นการทำตลาดสมาร์ทโฟนในระดับราคา 4,500-10,000 บาท ที่ถือเป็นสัดส่วนประมาณ 60% ของตลาด ซึ่งที่ผ่านมา เอซุส ได้รับการตอบรับค่อนข้างดีจากกลุ่มระดับราคาดังกล่าว และยังถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักในการทำตลาด แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ต้องการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้มีความเป็นพรีเมียมมากยิ่งขึ้น พร้อมกับการวาง Zenfone 3 ให้มีระดับราคาเกิน 10,000 บาทขึ้นไป ก็เพื่อจะขยายตลาดดังกล่าวให้เพิ่มมากขึ้น และคิดเป็นสัดส่วนรายได้ราว 20% ของเอซุส ภายในปีนี้”
การที่จะขึ้นเป็นที่ 3 ในตลาดสมาร์ทโฟนประเทศไทยได้ จะต้องมีส่วนแบ่งตลาดราว 12% ซึ่งจากปัจจุบัน เอซุส ต้องเพิ่มส่วนแบ่งตลาดขึ้นเท่าตัวในปีนี้ให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ การขยับช่วงราคาสินค้าขึ้นมาก็ช่วยเพิ่มรายได้ด้านมูลค่าให้แก่ทางเอซุส ซึ่งทำให้เชื่อว่าจะสามารถขึ้นเป็นที่ 3 ในแง่ของมูลค่าได้ ส่วนแง่ของปริมาณอาจจะใช้เวลา 1-2 ปีข้างหน้า
สำหรับกลยุทธ์ในการทำตลาดสมาร์ทโฟนของเอซุส จะใช้แบรนด์ซีรีส์ Zenfone 3 ที่มีออกมาด้วยกันทั้งหมด 5 รุ่น เพื่อให้ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ตั้งแต่ Zenfone 3, Zenfone 3 Ultra เน้นหน้าจอขนาดใหญ่ 6.8 นิ้ว และ Zenfone 3 Deluxe ที่เป็นรุ่นไฮเอนด์มากับหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 821 รุ่นแรกของโลก
รวมถึง ASUS ZenFone 3 Laser ที่เน้นในด้านของการถ่ายภาพด้วยระบบโฟกัสเร็ว 0.3 วินาที และ ASUS ZenFone 3 Max ที่เน้นในเรื่องของแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ที่สามารถใช้เป็นพาวเวอร์แบงก์ให้สมาร์ทโฟนเครื่องอื่นได้ ซึ่งทั้ง 2 รุ่นดังกล่าวเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย โดยระดับราคาจะอยู่ที่ 5,990-28,990 บาท เริ่มวางจำหน่ายในช่วงปลายเดือนสิงหาคม
ในส่วนของช่องทางการทำตลาด ทางเอซุสมีการปรับรูปแบบการทำตลาดสมาร์ทโฟนให้แยกออกมาจากช่องทางไอทีเดิม ด้วยการดึงผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญด้านช่องทางจำหน่ายสมาร์ทโฟนมาเพิ่มเติม เพื่อคุมช่องทางในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ที่จะแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน พร้อมไปกับการลงทุนเพิ่มเติมทางด้านการทำตลาดที่จะเน้นทั้งออนไลน์ และออฟไลน์
ส่วนทางผู้บริหารที่คุมช่องทางจำหน่ายสมาร์ทโฟนก่อนหน้านี้ ก็จะกลับไปคุมในส่วนของสินค้าไอทีที่จะโฟกัสให้มากขึ้น เนื่องจากมีการนำสินค้ารุ่นใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่มมากขึ้น ในช่วงราคาเกิน 40,000 บาท ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีการเติบโต โดยในกลุ่มผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กก็ได้มีการเปิดตัว Asus ZenBook 3 ที่ชูในแง่ความบางเบาของตัวเครื่อง กับประสิทธิภาพตัวเครื่องระดับ Core i7 ซึ่งทางเอซุสเคลมว่า เหนือกว่าคู่แข่งอย่างแอปเปิล ทั้งในส่วนของแมคบุ๊ก และแมคบุ๊กแอร์ ในราคา 69,990 บาท
ส่วนตลาด 2-1 ก็จะมี ASUS Transformer 3 และ Transformer 3 Pro ที่เป็นทั้งโน้ตบุ๊ก และแท็บเล็ต ประสิทธิภาพสูงมาให้เลือกใช้งาน ซึ่งจะชูจุดเด่นไปที่หน่วยประมวลผลที่มีให้เลือกทั้ง 7th Gen Core รุ่นประหยัดพลังงานที่จะเปิดตัวในช่วงสิ้นเดือนนี้ และ 6th Gen Core i ให้เลือก กับดีไซน์ของตัวเครื่องที่ช่วยให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น จากขนาดหน้าจอ 12.6 นิ้ว วางจำหน่ายในระดับราคา 40,990-59,990 บาท
ขณะที่ภาพรวมของตลาดโน้ตบุ๊ก แม้ว่าตลาดจะไม่เติบโตมากนัก แต่ก็เชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท-1 หมื่นล้านบาทในปีนี้ จากส่วนแบ่งตลาดในปัจจุบันที่ 24.3% ส่วนในตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอซุส ถือเป็นผู้นำในกลุ่มผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กจากส่วนแบ่งตลาดกว่า 26%
“เอซุส เชื่อว่า การมาของสินค้าในกลุ่ม Transformer และ Zenbook 3 จะเข้ามาช่วยเสริมกลุ่มลูกค้าในระดับบนที่ต้องการเครื่องที่มีดีไซน์สวยงาม และประสิทธิภาพสูง ขณะที่ในตลาดเกมก็ถือเป็นอีกตลาดที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง”
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวแบรนด์พรีเซนเตอร์คนแรกของเอซุส ประเทศไทย คือ ปู ไปรยา สวนดอกไม้ ลุนเบิร์ก ที่ทางเอซุสหวังว่าจะเข้ามาช่วยเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ เพื่อเสริมภาพลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ ที่จะช่วยสะท้อนภาพแบรนด์เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ภายใต้แนวคิด “Zenvolution” ซึ่งปัจจุบัน ประเทศไทยถือเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพียงแต่ว่าปัจจุบัน สร้างรายได้ให้เอซุส เป็นอันดับ 3 รองจากอินโดนีเซีย และมาเลเซีย
Company Relate Link :
ASUS