การนำสมาร์ทโฟนขนาดหน้าจอ 6 นิ้ว เข้ามาทำตลาดถือเป็นจุดที่ซัมซุงต้องทำการบ้านมาเป็นอย่างดี เพราะที่ผ่านมา ด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่เกินไปทำให้สมาร์ทโฟนกลุ่มนี้ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร แต่ด้วยดีไซน์ของฟอร์มเฟคเตอร์ที่สามารถลดขนาดเครื่องลงมาไม่แตกต่างจากหน้าจอ 5.5 นิ้ว จึงเป็นจุดสำคัญที่ซัมซุงเลือกนำ Galaxy A9 Pro เข้ามาชิงส่วนแบ่งในกลุ่มขนาดหน้าจอ 6 นิ้วอีกครั้งหนึ่ง
นางสาววราภรณ์ ลิขิตจรรยากุล ผู้จัดการผลิตภัณฑ์อาวุโส ธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เล่าให้ฟังถึงแนวคิดที่เลือกนำ Samsung Galaxy A9 Pro เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยว่า ซัมซุงให้ความสำคัญกับ 4 จุดสำคัญ คือ 1.เรื่องของแบตเตอรี่ ขนาด 5,000 mAh 2.หน้าจอขนาด 6 นิ้ว ในขนาดตัวเครื่อง 5.7 นิ้ว (ไม่ต่างจาก Note 5) 3.เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกที่รองรับ 4G/3G ทั้ง 2 ซิม และ 4.กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สำหรับคนที่ชื่นชอบการเซลฟี่
“ก่อนหน้านี้ ซัมซุงเคยวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนในระดับหน้าจอ 6.3 นิ้วมาแล้วอย่าง Galaxy Mega แต่ผลตอบรับที่ได้ไม่ดีเท่าที่ควร ลูกค้าให้ความสนใจกับขนาดตัวเครื่องที่สามารถถือใช้งานได้สะดวกมากกว่า จนมาเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นจากการวางจำหน่าย Galaxy A ซีรีส์อย่าง A7 และ A8 ที่แม้หน้าจอจะมีขนาดใหญ่ แต่ด้วยฟอร์มของตัวเครื่องที่จับถนัดง่ายขึ้น ตอบโจทย์กับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี”
อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญที่ทำให้ซัมซุงเลือก A9 Pro มาจำหน่ายหลักๆเลยคือเรื่องของแบตเตอรี ขนาด 5,000 mAh ที่รองรับการใช้งานต่อเนื่องใน 1 วันได้อย่างสบายๆ เพราะทางซัมซุงมีการสำรวจถึงการใช้งานของผู้บริโภคพบว่า ส่วนใหญ่จะมีความกังวลเกี่ยวกับแบตเตอรี ที่ไม่พอใช้งานทำให้ต้องพกพาวเวอร์แบงก์ติดตัวไปตลอดเวลา ทำให้ไม่สะดวกในการใช้งาน
'ด้วยระดับราคาของ A9 Pro ที่อยู่ในช่วงหมื่นกลางๆ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ผู้ใช้มีความรู้ในการใช้งานสมาร์ทโฟนอยู่แล้ว ดังนั้นถ้ามีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การใช้งาน ก็เชื่อว่าลูกค้าจะให้ความสนใจ เพราะจากประสิทธิภาพต่างๆของตัวเครื่องที่ให้มาถือว่าครบถ้วน มีความแตกต่างจากเครื่องรุ่นอื่นๆอย่างชัดเจน'
อีกจุดที่ซัมซุงพยายามชูขึ้นมาในช่วงที่ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือลดความสำคัญของการให้บริการ 2G คือ ตัวเครื่อง A9 Pro จะรองรับการใช้งานแบบ 2 ซิม ที่ซิมหลักที่เลือกจะรองรับการใช้งานทั้ง 3G และ 4G ขณะที่ซิมที่ 2 ซึ่งเปิดสแตนบายก็สามารถจับสัญญาณ 3G ได้ ทำให้ไม่กระทบกับการยกเลิกบริการ 2G ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และถือเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกที่รองรับการใช้งานดังกล่าวด้วย
สุดท้าย คือ กล้องหน้าที่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซึ่งถือเป็นรุ่นแรกของสมาร์ทโฟน Galaxy ด้วยที่นำความละเอียดดังกล่าวมาใช้งาน และเข้ามาช่วยตอบโจทย์ลูกค้าในยุคที่การถ่ายทอดสด (Live) กำลังได้รับความนิยม ช่วยให้ได้วิดีโอจากกล้องหน้าที่มีคุณภาพมากขึ้น พร้อมกับภาพนิ่งคุณภาพสูงจากโหมดเซลฟี่ของซัมซุง
นอกจากนี้ นางสาววราภรณ์ ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการออกไลน์สินค้าของซัมซุง ที่ในช่วงหลังจะมีการปรับซีรีส์ของสินค้าให้น้อยลง ดังที่เห็นว่า ปัจจุบันจะมีอยู่ 4 ซีรีส์หลักๆ คือ Galaxy J ที่เป็นสมาร์ทโฟนสำหรับกลุ่มเริ่มต้นใช้งานระดับราคาต่ำกว่า 1 หมื่นบาท ถัดมา คือ Galaxy A ที่เน้นวัสดุ และดีไซน์ของสินค้าที่ให้ความเป็นพรีเมียมมากยิ่งขึ้นในช่วงราคา 10,000-17,000 บาท ถัดมาก็จะเป็น 2 รุ่นที่เป็นแฟล็กชิป คือ Galaxy S และ Galaxy Note ที่เป็นกลุ่มเครื่องระดับไฮเอนด์
“ในช่วงแรกที่ปรับมาใช้การแบ่งซีรีส์ J และ A ตามด้วยตัวเลขที่จะบอกช่วงขนาดหน้าจอพอมีรุ่นใหม่ออกมา ที่ใช้ปีตามชื่อรุ่น ลูกค้าบางส่วนจะมีการสับสน แต่เมื่ออธิบายก็จะเข้าใจว่าเป็นรุ่นใหม่ และลูกค้าเริ่มเข้าใจแล้วว่า การบอกรุ่นตามด้วยปีอย่าง A7 2016 เป็นรุ่นใหม่ในปีนี้ ก็ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดี”
สำหรับ Samsung Galaxy A9 Pro จะมาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 652 RAM 4 GB พื้นที่เก็บข้อมูลในตัวเครื่อง 32 GB หน้าจอขนาด 6 นิ้ว ความละเอียด Full HD กล้องหลัก 16 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล พร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือ ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 6.0.1 วางจำหน่ายในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการเปิดราคาอย่างเป็นทางการ
Company Relate Link :
Samsung