ช่วงนี้บนโซเชียลเน็ตเวิร์ก และสื่อต่างๆ คงได้เห็นวิดีโอคอนเทนต์ “Galaxy Note” ล่าสุด จากซัมซุงในชื่อ “Beat the Ordinary” ที่มาพร้อมสโลแกนภาษาไทยสุดเก๋ไก๋ว่า “สมาร์ทโฟนที่ไม่ธรรมดาตั้งแต่เกิดและจะไม่ธรรมดาตลอดไป” แน่นอนว่าหลายท่านที่ได้ชมโฆษณาชิ้นนี้ครั้งแรกต้องเกิดความประหลาดใจกับรูปแบบการนำเสนอของซัมซุงที่ค่อนข้างฉีกแนวจากโฆษณาทั่วไปอย่างมาก โดยเฉพาะการบันทึกเสียง และคีย์คำพูดในโฆษณาที่ใช้คำตรงไปตรงมาได้อย่างมีลูกเล่นจนทีมงานไซเบอร์บิซต้องขออาสาพาไปเจาะลึกวิดีโอคอนเทนต์ “Beat the Ordinary” กันในวันนี้ แล้วคุณจะรู้ว่าโฆษณาชิ้นนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
แต่ก่อนอื่น สำหรับท่านผู้อ่านที่ยังไม่ได้รับชมโฆษณาชิ้นนี้ สามารถกดรับชมวิดีโอจากด้านล่างนี้ (ควรฟังเสียงผ่านหูฟังขณะรับชม)
ตลอดระยะเวลากว่า 5 ปีที่ Samsung Galaxy Note ทำตลาดมาจนถึงรุ่นที่ 5 โดยกลุ่มเป้าหมายสำคัญของ Galaxy Note ที่ชัดเจนมากสุดก็คือ กลุ่มคน Gen Y (เกิดระหว่างปี พ.ศ.2523-2540) ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในเรื่องความคิดที่เป็นตัวของตัวเอง ไม่กลัวอุปสรรค ชอบลองผิดลองถูก มีเป้าหมาย และต้องลงมือทำให้สำเร็จ ซึ่งก็สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของตัว Galaxy Note ที่เกิดมาเพื่อทลายกรอบ และขยายขีดจำกัดของการใช้สมาร์ทโฟนให้ทำอะไรได้มากกว่าด้วยปากกา S-Pen ที่นอกจากขีดเขียนแล้วยังสามารถใช้ทำงานสร้างสรรค์งานทั้งศิลปะ ดนตรี หรือใช้บันทึกไอเดียต่างๆ ได้ทันที
โดยถ้าดูจากโฆษณาจะพบว่า ซัมซุงได้ใช้วิธีนำเสนอรูปแบบใหม่ ด้วยการใส่เสียงบอกเล่าความคิดคน Gen Y กับเสียงบอกความโดดเด่นของตัวเครื่องให้ผู้ชมได้ยินพร้อมกัน (ใช้วิธีแยกเสียงลำโพงขวาเป็นเสียงความคิดคน และเสียงลำโพงซ้ายเป็นเสียงบอกความโดดเด่นของสมาร์ทโฟน) แน่นอนว่า ครั้งแรกที่ได้ยิน ผู้ชมต้องใช้สมาธิสูงมากเพื่อแยกคำของทั้งสองฝั่งออกมา ซึ่งวิธีการนี้ถือว่าซัมซุงทำได้ฉลาดมาก เพราะคนส่วนใหญ่ชมโฆษณาชิ้นนี้ครั้งแรกไม่มีใครฟังทันแน่นอน ต้องกดรับชมอีกครั้ง หรือสองครั้งเพื่อทำความเข้าใจคีย์เวิร์ดที่โฆษณาต้องการนำเสนอ
แต่ทั้งนี้ สำหรับบางคนอาจฟังไม่ถนัดแม้จะพยายามแล้วก็ตาม ทางซัมซุงก็ได้มีคลิปวิดีโอแบบแยกเสียงไว้ให้ชมด้วย
People Version
Smartphone Version
คราวนี้มาถอดใจความสำคัญของประโยคที่ซัมซุงนำเสนอในโฆษณานี้ทั้งหมดกันบ้าง
จะเห็นว่าทุกประโยคที่เราได้ยินจากโฆษณาชิ้นนี้ จุดสำคัญ คือ เสียงที่ได้ยินจากวิดีโอตัวแรกที่เหมือนเสียงตีกันแยกซ้ายขวา ซึ่งเมื่อลองวิเคราะห์ฟังแยกรูปประโยค และคำดูแล้ว ทุกประโยคจะได้ความหมายที่สอดคล้องกันทั้งหมด เหมือนคนกำลังคิดแล้วสมาร์ทโฟนก็สามารถตอบโต้ตามความคิดของเราได้ ยกตัวอย่าง ประโยคความคิดของคน คือ “เชื่อเถอะ มันยังมีเรื่องงี่เง่าอีกมากมาย ให้ลองขีด ลองเขียน ลองเล่น ลองทำอยู่ทุกวัน” อีกเสียงจากสมาร์ทโฟนก็พูดซ้อนกันว่า “แต่เกิดมาเพื่อรองรับเรื่องงี่เง่ามากมาย ให้คุณได้ขีด ได้เขียน ได้เล่น ได้ครีเอทอยู่ทุกเมื่อ” จะเห็นว่า เมื่อรวมทั้งสองประโยคเข้าด้วยกันก็เปรียบเสมือนว่า ถ้าคนสไตล์อย่างคุณต้องการใช้งานแบบไหน Galaxy Note ก็จะตอบรับความคิดคุณได้ทันทีทันใดเลย
ถือเป็นไอเดีย และแนวคิดที่ดีมาก ถึงแม้การชมครั้งแรกจะเข้าใจยากไปเสียหน่อย แต่เมื่อลองกดเล่นซ้ำอีกครั้ง และพยายามถอดใจความไปด้วย เชื่อว่าทุกคนจะเข้าใจตัวตนความเป็น Samsung Galaxy Note ได้ชัดเจนกว่า Commercial เดิมๆ แน่นอน หรือถ้าอยากฟังง่ายกว่านั้นก็ดูจากวิดีโอแยกความคิดระหว่าง People กับ Smartphone ก็จะทำให้เราได้ยินการวางคำ และรูปประโยคที่ชัดเจน ตรงไปตรงมา เข้าใจง่าย และมีความดิบเอาใจผู้ใช้โดยเฉพาะคน Gen Y ได้ดีมาก
สุดท้ายอีกหนึ่งสิ่งที่ทีมงานสัมผัสได้หลังจากชมวิดีโอคอนเทนต์ตัวนี้จบแล้วก็คือ “แนวคิดและตัวตนของ Galaxy Note ที่ชัดเจนพร้อมความเฟี้ยวฟ้าวโดนใจผู้บริโภคมากขึ้น เพราะนี่คือ “สมาร์ทโฟนที่ไม่ธรรมดาตั้งแต่เกิดและจะไม่ธรรมดาตลอดไป” Samsung Galaxy Note
(พื้นที่ประชาสัมพันธ์)
