“ดีแทค” อัดงบ 200 ล้านบาท ปั้นแบรนด์ดีแทคพรีเพด เจาะลูกค้ากลุ่มดิจิตอล พร้อมออกซิมดีแทค ซูเปอร์ 4G เน้นลูกค้ากลุ่มดิจิตอลเจเนอเรชัน คาดจะสามารถขยายจำนวนผู้ใช้บริการใหม่เพิ่มขึ้น 50% และมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นในปีนี้ 1 ล้านราย ชี้ที่ผ่านมา ลูกค้ากลุ่มเติมเงินมักจะมีข้อจำกัดทางด้านการใช้งานดิจิตอล แต่มีความต้องการใช้สูง จึงได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะสามารถตอบสนองลูกค้ากลุ่มนี้ และดึงให้มาใช้งานเพิ่มขึ้นได้ด้วยจุดเด่นดูมิวสิก สตรีมมิ่งฟรี 24 ชั่วโมง
นายลาร์ส นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า ดีแทค พร้อมพาลูกค้าในระบบเติมเงิน หรือพรีเพดเข้าสู่ยุคดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบ โดยได้ลงทุนกว่า 200 ล้านบาท ในการทำแคมเปญสำหรับกระตุ้นตลาดในส่วนนี้ ด้วยการส่งซิม “ดีแทค ซูเปอร์ 4G” (dtac Super 4G) ภายใต้ชื่อ “ดีแทคพรีเพด” เพื่อเป็นการขยายตลาดสู่กลุ่มดิจิตอลเจเนอเรชัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถขยายจำนวนผู้ใช้บริการใหม่สุทธิให้เติบโตสูงขึ้นกว่า 50% และมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นในปีนี้ 1 ล้านราย
ปัจจุบัน พฤติกรรมของลูกค้าในระบบเติมเงิน จำนวน 68% เป็นกลุ่มที่ใช้สมาร์ทโฟน โดยมีปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตต่อวันเติบโตขึ้นมากถึง 46% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา และกว่า 94% มีการใช้งานเพื่อความบันเทิงผ่านการดูยูทูป (YouTube) ซึ่งจากผลสำรวจสะท้อนให้เห็นว่า ลูกค้าในกลุ่มเติมเงินส่วนใหญ่เป็นกลุ่มดิจิตอลเจเนอเรชันที่ใช้ชีวิตอยู่บนโลกออนไลน์เป็นหลัก ดีแทคจึงได้พัฒนาบริการเพื่อนำมาตอบสนองความต้องการดังกล่าว
“ดีแทคได้ทำการตลาดภายใต้กลยุทธ์ One Brand Strategy เพื่อสร้างความแข็งแกร่งเป็นหนึ่งเดียวให้แก่แบรนด์ โดยการใช้ชื่อดีแทคพรีเพดนั้น เพื่อนำเสนอบริการด้านดิจิตอลที่แตกต่าง และตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดีที่สุด ส่วนชื่อแบรนด์แฮปปี้นั้นยังคงอยู่ แต่จะเน้นให้เป็นแบรนด์ที่ใช้งานทางด้านเสียงมากกว่า เราจะนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ภายใต้ชื่อดีแทค เราทำให้ชัดเจนมากขึ้น ให้เป็นแบรนด์ดิจิตอลมากขึ้น”
ทั้งนี้ การแข่งขันที่มีการแจกเครื่องฟรีทำให้ดุเดือดขึ้น ทำให้โพสต์เพดโตขึ้นก็จริง แต่ในปัจจุบัน ลูกค้า 80% คือ พรีเพด ดังนั้น การตอบสนองด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ดังกล่าวจะช่วยดึงให้ลูกค้าเข้ามาใช้งานดิจิตอลมากขึ้น เพราะมีทั้งยูทูป สตรีมมิ่ง ดาต้า ครบ เป็นการตอบโจทย์ดิจิตอลเพื่อทำโปรดักต์ให้เป็นดิจิตอลที่ชัดเจนมากขึ้น
นายลาร์ส กล่าวว่า การใช้ชื่อดีแทค ซึ่งเป็นแบรนด์ที่แข็งแรงจะช่วยทำให้ลูกค้าเข้าใจในภาพของความเป็นดิจิตอลได้มากกว่าแบรนด์แฮปปี้ และนำเสนอภาพของดิจิตอลได้ดีกว่า ซึ่งที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มของพรีเพดยังมีข้อจำกัดด้านการใช้งานดิจิตอลอยู่ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ลูกค้าพรีเพดจะได้ใช้งานดิจิตอลได้อย่างเต็มที่ ภายใต้คลื่นความถี่ที่แม้จะไม่ได้เข้าร่วมประมูลเพิ่มก็ยังมีอยู่ ยังเกินพอที่จะใช้งานเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน
ด้าน นายสิทธิโชค นพชินบุตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า การใช้ชื่อดีแทคพรีเพดในครั้งนี้ เรียกได้ว่า ดีแทคได้เดินหน้าสร้าง Value Proposition ใหม่ และเป็นการยกระดับมาตรฐานของแบรนด์ระบบเติมเงินด้วยการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพื่อรองรับกับการแข่งขันในตลาด ด้วยการนำข้อจำกัดทางด้านการใช้งานมาเป็นตัวกำหนดทิศทางตลาด
“ดิจิตอล เจเนอเรชันเป็นกลุ่มผู้ใช้งานที่มีอายุน้อย เน้นการสตรีมมิง เราจึงนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองกลุ่มนี้ โดยเฉพาะการใช้งานพรีเพดที่จะได้ใช้ดิจิตอลอย่างแท้จริง สามารถใช้สตรีมมิ่งได้ 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการใช้เน็ต น่าจะช่วยดึงลูกค้าใหม่เข้ามามากขึ้น โดยดีแทค ซูเปอร์ 4G (dtac Super 4G) ให้ลูกค้าสนุกกับเอนเทอร์เทนเมนต์ คอนเทนต์ได้ไม่จำกัด สามารถรับชมยูทูปฟรี ตั้งแต่เที่ยงคืนถึง 8 โมงเช้า และฟังเพลงผ่านมิวสิก สตรีมมิ่ง โดยไม่เสียค่าอินเทอร์เน็ตตลอด 24 ชั่วโมง และสิทธิการใช้งานอินเทอร์เน็ตฟรีสูงสุด 12GB”
นอกจากนี้ ยังมีโปรเสริม “เน็ต ฟรี คอล” (NET FREE CALL) ที่เมื่อเติมเน็ตก็หมดห่วงเรื่องค่าโทร.เริ่มต้นค่าบริการเพียง 29 บาท จนถึง 1,099 บาท โดยลูกค้าสามารถโทร.ภายในเครือข่ายดีแทค ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงได้รับสิทธิการใช้อินเทอร์เน็ตที่ความเร็วสูงสุดแบบไม่จำกัด และที่สำคัญในกรณีใช้อินเทอร์เน็ตไม่หมดสามารถทบไปใช้ในรอบต่อไปได้ นอกจากนี้ ลูกค้าที่ใช้โปรเสริม เน็ต ฟรี คอล ตั้งแต่ราคา 99 บาทขึ้นไป รับสิทธิเพิ่มเติมการใช้งานบริการ ดีแทค มิวสิก อินฟินิต (dtac MUSIC INFINITE) เพื่อฟังเพลงผ่านมิวสิก สตรีมมิ่ง โดยไม่เสียค่าอินเทอร์เน็ต และไม่หักอินเทอร์เน็ตจากแพกเกจหลักอีกด้วย
