เอ็นซีอาร์ มั่นใจปีนี้ธุรกิจสถาบันการเงินเมืองไทยมีการเติบโต โดยเฉพาะธุรกรรมทางการเงินในรูปแบบดิจิตอล เพราะนโยบายภาครัฐหนุน และสถาบันการเงินตื่นตัว พร้อมส่ง CxBanking โซลูชันสำหรับการทำธุรกรรมทางการเงินล่าสุดเจาะตลาดเมืองไทย ชี้กลยุทธ์ปีนี้มุ่งการนำเสนอซอฟต์แวร์ให้แก่ลูกค้ามากกว่าฮาร์ดแวร์ เพราะเห็นว่าสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ดีกว่า เผยตลาดเอทีเอ็มในเมืองไทยปีนี้จะเติบโตเพิ่มขึ้น 40%
นายยานโนส ปาปาดูปูโลส รองประธานฝ่ายบริการธุรกิจการเงิน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แปซิฟิก เอ็นซีอาร์ กล่าวว่า เอ็นซีอาร์มั่นใจว่าธุรกิจสถาบันการเงินในปีนี้จะมีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกรรมการเงินในรูปแบบดิจิตอล โดยเอ็นซีอาร์จะหันมาเน้นการนำเสนอซอฟต์แวร์ให้แก่ตลาดมากขึ้น เนื่องจากมีการสร้างมูลค่าได้มากกว่าฮาร์ดแวร์ ซึ่งปัจจุบัน เอ็นซีอาร์ได้ทำงานร่วมกับสถาบันการเงินต่างๆ อยู่หลายแห่ง โดยโซลูชันเกี่ยวกับเอทีเอ็ม ซึ่งในปีนี้คาดว่าตลาดเอทีเอ็มในเมืองไทยจะโตขึ้นประมาณ 40% และในปี 2020 และคาดว่าจะมีเอทีเอ็ม 1,200 เครื่องต่อประชากร 1 ล้านคน จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 700 เครื่อง
ล่าสุด เอ็นซีอาร์ เปิดตัวโซลูชันล่าสุด CxBanking สำหรับการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นเอทีเอ็ม โมบาย แบงก์กิ้ง รวมไปถึงไฟแนนซ์เทคโนโลยี โดยเอ็นซีอาร์มีทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ที่จะช่วยการใช้งานให้มีประสิทธิภาพ และความปลอดภัยเพิ่มขึ้น ช่วยการบริหารจัดการเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้เงินหมุนเวียนในสาขามีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดต้นทุนด้านการขนเงิน สามารถสร้างซีอาร์เอ็มระหว่างธนาคารกับลูกค้าได้ดีขึ้น และมีการให้บริการบรานซ์ทรานฟอร์เมชัน ซึ่งถือเป็นการลดขนาดสาขาธนาคารลง
ปัจจุบัน เอ็นซีอาร์มีเครื่องเอทีเอ็มให้บริการในเมืองไทยประมาณ 14,000 เครื่อง และมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยใน 3 เดือนที่ผ่านมา มีการติดตั้งไปแล้วประมาณ 3,200 เครื่อง ซึ่งการเติบโตดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายการเงินของภาครัฐที่มุ่งสู่ดิจิตอลเพิ่มขึ้น และสถาบันการเงินต่างๆ ก็มีการพัฒนาระบบธุรกรรมให้ทันสมัยมากขึ้น โดยปัจจุบัน เอ็นซีอาร์มีลูกค้าในเมืองไทย เป็นสถาบันการเงินเกือบทุกแห่ง ส่วนในระบบเช็คนั้นขณะนี้ได้ให้บริการเกือบทุกแบงก์ในประเทศแล้ว
นายยานโนส กล่าวว่า เอ็นซีอาร์มีโซลูชันที่ช่วยการจัดการเงินสดให้แก่สถาบันการเงิน การจัดการภายในสาขา มอนิเตอริงเอทีเอ็ม โดยมีโซลูชันที่หลากหลาย ทำให้การทำงานของสาขามีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำงานได้หลากหลายรูปแบบ ลดจำนวนคิวให้ลดลง มีความเสถียรในการใช้งาน นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ให้บริการโซลูชันเพื่อความปลอดภัยสำหรับช่องทางกาทำธุรกรรมธนาคารที่ตู้เอทีเอ็ม โดยเมืองไทยนับเป็นตลาดที่สำคัญของเอ็นซีอาร์ ส่วนในการทำตลาดโซลูชันนี้ เอ็นซีอาร์ มีการทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์ และการขายตรงถึงตัวลูกค้า
ด้าน นายแมทธิว ฮีพ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและนโยบาย เอเชีย แปซิฟิก เอ็นซีอาร์ กล่าวว่า เอ็นซีอาร์ยังได้ทำการเปิดตัว SelfServ 83 recycling ATM เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าสถาบันการเงินในเอเชีย โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงาน สามารถรับมือต่อการทำธุรกรรมปริมาณที่สูงทั้งการจ่ายเงินสด และเงินฝาก โดยโมดูลรีไซเคิลล่าสุด Bunch Recycling Module เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยลดปริมาณเงินสดตามช่องทางการเบิกจ่าย และจำกัดจำนวนครั้งสำหรับการเติมเงิน และเมื่อใช้ควบคู่กับซอฟต์แวร์ NCR cash Manager จะช่วยให้สถาบันการเงินสามารถควบคุม และบริหารจัดการเงินสดได้ง่ายขึ้น
ปัจจุบัน เอ็นซีอาร์มีการให้บริการทั้งหมด 10 ประเทศ กว่า 200 แบงก์ มีพาร์ตเนอร์ 11 แห่งทั่วโลก มีการให้บริการเอทีเอ็ม 82,500 เครื่องในเอเชียแปซิฟิก มี 56 ล้านการทำธุรกรรมต่อปี สำหรับในเมืองไทยนั้นเอ็นซีอาร์มีเซอร์วิส เซ็นเตอร์อยู่ 36 แห่ง โดยคาดว่าในปี 2020 จะมีเอทีเอ็ม 328,600 เครื่องในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้