อรูบ้า เล็งตลาด IoT ไทยกำลังเติบโตจากการใช้งานไวไฟที่เพิ่มขึ้น พร้อมส่งระบบบริหารจัดการเครือข่าย Aruba AirWave เข้ามาตอบสนองความต้องการธุรกิจที่ต้องการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้สามารถออกแบบ และขยายระบบเครือข่ายที่มีอยู่ให้กลายเป็น Digital Workplace ได้อย่างสมบูรณ์ ด้านเอชพี เผยการซื้ออรูบ้าจะช่วยให้เกิดโซลูชันที่สมบูรณ์ และการเชื่อมต่อแบบเอนด์ทูเอนด์มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายอาโมล มิตรา ผู้จัดการทั่วไป ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและประเทศญี่ปุ่น ฝ่ายดูแลผลิตภัณฑ์ Aruba, Hewlett Packard Enterprise company กล่าวว่า ตลาด IoT (Internet of Thing) ในเมืองไทยกำลังจะเริ่มเติบโต เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้งานไวไฟตามบ้านเรือนเพิ่มมากขึ้น และหลังจากนี้ ตลาดจะเริ่มปรับตัวเข้าหาอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับไวไฟเพิ่มขึ้น อย่างเช่น ทีวี หรือสมาร์ทดีไวซ์อื่นๆ ที่จะเข้ามาสร้างความสะดวกสบาย ซึ่งจะก่อให้เกิดการใช้งาน IoT เพิ่มมากขึ้น โดยการใช้งานเหล่านี้จำเป็นต้องมีแอปพลิเคชันเข้ามาควบคุม และแอปพลิเคชันเหล่านั้นจำเป็นต้องได้รับการจัดการด้านความปลอดภัยที่ดีด้วย อรูบ้า จึงได้เตรียมผลิตภัณฑ์ และโซลูชันที่ตอบสนองความต้องการของตลาดในส่วนนี้
สำหรับ IoT นั้นแนวคิดหลักคือ ให้แต่ละอุปกรณ์ที่เป็นฟิกซ์ดีไวซ์สามารถทำงานได้ รับคำสั่งได้ นอกจากนี้ ด้วยเทคโลยีที่อรูบ้ามีอยู่ยังสามารถบอกได้ว่า อุปกรณ์เหล่านั้นอยู่ที่ไหน เพื่อสร้างประสิทธิภาพในการเข้าถึง และจัดการการเชื่อมต่อผ่านรีโมตได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ที่จะสามารถช่วยลดต้นทุนได้
“การเชื่อมต่อแบบไร้สายถือเป็นจุดเด่นสำคัญของอรูบ้า ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ และโซลูชันที่มีอยู่จึงจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย สร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดี ทั้งการใช้งาน IoT การใช้งาน Mobility และ Cloud สามารถตอบสนองต่อพฤติกรรมการทำงานรูปแบบใหม่ การเติบโตอย่างรวดเร็วของอุปกรณ์พกพา และอุปกรณ์ IoT รวมถึงแอปพลิเคชันที่อยู่บน Cloud ได้ ทำให้องค์กรมีความต้องการในการเชื่อมต่อเครือข่ายได้อย่างคล่องตัว ทั้งระบบเครือข่ายแบบมีสาย และไร้สาย หรือทั้ง 2 ระบบผสมกัน”
นายอาโมล กล่าวว่า โซลูชันระบบเครือข่ายล่าสุด และแนวทางในการใช้ซอฟต์แวร์เป็นหลักของอรูบ้านี้ จะช่วยให้การบริหารจัดการระบบเครือข่าย และการรักษาความปลอดภัยจะช่วยทำให้องค์กรที่มีระบบ IT เป็นหลักสามารถออกแบบ และขยายระบบเครือข่ายที่มีอยู่ให้กลายเป็น Digital Workplace ได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยซอฟต์แวร์อย่าง Aruba Clarity ซอฟต์แวร์โมดูลล่าสุดในระบบบริหารจัดการเครือข่าย Aruba AirWave จะช่วยให้สามารถตรวจสอบค่าต่างๆ หลากหลายได้ล่วงหน้า เช่น เวลาที่อุปกรณ์พกพาใช้ในการเชื่อมต่อกับสัญญาณ Wi-Fi เวลาที่ใช้ในการยืนยันตัวตนเข้ากับ RADIUS Server และเวลาที่ใช้ในการรับ IP Address เป็นต้น
ด้าน นายศักดิ์ชาย ปัญญจเร ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีน Aruba, Hewlett Packard Enterprise company กล่าวว่า เอชพีเห็นเทรนด์การเปลี่ยนแปลง รวมถึงการใช้งานแบบ Gen Mobile ที่จะมีการใช้อุปกรณ์ดีไวซ์หลายชิ้นในเวลาเดียวกัน ทำให้การออกแบบเน็ตเวิร์กต้องปรับเป็น Digital Workplace ดังนั้น จึงเป็นที่มาของการซื้ออรูบ้าเข้ามาเสริมเข้ากับเอชพี เนื่องจากอรูบ้า มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ โดยที่ผ่านมา เอชพีแข็งแกร่งทางด้านดาต้าเซ็นเตอร์ แลน และซอฟต์แวร์ดีไฟน์เน็ตเวิร์ก มีจุดแข็งอยู่ที่การจัดการเน็ตเวิร์กเพื่อรองรับต่อความต้องการของลูกค้า ส่วน อรูบ้า มีจุดแข็งที่ไวไฟ และออนท็อปไวไฟ พอรวมกันก็ทำให้เกิดโซลูชันที่สมบูรณ์ ทำให้การเชื่อมต่อแบบเอนด์ทูเอนด์ทำให้ผู้ใช้งานมีประสบการณ์การใช้งานเชื่อมต่อที่ดี
นอกจากนี้ ด้วยความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ของ HPE Services ในการผสานรวมระบบจากผู้ผลิตที่หลากหลาย และการติดต่อประสานงานภายในโครงการ จะช่วยลดความเสี่ยง และระยะเวลาที่ใช้ในการติดตั้งลงได้ บริการเหล่านี้จะนำเสนอตามความต้องการของผู้บริโภค เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลจากอุปกรณ์ที่มีความสำคัญต่อธุรกิจซึ่งเชื่อมต่อเครือข่ายอยู่ บริการของ HPE จะช่วยให้การนำปัจจัยสำคัญในการมุ่งไปสู่การเป็น Digital Workplace ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดกลยุทธ์ การประเมิน การออกแบบ การติดตั้ง การผสานระบบ การบริหารจัดการ และการปรับแต่ง รวมไปจนถึงการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องให้แก่โซลูชันระบบเครือข่ายจากอรูบ้า