xs
xsm
sm
md
lg

ซัมซุงส่ง “สมาร์ท มัลติเอ็กซ์เพรส” ลงตลาดพรินเตอร์พรีเมียมเซกเมนต์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ซัมซุง คืนสังเวียนส่งพรินเตอร์มัลติฟังก์ชัน “สมาร์ท มัลติเอ็กซ์เพรส” ลงตลาดจับกลุ่มองค์กรธุรกิจที่ต้องการความปลอดภัยข้อมูลสูง มั่นใจด้วยความเป็นพรีเมียมเซกเมนต์ที่มาพร้อมฟังก์ชันโมบาย พรินต์ และแอนดรอยด์แอป สั่งพิมพ์งานได้โดยไม่ต้องมีไดรฟ์เวอร์พร้อมโซลูชันที่หลากหลาย ส่งให้ซัมซุงคืนความเป็นผู้นำในตลาดพรินเตอร์อีกครั้ง

มร.เดวิด ซอง รองประธานอาวุโส กลุ่มธุรกิจพรินเตอร์โซลูชัน บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า ปีนี้ซัมซุงจะให้ความสำคัญต่อตลาดพรินเตอร์อีกครั้ง โดยมองความพร้อมของตัวโปรดักต์ที่พัฒนามาเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในยุคปัจจุบันอย่างลงตัว แเละซัมซุงพร้อมทำตลาดอย่างเต็มที่

ทั้งนี้ ซัมซุงจะใช้ 3 กลยุทธ์หลักที่สำคัญ คือ 1.ความร่วมมือในระดับโลกกับผู้นำในอุตสาหกรรมเดียวกัน และภายนอกอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาโซลูชันด้านการพิมพ์เพื่อนำเสนอสู่ลูกค้า 2.สร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และ 3.สร้างสรรค์ระบบการทำงานแบบใหม่ที่สอดคล้องต่อสมาร์ทออฟฟิศ เพราะในปัจจุบันแนวโน้ม BYOD (Bring Your Own Devices) หรือการนำอุปกรณ์ส่วนตัวมาใช้ในการทำงานกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในสหรัฐฯ และยุโรปมีบริษัทกว่า 60% ที่ใช้โมบายแอปพลิเคชันในการทำงาน และมากกว่าครึ่งหนึ่งที่ใช้สมาร์ทโฟนในการทำงาน ซัมซุงจึงมุ่งพัฒนาโซลูชันเพื่อช่วยให้ธุรกิจ และลูกค้าเข้าสู่การทำงานรูปแบบใหม่นี้ได้

“ซัมซุงมีความพร้อมทั้งฮาร์ดแวร์ และบริการที่แตกต่าง รวมทั้งโครงสร้างด้านซอฟต์แวร์ใหม่ๆ สำหรับลูกค้ากลุ่มองค์กร โดยมีความตั้งใจจะเป็นผู้เล่นรายหลักในตลาดนี้ซึ่งจะเดินหน้าลงทุน สร้างความเชื่อถือ และความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งกับพันธมิตร เดินหน้าสร้างสรรค์โอกาสใหม่ๆ เพื่อสร้างสรรค์โซลูชันที่ดีเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าต่อไป”

ด้าน แอนนา โซ รองประธานกลุ่มธุรกิจโซลูชันพรินเตอร์ กล่าวว่า เทรนด์ใหม่ของโลก คือ โมบายพรินติ้ง ส่งผลให้ปริมาณการพิมพ์ไม่ลดลงแต่กลับเพิ่มปริมาณขึ้น จากข้อมูล IDC ระบุว่า จำนวนหน้าที่สั่งพิมพ์จากสมาร์ทโฟนสูงขึ้นต่อเนื่องในช่วงปี 2008-2016 โดยมีอัตราเติบโตขึ้นในปี 2016 ที่ 20%

ขณะที่ระบบคลาวด์จะช่วยส่งเสริมการทำงานยุคใหม่ เพราะช่วยให้ส่งงานได้จากทุกที่ ทุกเวลา ปัจจุบันมีผู้ใช้คลาวด์กว่าพันล้านคนทั่วโลก มีแอปพลิเคชันกว่าล้านแอปที่ช่วยสนับสนุนระบบคลาวด์พรินติ้ง และโมบายพรินติ้ง สิ่งที่ซัมซุงกำลังทำในปัจจุบันนี้ คือ ทำให้พรินเตอร์ธรรมดากลายเป็นสมาร์ทพรินเตอร์ โดยมองว่าพรินเตอร์เป็นศูนย์กลางขององค์กรธุรกิจ หรือ B2B

“ซัมซุงอาจมาช้ากว่ารายอื่นในตลาด แต่เราจะมองหากลุ่มลูกค้าใหม่ๆ categoryใหม่ ด้วยแพลตฟอร์มใหม่ๆ ที่จะนำเสนอ โดยที่ผ่านมา รายได้ส่วนใหญ่ของพรินเตอร์ 70% มาจาก B2B”

ด้าน นายบุญเลิศ วิบูลย์เกียรติ รองประธานธุรกิจลูกค้าองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวถึงการทำตลาดในประเทศไทยว่า หลังจากซัมซุงได้เปิดตัวพรินเตอร์ “สมาร์ท มัลติเอ็กซ์เพรส (SMART MultiXpress)” เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ซัมซุงถือเป็นเจ้าแรกที่นำระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์มาใช้ควบคุมการทำงาน ช่วยให้เกิดความสะดวกสบาย รวดเร็ว และง่ายดาย ส่งผลให้ได้รับกระแสตอบรับจากกลุ่มลูกค้าองค์กรเป็นอย่างดี

ในปีที่ผ่านมา ตลาดรวมพรินเตอร์ขนาด A3 อยู่ที่ 47,000 เครื่อง มูลค่า 255 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในปีนี้คาดว่าตลาดจะเติบโตจากปีที่ผ่านมา 5% เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจไทยไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดพรินเตอร์ โดยเฉพาะพรินเตอร์เลเซอร์ เนื่องจากยังมีความจำเป็นสำหรับการใช้งานในทุกๆ องค์กร และในปัจจุบันการสั่งพิมพ์ตรงจากสมาร์ทโฟนโดยตรงไม่ต้องผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ เริ่มเป็นกระแส และเป็นที่นิยมมากขึ้น

ล่าสุด ซัมซุงได้เปิดตัว “สมาร์ท มัลติเอ็กซ์เพรส 3” และ “สมาร์ท มัลติเอ็กซ์เพรส 7” โดย สมาร์ท มัลติเอ็กซ์เพรส 3 มีคุณสมบัติเด่น คือ มีความสามารถในการพิมพ์กราฟิกคุณภาพสูง ให้ภาพพิมพ์คมชัด สแกนความเร็ว 45 หน้าต่อนาที รองรับโซลูชันโมบายพรินติ้ง และคลาวด์พรินติ้งได้หลากหลายโดยไม่ต้องมีไดรฟ์เวอร์ สามารถสั่งงานจากสมาร์ทโฟนได้โดยใช้เทคโนโลยี NFC ที่ซัมซุงพัฒนาขึ้น

ส่วน สมาร์ท มัลติเอ็กซ์เพรส 7 เป็นพรินเตอร์มัลติฟังก์ชันขนาด A3 รุ่นเดียวในตลาดที่ใช้ซีพียูแบบ Quad Core ทำให้พิมพ์เอกสาร ส่งแฟกซ์ และสแกนรวดเร็ว ใช้เวลาในการเปิดเครื่องเพียง 18 วินาที และเมื่ออยู่ในโหมด Sleep จะพร้อมใช้งานได้ในเวลาเพียง 12 วินาที มีอินเทอร์เฟส Smart UX 2.0 ที่ช่วยให้เรียกดู และแก้ไขไฟล์ต่างๆ ได้โดยตรงที่เครื่องพรินเตอร์ เข้าถึงการทำงานส่วนตัวโดยการล็อกอินผ่านระบบ NFC หรือใช้รหัสส่วนตัวผ่านหน้าจอระบบสัมผัส และเชื่อมต่อผ่านระบบคลาวด์ที่มีความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลสูง

“ความโดดเด่นของพรินเตอร์ซัมซุงจะอยู่ที่ฟังก์ชันโมบายพรินติ้ง และแอนดรอยด์แอป ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในตลาดสหรัฐอเมริกา ทั้งธุรกิจกฎหมาย และโรงแรม เพราะมีความปลอดภัยของข้อมูลสูง ส่วนตลาดไทยที่น่าสนใจ เช่น การศึกษา บริษัทที่ปรึกษา และเฮลธ์แคร์”

นายบุญเลิศ กล่าวถึงเป้าหมายการเติบโตของตลาด B2B ในไทยว่า เป็นเป้าหมายเดียวกับตลาดโลก คือ 25%-30% ในปี 2020 จากปัจจุบันน้อยกว่า 10% โดยจากเดิมที่เน้นทำตลาดทั้งคอนซูเมอร์ และบิสิเนส มาปีนี้จะเน้นคอร์ปอเรตมากขึ้น โดยคาดว่าการเติบโตของรายได้ในธุรกิจพรินเตอร์ในไทยจะมีเปอร์เซ็นต์เติบโตที่มากกว่าการเติบโตของตลาดรวม

ปัจุบัน ซัมซุงมีดีลเลอร์อยู่ 40 ราย จะเพิ่มเป็น 55 ราย และแต่งตั้งทั้ง 55 รายนี้เป็นเซอร์วิส เซ็นเตอร์ด้วย โดยจะเพิ่มบทบาทจากขายแบบเดิมมาเป็นขายทั้งโซลูชันที่ไปพร้อมแอปพลิเคชันตลอดจนมีโปรดักต์รุ่นใหม่ๆ ออกมาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง

Company Related Link :
Samsung

Instagram


กำลังโหลดความคิดเห็น