ออราเคิล มั่นใจไอทีจะเริ่มกลับมาเป็นบวก เพราะมีการลงทุนด้านดิจิตอลมากขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมด้านไอที และผลประกอบการของออราเคิลดีขึ้นตามไปด้วย แนะธุรกิจต้องปรับตัวรับมือต่อเทคโนโลยีใหม่ และเมกะเทรนด์ รวมไปถึงการเปิดเออีซีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน และสร้างบริการที่ดีให้แก่ลูกค้า เผยออราเคิลมีโซลูชันพร้อมช่วยลูกค้า เริ่มตั้งแต่การให้บริการแบบฟรี และตอบสนองได้ทุกแพลตฟอร์ม
นายณัฐศักดิ์ โรจนพิเชฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ออราเคิลยังมองว่าภาพรวมตลาดไอทีจะเป็นในเชิงบวก โดยคาดว่าน่าจะมีการลงทุนเชิงดิจิตอลเพิ่มมากขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ยกระดับระบบการทำงาน รวมถึงการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ และพร้อมที่จะนำเสนอบริการตรงใจลูกค้า การเปลี่ยนผ่านทางดิจิตอลจะช่วยผลักดันให้ทั้งภาพรวมการลงทุนไอทีในประเทศไทย และผลประกอบการรวมของออราเคิลเองให้เติบโตได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ ภาพรวมการลงทุนไอทีในประเทศไทยปี 2559 มีแนวโน้มคงที่จากปี 2558 โดยไอดีซีมีการคาดการณ์ไว้ด้วยว่า จะโตเพียงประมาณ 3% พร้อมทั้งระบุว่า ภายในปี 2560 กว่า 50% ของบริษัทระดับท็อป 100 ในประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิตอล โดยเฉพาะการเงินการธนาคาร ค้าปลีก ภาคการผลิต โดยที่ดิจิตอล ทรานฟอร์เมชัน จะเป็นตัวผลักดันให้เกิดจุดเปลี่ยน แต่รูปแบบการลงทุนขององค์กรจะเปลี่ยนไป จากเดิมที่เน้นการลงทุนทั้งระบบ มาเป็นการทดลองทำโครงการขนาดเล็กก่อน เพื่อดูถึงผลดี และผลเสียก่อนที่จะขยายต่อ รวมถึงมีการร่วมมือกับคู่ค้าใหม่ ภายใต้การทำงานด้วยแนวคิดใหม่ๆ ผลสำรวจยังชี้ว่า ภายในปี 2561 การลงทุนไม่ต่ำกว่า 25% จะอยู่บนพื้นฐานของคลาวด์ และภายในปี 2563 จะเพิ่มเป็น 30-35%
“ธนาคารโลก และภาครัฐมีมุมมองว่าเศรษฐกิจปีนี้อาจไม่เติบโตมากนัก ดังนั้น ธุรกิจองค์กรต้องพยายามสร้างความแตกต่าง โดยมีไอทีเป็นปัจจัยสำคัญที่เข้ามาสร้างจุดเปลี่ยน นอกจากนี้ นโยบายดาต้า เซ็นเตอร์แห่งชาติของภาครัฐถือเป็นแนวทางการลงทุนที่ดีที่จะช่วยลดค่าใช้จ่าย เช่นเดียวกับการส่งเสริมอีเปย์เมนต์ที่นับเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ดีที่จะช่วยผลักดันให้ภาคธุรกิจมีการเติบโต ส่วนดิจิตอล อีโคโนมี ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันให้เอกชนต้องปรับตัวตาม และเราก็จะได้เห็นบริการรูปแบบใหม่ๆ ออกมามากขึ้น”
นายณัฐศักดิ์ กล่าวว่า การมาของ 4G จะส่งเสริมการใช้งานโซเชียลมีเดีย และโมบายมากขึ้น จนเรียกได้ว่าจะเข้ามาเปลี่ยนโฉมการบริการในทุกอุตสาหกรรมเลยทีเดียว มีการคาดการณ์ว่า ภายในปี 2561 จะมีประชากรไทยกว่า 50 ล้านคนใช้งานในส่วนนี้ นอกจากนี้ อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (IoT) จะเริ่มเข้าไปมีบทบาทต่อการลงทุนขององค์กร และจะมาแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเมกะเทรนด์ที่มีอิทธิพลอย่างมาก ประกอบด้วย คลาวด์ โซเชียลเน็ตเวิร์ก อินเทอร์เน็ต ออฟธิงส์ รวมถึงบิ๊กดาต้า โดยมีโมบายเป็นตัวสร้างจุดเปลี่ยน ดังนั้น การลงทุนของธุรกิจนั้นนอกจากจะต้องพิจารณาจากโจทย์ธุรกิจเป็นหลัก และเทรนด์ดังกล่าวแล้ว ยังต้องมองการแข่งขันระดับภูมิภาคอย่างการเปิดเออีซี เพื่อให้สามารถต่อยอดไปจากธุรกิจที่มีปัจจุบัน
“ออราเคิลพร้อมที่จะเข้าไปช่วยลูกค้าเตรียมความพร้อมด้านแพลตฟอร์มเพื่อสร้างบริการใหม่ๆ รองรับเทรนด์ดังกล่าว ด้วยการลงทุนได้อย่างยืดหยุ่น และมีทางเลือกหลากหลาย โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ ธุรกิจการเงินการธนาคาร ประกัน โทรคมนาคม การผลิต และการศึกษา รวมไปถึงกลุ่มเอสเอ็มอีที่ได้เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่รูปแบบซอฟต์แวร์แอสอะเซอร์วิสออกมานำเสนอสู่ตลาด”
ออราเคิล มีความพร้อมทั้งด้านโซลูชันที่ตอบโจทย์ได้ทุกระดับ ขณะเดียวกัน รองรับทุกเทรนด์เทคโนโลยีที่เข้ามา มีทั้งที่ให้บริการฟรี การลงทุนโครงการเล็กๆ 1-2 เซิร์ฟเวอร์ ไปจนถึงโครงการขนาดใหญ่ระดับเอ็นเทอร์ไพรส์ นอกจากนี้ การมาของคลาวด์ยังเพิ่มโมเดลการลงทุนตามการใช้งานจริงเข้ามา เชื่อว่ายิ่งทำให้สามารถทำตลาดได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดนั้น ออราเคิลยังเตรียมหาคู่ค้าท้องถิ่นเพิ่มเติมเพื่อเข้ามาช่วยพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ของออราเคิล และทำตลาดร่วมกัน ภายใต้โมเดลแพลตฟอร์มแอสอะเซอร์วิส และจะทำการหาบุคลากรเข้ามาเสริมทีม พัฒนาพาร์ตเนอร์ ช่องทางการจัดจำหน่าย รวมถึงกิจกรรมทางการตลาด พร้อมๆ กับช่วยพัฒนาคนไอทีป้อนอุตสาหกรรม โดยที่ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านมามีการทำงานกับทั้งธุรกิจเอสเอ็มอี ธุรกิจขนาดกลาง รวมถึงนักพัฒนาในท้องถิ่น เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่นอกเหนือจากของออราเคิลเอง
Company Related Link :
ออราเคิล