บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3 ปี 2558 ที่ดีขึ้น โดยมีรายได้ที่เติบโตจากปีก่อนหน้าติดต่อกันถึง 20 ไตรมาส และมีผลกำไรที่เพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจหลักเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งนี้ รายได้จากบริการนอนวอยซ์ และบรอดแบนด์ยังคงเป็นปัจจัยหลักในการเติบโตของกลุ่ม
ในไตรมาส 3 ปี 2558 กลุ่มทรู มีรายได้จากการให้บริการโดยรวม เพิ่มขึ้น 10.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า เป็น 18.8 พันล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ทั้งนี้ EBITDA เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้าเป็น 5.2 พันล้านบาท อันเป็นผลมาจากรายได้ที่เติบโต ซึ่งช่วยชดเชยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ทั้งด้านโครงข่ายและการดำเนินกิจกรรมการตลาด เพื่อเร่งขยายฐานลูกค้าระบบรายเดือน และลูกค้าที่สมัครใช้บริการแพกเกจคอน เวอร์เจนซ์ของกลุ่ม
กลุ่มทรู รายงานผลกำไรสุทธิสำหรับส่วนที่เป็นของบริษัท จำนวน 1.1 พันล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2558 เมื่อเทียบกับผลขาดทุนจำนวน 2.6 พันล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า โดยผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นนี้ ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของรายได้ และการสิ้นสุดการบันทึกค่าเสื่อมราคาอุปกรณ์โครงข่าย 2G นอกจากนี้ กลุ่มทรู รับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในไตรมาส ซึ่งเป็นผลจากการบริหารจัดการความเสี่ยงของกลุ่มเพื่อป้องกันความผันผวนของ อัตราแลกเปลี่ยน ด้วยการทำสัญญาซื้ออัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าสำหรับหนี้สินสกุลเงินต่างประเทศ (forward contract)
นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร กล่าวว่า ความมุ่งมั่นของกลุ่มทรูในการให้บริการด้วยโครงข่ายที่มีความครอบคลุมและประสิทธิภาพสูงสุด การนำเสนอสินค้าและบริการที่คุ้มค่าด้วยนวัตกรรมล้ำหน้า และคอนเทนต์คุณภาพหลากหลายของกลุ่ม ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างสูง และช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับการเป็นผู้นำดิจิตอลไลฟ์สไตล์ของกลุ่มทรู ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ รายได้ของกลุ่มทรูยังคงเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรายได้จากธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 19.6% ในไตรมาส 3 ปี 2558
กลุ่มทรู มีความพร้อมเต็มที่สำหรับการเติบโตอย่างแข็งแกร่งไปพร้อมกับการก้าวเข้าสู่ เศรษฐกิจดิจิตอลของประเทศ จากความสามารถในการตอบสนองความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั้งแบบมีสายและไร้ สายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้ บริษัทฯ เชื่อมั่นว่ารายได้จะเติบโตต่อเนื่อง และเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ความสามารถในการสร้างโอกาสในการทำกำไรของกลุ่มเพิ่มสูงขึ้นต่อไป
ด้วยจุดแข็งของกลุ่มทรูโมบาย ทั้งด้านโครงข่าย เทคโนโลยี และแพกเกจค่าบริการร่วมกับดีไวซ์ 4G และ 3G ที่มีให้เลือกหลากหลาย ส่งผลให้รายได้จากบริการที่ไม่ใช่เสียง หรือนอนวอยซ์ของกลุ่มเติบโตสูงถึง 43.9% ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้รายได้จากการให้บริการของกลุ่มทรูโมบายเติบโต 15.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า เป็น 11.3 พันล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2558ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมเติบโตเพียง 3.3%
ทั้งนี้ ดีไวซ์ 4G ของทรู ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ภายใต้แบรนด์ “ทรู สมาร์ท 4G ซีรีส์” ที่เปิดตัวในระหว่างไตรมาส ได้รับผลตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี ส่งผลให้ผู้ใช้บริการ 4G ของกลุ่มเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านราย จากฐานลูกค้าทั้งหมด 18.5 ล้านราย
ด้านทรู ออนไลน์ เร่งขยายโครงข่ายไฟเบอร์ บรอดแบนด์ เพื่อเพิ่มประสบการณ์การใช้งานอินเทอร์เน็ตของลูกค้าให้ครอบคลุมเพิ่มมากขึ้น และสนับสนุนการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิตอล ซึ่งปัจจุบันโครงข่ายบรอดแบนด์ของทรูออนไลน์ มีความครอบคลุมแล้วกว่า 5.6 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ ทั้งนี้ แพกเกจบรอดแบนด์ แบบไฟเบอร์ ของกลุ่ม ได้รับผลตอบรับอย่างสูง ส่งผลให้ทรูออนไลน์มีจำนวนผู้ใช้บริการบรอดแบนด์รายใหม่สุทธิสูงสุดเป็น ประวัติการณ์ถึง 109,975 ราย ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา และมีฐานลูกค้าบรอดแบนด์ เพิ่มขึ้นเป็น 2.3 ล้านรายเมื่อสิ้นไตรมาส
ส่วนทรู วิชั่นส์ เดินหน้านำเสนอความบันเทิงหลากหลายด้วยช่องรายการชั้นนำคุณภาพทั้งในประเทศ และต่างประเทศ พร้อมย้ำภาพผู้นำรายการกีฬาถ่ายทอดสด ด้วยการคว้าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดรายการฟุตบอลชั้นนำยอดนิยม อาทิ ไทยพรีเมียร์ลีก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ ลา ลีกา สเปน รวมถึงความสำเร็จในการเป็นผู้จัดอีเวนต์ใหญ่ระดับโลกและเป็นผู้ผลิตรายการอีกกว่า 40 ช่อง ส่งผลให้รายได้จากการให้บริการของทรูวิชั่นส์เติบโตกว่า 19.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า เป็น 3.4 พันล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2558 ในขณะที่ ผลตอบรับที่ดีจากแพกเกจคอนเวอร์เจนซ์ของกลุ่ม และกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ ทรู ดิจิตอลล เอชดี ช่วยขยายฐานลูกค้าทรูวิชั่นส์เป็น 2.9 ล้านราย และเพิ่มโอกาสในการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของรายได้ค่าโฆษณาให้แก่กลุ่ม
นายนพปฎล เดชอุดม หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มด้านการเงิน กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ฐานะทางการเงินของกลุ่มทรูมีความแข็งแกร่ง สามารถสร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง และมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นผลจากการลงทุนในธุรกิจหลักที่มีการเติบโตสูง ในขณะที่ อัตราส่วน EBITDA ต่อดอกเบี้ยจ่าย ปรับตัวดีขึ้นจาก 7.8 เท่า ในปีก่อนหน้า เป็น 2.5 เท่า ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถรักษาแนวโน้มการเติบโตได้เช่นนี้ตลอดไป