xs
xsm
sm
md
lg

“โซนี่” จับขาขึ้นตลาดอุปกรณ์ Hi-Res ตั้งราคาเริ่ม 2,990 บาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


การเปิดตลาด Hi-Res ช่วยทำให้รายได้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องเสียง ที่รวมทั้งเครื่องเล่นเพลงวอล์กแมน หูฟัง และลำโพงของโซนี่ มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องถึง 4 เท่า เมื่อเทียบระหว่างปี 2013-2014 และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 40%

โดย 2 กลยุทธ์หลักที่โซนี่จะนำมาใช้ในการเข้าถึงลูกค้า 2 กลุ่มหลักๆ คือ กลุ่ม Audiophiles ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการแสวงหาคุณภาพเสียงที่ดีที่สุด และถือเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ และต้องการโซลูชันที่ครอบคลุมการใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งระหว่างเดินทาง ในบ้าน และในรถยนต์ ทำให้โซนี่มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมมาตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ให้มากขึ้น

ถัดมาคือ กลุ่ม Quality Music Lovers คือ กลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการเสียงที่มีคุณภาพสูง แต่ด้วยงบประมาณที่มีจำกัดทำให้ไม่สามารถเข้าถึงสินค้าในระดับไฮเอนด์ได้ จึงทำให้โซนี่ต้องมีการเพิ่มไลน์สินค้าให้หลากหลาย และมีระดับราคาที่จับต้องได้มากขึ้น

ยูโซะ ชิบะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้งานเครื่องเสียงในกลุ่ม Hi-Res มากยิ่งขึ้นคือ ปัจจุบันมีผู้ให้บริการหลายรายที่นำคอนเทนต์เพลงในรูปแบบ Hi-Res มาให้ดาวน์โหลดใช้บริการกัน รวมไปถึงกลุ่มที่มีแผ่นเสียง และต้องการฟังเพลงให้ได้คุณภาพระดับเดียวกับการบันทึกเสียงในห้องอัดมาฟัง

“ผู้บริโภคที่เข้ามาอยู่ในโลกของ Hi-Res แล้วจะไม่สามารถกลับไปฟังเครื่องเสียงแบบเดิมได้ เพราะคุณภาพของเสียงเพลงที่ได้ฟังจะทำให้จมอยู่ในโลกของ Hi-Res อย่างแท้จริง”

ด้วยเหตุเหล่านี้ โซนี่ จึงมีการเพิ่มกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายขึ้น จากเดิมที่ผลิตภัณฑ์ Hi-Res จะอยู่กับเครื่องเล่นวอล์กแมน หูฟัง หรือชุดเครื่อเสียงราคาแพง แต่ด้วยการทำราคาใหม่ของโซนี่ ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงหูฟัง Hi-Res ได้ในราคาเริ่มต้นที่ 2,990 บาท หรือเครื่องเล่นวอล์กแมนที่ราคาเริ่มต้น 6,990 บาท

ข้อมูลที่น่าสนใจคือ มูลค่าของตลาด Hi-Res มีการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันมีมูลค่ารวมกว่า 3.85 แสนล้านบาท ซึ่งการเติบโตนี้ส่วนหนึ่งมาจากกำลังซื้อของผู้ใช้ในส่วนสมาร์ทโฟนที่ต้องการหูฟังคุณภาพสูงมาใช้งานร่วมกับอุปกรณ์พกพาที่ระยะหลังเริ่มมีการนำระบบ Hi-Res เข้าไปติดตั้งไว้ในสมาร์ทโฟนด้วย

ปัจจุบัน สัดส่วนลูกค้าในกลุ่มพรีเมียมจะอยู่ที่ราว 38% ขณะที่ในระดับกลางจะสูงถึง 62% ดังนั้น คงมีโอกาสที่กลุ่มผู้บริโภคระดับกลางจะขยับขึ้นมาอยู่ในระดับพรีเมียมมากยิ่งขึ้น โดยทางโซนี่มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ 16% ขณะที่แบรนด์รองลงมาจะอยู่ที่ 14% และ 10% ตามลำดับ

ขณะที่ทิศทางของผลิตภัณฑ์ในอนาคตของโซนี่ จะมีการผสมผสานระหว่างคุณภาพ (Quality) และสีสัน (Style) มากยิ่งขึ้น เพราะที่ผ่านมา โซนี่จะเน้นไปที่คุณภาพของสินค้าเป็นหลักทำให้โปรดักต์ที่ออกมาจะถูกคลุมโทนอยู่ในระหว่างสีดำ เทา และขาวเท่านั้น แต่ด้วยการที่ปัจจุบันอุปกรณ์เหล่านี้ถูกนำไปใช้ในไลฟ์สไตล์ประจำวัน ทำให้โซนี่เลือกที่จะนำสีสันมาใส่ในอุปกรณ์ให้มากขึ้นด้วย

โดยในกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ในปีนี้ของโซนี่ จะประกอบไปด้วย กลุ่มหูฟังภายใต้ซีรีส์ h.ear ที่เป็นการผสานคำระหว่าง ได้ยิน (hear) และ หู (ear) เข้าด้วยกัน โดยจะมีด้วยกัน 3 รุ่นคือ h.ear on เป็นหูฟังแบบครอบหูที่มีน้ำหนักเบา มีไดรเวอร์จขับเสียงขนาด 40 มิลลิเมตร ให้คุณภาพเสียงเทียบเท่ากับรุ่น MDR100 ที่ออกมาก่อนหน้า แต่ใช้วัสดุคนละแบบกัน มีให้เลือก 5 สีคือ สีน้ำเงินเวอริเดียน ชมพูบอร์กโดซ์ ดำชาร์โคล์ สีเหลืองไลม์ สีแดง ซินเนบาร์ ราคา 6,290 บาท

ถัดมาคือ h.ear in NC หูฟังแบบ in-ear ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวนบนหูฟังระดับ Hi-Res ชิ้นแรกของโลก มีให้เลือกด้วยกัน 2 สี คือ ดำ และแดง ในราคา 4,490 บาท สุดท้ายคือ h.ear in หูฟัง in-ear แบบ Hi-Res น้ำหนัก 9 กรัม มีให้เลือก 5 สีชุดเดียวกับ h.ear on ในราคา 2,990 บาท

ในกลุ่มของเครื่องเล่นเพลง (Walkman) ก็แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มลูกค้าด้วยกัน โดยในกลุ่มบนยังคงใช้รุ่น NW-ZX2 ที่จับกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียมต้องการเครื่องเล่นเพลงที่ให้พลังเสียงระดับ Hi-Res ดีที่สุด แต่ก็ได้มีการเสริมไลน์ด้วย NW-ZX100 โดยเน้นไปที่การออกแบบตัวเครื่องให้มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบาลงพกพาง่าย แต่คุณภาพเสียงยังอยู่ในระดับพรีเมียมในราคา 21,990 บาท

ก่อนจะปิดท้ายในกลุ่มวอล์กแมนด้วย NW-A25 และ NW-A26HN ที่เป็นเครื่องเล่นเพลง Hi-Res ราคาเริ่มต้นที่ 6,990 บาท ในรุ่นธรรมดา ส่วนรุ่นที่มาพร้อมกับระบบตัดเสียงรบกวน (Noise Cancleling) จะขึ้นมาอยู่ที่ 9,990 บาท โดยใช้โทนสีที่วางจำหน่ายแบบเดียวกับหูฟัง

นอกจากนี้ ก็ยังมีกลุ่มลำโพงไร้สาย ที่รองรับการใช้งานแบบ Hi-Res ในตระกูล SRS-X88 และ SRS-X99 ในราคา 14,990 บาท จนถึง 22,990 บาท หรือถ้าต้องการลำโพงไร้สายแต่ไม่ต้องการคุณภาพเสียงแบบ Hi-Res ก็จะมีตัวเลือกอื่นๆ อย่าง X33 X55 และ X77 ที่เริ่มต้น 4,690 บาท

เช่นเดียวกับชุดเครื่องเล่นขนาดเล็กที่รองรับการเล่นเสียงระดับ Hi-Res CMT-SX7 ในราคา 17,990 บาท และชุดเครื่องเล่นเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ CAS-1 ที่จะช่วยเล่นเพลงระดับ Hi-Res จากพีซีได้พร้อมกับลำโพงคุณภาพสูงในราคา 35,990 บาท

สุดท้ายคือ ในกลุ่มเครื่องเสียงภายในรถยนต์ ที่ทางโซนี่ได้นำสินค้าในตระกูล Hi-Res เข้ามาเพิ่มเติมอย่างเครื่องเล่นเพลงในรถ RSX-GX9 ที่นำมาใช้คู่กับแอมปลิฟายเออร์ และลำโพงที่ให้เสียง Hi-Res อย่างรุ่น XM-GS4 และ XS-GS1 ตามลำดับ

เมื่อดูถึงไลน์สินค้าของโซนี่แล้ว จะเห็นได้ว่า โซนี่ กำลังเพิ่มผลิตภัณฑ์ให้เข้ามาครอบคลุมการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในบ้าน ระหว่างเดินทาง ที่ทำงาน จนถึงขณะที่ออกกำลังกาย แต่ที่สำคัญที่สุดซึ่งโซนี่ต้องพยายามผลักดันต่อไปคือ การนำเสนอคอนเทนต์เพลงระดับ Hi-Res ให้เข้าสู่ท้องตลาดในราคาที่จับต้องได้มากยิ่งขึ้น

เพราะถึงมีเครื่องเล่นเพลงระดับ Hi-Res หูฟังตอบสนองระดับ Hi-Res แต่ไฟล์ดิจิตอลที่นำมาใช้งานยังอยู่ในระดับ mp3 ทั่วไป ก็ไม่ต่างอะไรกับการนำไฟล์เพลงไปเล่นในเครื่องเล่น mp3 ทั่วไปในท้องตลาด

***Hi-Res Audio คือชื่อเทคโนโลยีที่กำหนดขึ้นมาเพื่อระบุคุณภาพเสียงของเครื่องเล่นเพลง หูฟัง และลำโพง ว่า สามารถรองรับการใช้งานเพลงความละเอียดสูงได้ โดยมีมาตรฐานของไฟล์เพลงในระบบดิจิตอลที่เหนือกว่าแผ่นเพลงทั่วไป โดยต้องตอบสนองความถี่ 40 kHz ขึ้นไป และรองรับความละเอียดที่ 24 bit 96 kHz***

Company Relate Link :
Sony






กำลังโหลดความคิดเห็น