เอไอเอสจับมือดีแทคใช้เสาสัญญาณร่วมกันหวังลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการลูกค้า เผยหารือกันมากว่า 1 ปี และขณะนี้ เริ่มใช้ร่วมกันแล้ว 300 เสา ตั้งเป้า 2,000 เสาภายในปีนี้ และจะมีการขยายความร่วมมือออกไปอีกหลังการประมูล 4จี ชี้เสาที่ร่วมมือกันนี้จะแบ่งสัดส่วนการเช่าใช้ระหว่างกันฝ่ายละ 1,000 แห่ง ซึ่งก็มีการจ่ายค่าเช่าระหว่างกัน และค่าสื่อสัญญาณ
นายวีรวัฒน์ เกียรติพงษ์ถาวร รองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส สายงานปฏิบัติการ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด หรือ เอไอเอส กล่าวว่า เอไอเอสได้จับมือกับ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ ดีแทค ในการใช้เสาสัญญาณร่วมกันเพื่อให้บริการกับลูกค้า โดยถือเป็นโครงการนำร่องที่จะมีเสาสัญญาณร่วมกันทั้งสิ้น 2,000 เสาภายในปีนี้ ส่วนในเฟสต่อไปๆ น่าจะเกิดขึ้นหลังจากการประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ 4จี ให้แล้วเสร็จก่อน แต่ยืนยันว่าจะเป็นความร่วมมือร่วมกันต่อไปอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ การใช้เสาสัญญาณร่วมกันดังกล่าวถือเป็นการปฏิบัติตามแนวนโยบายของคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่สนับสนุนส่งเสริมให้ผู้ประกอบการใช้สาธารณูปโภคร่วมกัน และมีการใช้อุปกรณ์ร่วมกันซึ่งสามารถลดปริมาณการตั้งเสาสถานีฐานซ้ำซ้อน พร้อมทั้งยังเป็นการลดปริมาณเสาสถานีฐานในพื้นที่ชุมชน ลดปัญหาสิ่งแวดล้อมได้ในระดับหนึ่ง
“ปัจจุบันเอไอเอสมีสถานีฐาน 3จี บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ มากกว่า 22,000 แห่ง ความร่วมมือการใช้เสาสัญญาณเพื่อคุณภาพ และบริการทั่วไทยในครั้งนี้ จะช่วยให้เอไอเอส และดีแทค สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น เสริมจุดอ่อนในพื้นที่ที่แต่ละรายยังมีการให้บริการไม่ครอบคลุม และช่วยตอบสนองการใช้งานของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และการกระจายตัวของประชากรไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ”
ด้านนายประเทศ ตันกุรานันท์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเทคโนโลยี บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค และกรรมการ บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าวดีแทค และเอไอเอสได้หารือกันมานานกว่า 1 ปี และได้ดำเนินการใช้เสาร่วมกันไปแล้ว 300 แห่ง และคาดว่าจะครบ 2,000 แห่งภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเสาที่อยู่บนความร่วมมือกับเอไอเอสนั้นได้แบ่งสัดส่วนการเช่าใช้ระหว่างกันฝ่ายละ 1,000 แห่ง ซึ่งก็มีการจ่ายค่าเช่าระหว่างกัน และค่าสื่อสัญญาณ
โดยที่ผ่านมา การขยายโครงข่ายของดีแทครวมถึงดีแทคไตรเน็ตเองก็มีการดำเนินการในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างโครงข่ายสถานีฐานใหม่ การเช่าใช้ร่วมกันผู้ประกอบการรายอื่นในลักษณะเดียวกับความร่วมมือกับเอไอเอส และยังได้เช่าโครงข่ายในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานของกลุ่มทรูฯ (ทรูจีไอเอฟ) เช่นกัน
สำหรับการอัปเกรดสถานีฐาน และขยายโครงข่ายใหม่ของดีแทคภายในสิ้นไตรมาส 3/2558 คาดว่าจะมีสถานีฐานบนคลื่นย่าน 850 เมกะเฮิรตซ์เป็น 12,000 แห่ง สถานีฐานบนคลื่นย่าน 2.1 กิกะเฮิรตซ์มีจำนวน 12,000 แห่ง ทั้งหมดจะเป็นการให้บริการ 3จี ส่วนการให้บริการ 4จี แอลทีอี บนคลื่น 2.1 กิกะเฮิรตซ์นั้น คาดว่าจะมีสถานีฐานราว 4,000 แห่ง สำหรับคลื่นในสัญญาสัมปทานบนคลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์สำหรับให้บริการ 2จี มีจำนวน 11,000 แห่ง
ปัจจุบัน ดีแทค ไตรเน็ต มีสัดส่วนลูกค้าเพิ่มเป็น 23.5 ล้านเลขหมาย (ข้อมูล ณ ไตรมาส 2/2558) ซึ่งได้เติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก ความร่วมมือดังกล่าวนี้ถือเป็นการขยายพื้นที่บริการอินเทอร์เน็ตบนมือถือให้ครอบคลุมมากที่สุด ลดการลงทุนซ้ำซ้อนสำหรับโครงข่าย และยังทำให้การขยายสัญญาณเพิ่มพื้นที่ให้บริการ และการปรับปรุงคุณภาพโครงข่ายทำได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังทำให้มีการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด