ทีโอที เผยสำรวจทรัพย์สินคลื่น 900 MHz ของเอไอเอสตามสัญญาสัมปทานเสร็จแล้ว พบมีจำนวนเสาโทรคมนาคมมากกว่าที่เอไอเอสรายงานมา ชี้ต้องเคลียร์ข้อพิพาทให้จบก่อนหมดสัญญาสัมปทานวันที่ 30 ก.ย. เพื่อไม่ให้ผู้ใช้บริการได้รับผลกระทบ ส่วนความคืบหน้าการสรรหากรรมการผู้จัดการใหญ่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือน มิ.ย.นี้
พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ประธานบอร์ดบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ทีโอทีได้เตรียมพร้อมรองรับการสิ้นสุดสัญญาสัมปทานคลื่น 900 MHz ระหว่างทีโอที กับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ในวันที่ 30 ก.ย.58 นี้ แล้ว ด้วยการตั้งคณะกรรมการเตรียมการรองรับการให้บริการตามสัญญาอนุญาตให้ดำเนินกิจการบริการโทรศัพท์มือถือระหว่างทีโอที และเอไอเอส เพื่อรับมอบคืนทรัพย์สิน และให้ผู้ใช้บริการภายใต้สัญญาสัมปทานไม่ได้รับผลกระทบภายหลังสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน
ด้าน นายมนต์ชัย หนูสง รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ทีโอที กล่าวว่า ขณะนี้ทีโอทีได้ดำเนินการสำรวจเสาโทรคมนาคมที่อยู่ภายใต้สัญญาสัมปทานของเอไอเอสหมดเรียบร้อยแล้ว พบว่ามีจำนวน 13,750 แห่ง ซึ่งพบว่ามีจำนวนมากกว่าที่เอไอเอสรายงานมาว่ามีเพียง 12,900 แห่ง ดังนั้น ตามสัญญาสัมปทานเอไอเอสต้องส่งมอบเสาที่มีทั้งหมด รวมทั้งระบบโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ ระบบสื่อสัญญาณ เสาส่งสัญญาณ ระบบสถานีฐานทั้งภายใน และภายนอกอาคาร ระบบสนับสนุนการให้บริการ และการดำเนินการคงสิทธิคลื่น 900 MHz รวมถึงลูกค้าซึ่งปัจจุบันพบว่าเหลืออยู่ 3.5 ล้านเลขหมาย ส่งให้ทีโอทีด้วย
แม้ว่าที่ผ่านมา เอไอเอสได้ฟ้องทีโอทีเพราะไม่ต้องการส่งมอบทรัพย์สินคืนให้ทีโอที และเรื่องยังอยู่ที่อนุญาโตตุลาการก็ตาม แต่ขณะนี้ทีโอทีและเอไอเอสกำลังมีความพยายามในการเจรจาเพื่อให้ได้ข้อยุติ โดยได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานกำหนดกลยุทธ์ และแนวทางในการจัดการข้อพิพาทดังกล่าวเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบายกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เพื่อให้สามารถนำสินทรัพย์เสาโทรคมนาคม และโครงข่ายเคเบิลใยแก้วมาใช้งานร่วมกันตามนโยบาย Digital Economy
อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะสามารถเจรจาร่วมกับเอไอเอสได้ โดยทีโอทีต้องการให้เอไอเอสถอนฟ้อง เพราะเรื่องนี้มีความเกี่ยวโยงต่อการเป็นพันธมิตรร่วมกันในอนาคตระหว่างทีโอที และเอไอเอส ซึ่งขณะนี้ได้ให้บริษัทที่ปรึกษาคือ ดีลอยท์ ศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินธุรกิจร่วมกันอยู่ ซึ่งเอไอเอสเป็น 1 ใน 5 พันธมิตรที่สนใจร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับทีโอที ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในกลางเดือน ก.ค.นี้
ด้านความคืบหน้าในการสรรหากรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่นั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสรุปผลการสรรหาเสนอต่อคณะกรรมการทีโอที คาดว่าจะสามารถสรรหากรรมการผู้จัดการใหญ่ทีโอที และนำเสนอสัญญาจ้างพร้อมค่าตอบแทนจากกระทรวงการคลังได้ภายในเดือน มิ.ย.นี้ โดยที่ผ่านมา ทีโอที มีการดำเนินการสรรหาตามขั้นตอน และหลักเกณฑ์ตาม พ.ร.บ.คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ โดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหากรรมการผู้จัดการใหญ่ ประกาศสรรหา และดำเนินการขั้นตอนตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งคณะกรรมการสรรหาฯ ได้รายงานความคืบหน้าต่อคณะกรรมการทีโอทีเป็นระยะๆ โดยคณะกรรมการสรรหา มี นายพิพัฒน์ ขันทอง เป็นประธานกรรมการสรรหา นอกจากนี้ ยังมีกรรมการที่มาจากผู้แทนกระทรวงการคลัง ข้าราชการชั้นสูง และผู้บริหารระดับสูงขององค์กรชั้นนำ
สำหรับผลประกอบการทีโอทีนั้น ตั้งเป้ารายได้ปี 58 อยู่ที่ 33,334 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 29,000 ล้านบาท โดย 60% มาจากรายได้ที่ทีโอทีดำเนินงานเองจากการให้บริการโทรศัพท์ประจำที่พื้นฐาน (ฟิกซ์ไลน์) ประมาณ 8,000 ล้านบาท บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) จำนวน 11,200 ล้านบาท ซึ่ง 4 เดือนแรก ทีโอทีมีรายได้จากบริการบรอดแบนด์แล้ว 3,800 ล้านบาท และอีก 10% มาจากการให้บริการสื่อสารข้อมูล (ดาต้า) โดยคาดว่าจะสามารถทำรายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และทำให้ทีโอทีขาดทุนปีนี้ลดลงจากที่ประมาณการไว้ว่าจะขาดทุนถึง 10,000 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา คือ เดือน ม.ค.-เม.ย.58 ทีโอที มีรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 12,243 ล้านบาท ปรับลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 20% โดยรายได้จากสัมปทานลดลง 42% เหลือเพียง 3,300 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายปรับลดลงราว 26% อยู่ที่ 10,659 ล้านบาท เนื่องจากมีการลดต้นทุนการให้บริการที่ลดลงถึง 38% และควบคุมค่าใช้จ่ายที่รอบคอบมากขึ้น ทั้งเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่างๆ และการลงทุน ทำให้ทีโอทีมีกำไรสุทธิ 152 ล้านบาท ซึ่งนับว่าดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 1,747 ล้านบาท