Hello คือแอปพลิเคชันใหม่ของเฟซบุ๊ก (Facebook) เครือข่ายสังคมอันดับ 1 ของโลกที่จะเข้ามารับหน้าที่จับคู่หมายเลขโทรศัพท์เข้ากับข้อมูลในโปรไฟล์ของเฟซบุ๊ก และแสดงให้ทราบบนหน้าจอว่าใครกันที่กำลังโทรเข้ามาหา
ไม่เพียงเท่านั้น ในกรณีที่คุณบล็อกเบอร์บางเบอร์ ระบบก็จะบล็อกไม่ให้หมายเลขนั้น ๆ โทรหาคุณได้ด้วย โดยแอปตัวใหม่นี้จะเปิดให้ชาวเฟซบุ๊กในสหรัฐอเมริกา บราซิล และไนจีเรียได้ทดลองใช้ก่อนเป็นกลุ่มแรก และใช้งานได้เฉพาะแพลตฟอร์มแอนดรอยด์เท่านั้น เนื่องจาก iOS ไม่อนุญาตให้แอปดังกล่าวเชื่อมต่อกับระบบ Phone Call ของทางค่าย
แม้จะใช้ได้เฉพาะแอนดรอยด์ แต่ความสามารถของ Hello ก็มีประโยชน์มหาศาล อย่างน้อยก็ช่วยบอกใบ้ได้ว่าคุณควรจะรับสายที่โทรเข้ามานี้หรือเปล่า (แม้ว่าคุณจะไม่ได้บันทึกชื่อ และภาพโปรไฟล์ของหมายเลขนั้น ๆ ไว้ในเครื่องก็ตาม)
โดยข้อมูลของคนที่โทรเข้ามาจะแสดงตามค่าที่ได้กำหนดไว้ใน Privacy Setting ตราบเท่าที่คนเหล่านั้นไม่ได้เข้าไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลของตนเอง และผู้รับจะสามารถเห็นข้อมูลของคนที่โทรเข้ามาในด้านต่าง ๆ เช่น สิ่งที่เขาแชร์ต่อสาธารณะ ที่อยู่ นายจ้าง เว็บไซต์ และอื่น ๆ อีกมากมายด้วย
สำหรับ Hello นั้น ได้เคยมีการคาดเดากันมาสักพักเกี่ยวกับแอปในลักษณะดังกล่าวของเฟซบุ๊ก ในชื่อโค้ดเนม "Phone" ที่มีการทดลองใช้งานกันในหมู่่พนักงานของเฟซบุ๊กเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา ก่อนจะมาเปิดตัวเป็นแอป Hello ในที่สุด
สำหรับผู้ดูแลโปรเจ็คดังกล่าวคือ Andrea Vaccari โดยเขาคนนี้เข้าร่วมงานกับเฟซบุ๊กเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ผ่านการซื้อกิจการสตาร์ทอัปของเขาที่มีชื่อว่า Glacee และเป็นหนึ่งในทีมงานที่แข็งแกร่งของเฟซบุ๊กในปัจจุบัน โดยเขาได้เคยพัฒนาแอปเกี่ยวกับ Location และได้นำมาพัฒนาเป็นฟีเจอร์ Nearby Friends ในที่สุด ซึ่งมาร์ค ซักเคอร์เบิร์กชื่นชอบแนวคิดนี้เป็นอย่างมาก และให้การสนับสนุนในการพัฒนาอย่างเต็มที่ รวมถึงทีม Facebook Messenger ด้วย จนในที่สุด ก็สามารถพัฒนาและแยกออกมาเป็นแอปแบบ Standalone ได้อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์
Vaccari เผยว่า ปัญหาใหญ่ของระบบการโทรศัพท์ในปัจจุบันคือ ถ้าคุณมีสายเข้าจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก ก็เป็นไปได้ว่าคุณจะไม่รับสายนั้น แต่มันอาจเป็นคนที่คุณอยากคุยด้วยก็ได้ แอป Hello สามารถขจัดปัญหานั้นได้ ด้วยการให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อการตัดสินใจว่าคุณอยากจะคุยกับเบอร์นั้น ๆ หรือไม่
นอกจากนั้น เขายังเผยถึงข้อดีอีกข้อหนึ่งของบริการ Hello ว่า ในกรณีที่ผู้โทรซื้อเบอร์ของคุณและโทรมารบกวนคุณให้ซื้อสินค้าโดยที่คุณไม่ต้องการ ก็สามารถบล็อกเบอร์นั้น ๆ ได้ด้วย
อย่างไรก็ดี ประเทศที่จะได้ทดลองใช้ก่อนเป็นกลุ่มแรกคือ สหรัฐอเมริกา บราซิล และไนจีเรีย ซึ่งหากเป็นไปได้ด้วยดี ก็จะขยับขยายสู่ประเทศอื่น ๆ ต่อไป
สำหรับการใช้งาน ผู้ใช้ต้องลงชื่อเข้าใช้ด้วยแอคเคาน์เฟซบุ๊ก และยินยอมให้ระบบทำการซิงค์ข้อมูล Contact เข้ากับเฟซบุ๊ก และการโทรศัพท์เสียก่อน จากนั้น ผู้ใช้สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเปิดใช้บริการ Hello หรือไม่ หรือแค่ให้มันแสดงผลข้อมูลของสายที่โทรเข้ามาเท่านั้น
หากผู้ใช้ให้ความยินยอมในการซิงค์ข้อมูล แอป Hello จะเพิ่มภาพโปรไฟล์และข้อมูลอื่น ๆ ลงในรายชื่อของคุณใน Address Book ด้วย และเมื่อมีการโทรเข้า จะมีการแสดงข้อมูลจากฐานข้อมูลในเฟซบุ๊กขึ้นมา (ถ้าผู้ที่โทรเข้าเลือกตั้งค่า Privacy Setting ว่าใครบ้างที่จะมองเห็นข้อมูลเป็น "Everyone" หรือ “Friends Of Friends” ระบบจะแสดงชื่อและภาพโปรไฟล์ของคน ๆ นั้นให้เจ้าของเครื่องได้เห็น
นอกจากนั้น ผู้รับสายยังจะได้เห็นที่อยู่ปัจจุบัน ชื่อนายจ้าง หน้าที่การงาน การศึกษา เว็บไซต์ วันเกิด ฯลฯ ของคนที่โทรมาด้วย ในทางกลับกัน หากเจ้าของเครื่องใช้ Hello ในการโทรออก ก็จะได้เห็นข้อมูลของคนที่เราโทรไปหาเช่นกัน
ที่ลืมไม่ได้ก็คือ แอปดังกล่าวรองรับ VOIP และไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะเป็นฟีเจอร์ที่ได้ใจประเทศในกลุ่มกำลังพัฒนา เนื่องจากช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากทีเดียว และในการแถลงผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ของปี ค.ศ. 2015 มาร์ค ซักเคอร์เบิร์กก็เผยด้วยว่า แอป Messenger นั้นครองส่วนแบ่ง 10 เปอร์เซ็นต์ในบริการ VOIP ทั่วโลกแล้วด้วย
ไม่เฉพาะผู้ใช้ที่ได้ประโยชน์ แต่ภาคธุรกิจก็ได้ประโยชน์จากฟีเจอร์นี้โดยตรงเช่นกัน เพราะเป็นโอกาสดีสำหรับการโฆษณาอย่างแท้จริง ลองนึกภาพผู้ใช้เสิร์ชหาคำว่า "พิซซ่า" ใน Hello แล้วหมายเลข - ข้อมูลของผู้ขายพิซซ่าในประเทศนั้น ๆ ก็โผล่ออกมาในลิสต์ กลยุทธ์นี้อาจทำเงินให้เฟซบุ๊กได้อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
