วอตสแอป (WhatsApp) บริการรับส่งข้อความสนทนาทันใจประกาศหยุดสนับสนุนอุปกรณ์ระบบแบล็กเบอรี่ (BlackBerry) ในปลายปี 2016 นี้ นอกจากนี้ ยังเตรียมหยุดพัฒนาให้ระบบทำงานร่วมกับโอเอสรุ่นเก่าของโนเกีย (Nokia) วินโดวส์โฟน (Windows Phone) และแอนดรอยด์บางเวอร์ชัน
การหยุดรองรับ BlackBerry ของ WhatsApp นี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ เนื่องจากผู้ใช้ BlackBerry ส่วนใหญ่ซึ่งรวมถึง BlackBerry รุ่นใหม่ล่าสุดจะไม่สามารถใช้งาน WhatsApp ได้ จุดนี้ทีมงานอธิบายเหตุผลในบล็อกบริษัทว่า เป็นเพราะความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ในโพสต์ ทีมงานเล่าย้อนถึงช่วงปี 2009 ซึ่งเป็นช่วงที่โทรศัพท์มือถือส่วนใหญ่ของโลกเป็น BlackBerry หรือ Nokia แต่ความเป็นจริงในขณะนี้ทำให้ทีมงานจำเป็นต้องหยุดการรองรับ เนื่องจากแพลตฟอร์มเหล่านี้ไม่มีคุณสมบัติที่จำเป็นต่อการขยายคุณสมบัติของแอปในอนาคต
ไม่เพียงหยุดสนับสนุนระบบปฏิบัติการ BB ระบบโอเอสอย่าง Nokia S40 และ Symbian S60 รวมถึง Android 2.1 และ 2.2 ก็ถูกหางเลขไปด้วย เช่นเดียวกับ Windows Phone 7.1 ซึ่งจะไม่มีสิทธิใช้งาน WhatsApp ในอนาคต
ทางออกของแฟน BlackBerry ที่ต้องการใช้งาน WhatsApp จึงอาจอยู่ที่สมาร์ทโฟนบีบีรุ่น Priv ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้วในฐานะสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ จุดนี้ BB ระบุว่า จะเปิดตัวสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์เพิ่มขึ้นอีกแน่นอนในปีนี้
WhatsApp เป็นกิจการในเครือเจ้าพ่อเฟซบุ๊ก (Facebook) ที่เพิ่งประกาศสมาชิกผู้ใช้งานปัจจุบันผ่านหลัก 1 พันล้านคนมาเรียบร้อยเมื่อวันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เรียกว่าจำนวนผู้ใช้ WhatsApp เพิ่มขึ้นราว 100 ล้านคน ในช่วงเวลา 4 เดือนเท่านั้น นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2015 ที่บริษัทระบุว่า มีผู้ใช้ 900 ล้านคน
ก่อนหน้านี้ WhatsApp เคยให้ข้อมูลต่อสำนัก WIRED Magazine เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ตัวเลขผู้ใช้บริการรวมอยู่ที่ 990 ล้านราย สถิตินี้แปลความหมายได้ว่าผู้ใช้ 10 ล้านคนของ WhatsApp นั้นเพิ่มขึ้นในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม WhatsApp ยังมีความท้าทายเรื่องการสร้างรายได้จากตัวเลขผู้ใช้มหาศาลนี้ ที่ผ่านมา บริการแชตชื่อดังประกาศยกเลิกการเก็บค่าบริการรายปี 0.99 เหรียญสหรัฐ เนื่องจากความกังวลของผู้ใช้ ทำให้บริษัทสูญเงินที่เคยได้รับกว่า 10.2 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (ข้อมูลจากสำนักข่าว Bloomberg)
WhatsApp ยังเคยเปิดเผยแผนสร้างรายได้ว่าจะสร้างจุดยืนให้ตัวเองเป็นระบบสื่อสารระหว่างธุรกิจ และผู้บริโภค Business-To-Consumer (B2C) ขณะเดียวกัน ก็จะพยายามสร้างระบบเข้ารหัสข้อมูลเพื่อให้องค์กรธุรกิจแน่ใจเรื่องความปลอดภัย ทั้งหมดนี้ยังต้องรอดูว่า WhatsApp จะสามารถสร้างสรรค์บริการให้เหนือกว่าระบบแชตของบริษัทแม่อย่าง “แมสเสนเจอร์” (Facebook Messenger) ที่มีผู้ใช้มากกว่า 800 ล้านคนได้อย่างไร