“ไลฟ์ไซส์” บุกตลาดวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไทยเต็มสูบ พร้อมแต่งตั้งผู้จัดการดูแลไทยโดยเฉพาะ สบช่องคลาวด์โต เปิด 2 สินค้าใหม่รองรับการใช้งาน ชูจุดเด่นต้นทุนต่ำ ใช้งานง่าย คาดกลุ่มการศึกษา สุขภาพ และเอ็นเตอร์ไพรซ์ โดยเฉพาะกลุ่มเออีซีตอบรับสูง
นายแอนเดรียส ไวโนล์ด รองประธานระหว่างประเทศ บริษัท ไลฟ์ไซส์ กล่าวถึงภาพรวมของการใช้วิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ ในประเทศไทยว่า ระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ เป็นระบบที่มีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในการทำระบบสูง ทำให้องค์กรไม่ค่อยลงทุนในระบบนี้ หรือหากลงทุนก็จะมีพนักงานเพียงบางส่วนที่สำคัญเท่านั้นที่ได้ใช้งานระบบดังกล่าว ทำให้ปกติแล้วห้องประชุมที่ทุกบริษัทควรมีระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน กลับพบว่า มีองค์กรในประเทศไทยเพียง 5% เท่านั้นที่มีระบบดังกล่าว
ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงต้องการรุกตลาดในประเทศไทยอย่างจริงจังด้วยการแต่งตั้งผู้จัดการฝ่ายขายระดับภูมิภาค-ประเทศไทย ขึ้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา พร้อมเปิดตัววิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ ที่ให้บริการแบบคลาวด์ 2 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ Lifesize Icon 400 และ Lifesize Icon Flex ด้วยการชูจุดเด่นด้านการลงทุนที่ลูกค้าไม่ต้องลงทุนระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์เอง ซึ่งมูลค่าการลงทุนอาจสูงถึงพันเหรียญดอลลาร์สหรัฐ แต่หากใช้ระบบคลาวด์ ลูกค้าจะมีค่าใช้จ่ายเพียงค่าลิขสิทธิ์ต่อปีและตัวเครื่องสำหรับเชื่อมวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์เท่านั้น
‘ราคาลิขสิทธิ์เบื้องต้นของเราอยู่ที่ปีละ 12,999 ดอลลาร์สหรัฐ สามารถรองรับธุรกิจขนาดเล็กที่มีจำนวนพนักงานที่ใช้งานได้สูงสุดถึง 250 คน ขณะที่ธุรกิจขนาดกลางที่มีพนักงานไม่เกิน 1,000 คน จ่ายในราคา 27,999 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีพนักงานตั้งแต่ 1,000 คนขึ้นไป จ่ายในราคา 84,499 ดอลลาร์สหรัฐ หากคิดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนแล้วพบว่า จะมีค่าใช้จ่ายเพียงเดือนละ 150 บาทต่อคนเท่านั้น’
สำหรับ Lifesize Icon 400 ถูกออกแบบมาให้ติดตั้งง่ายโดยไม่ต้องให้ฝ่ายไอทีช่วยก็สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน Lifesize Cloud ได้ทันที รองรับรูปแบบการโทร.ตัวต่อตัว หรือแบบกลุ่มได้สูงถึง 25 คน ผ่านสมาร์ท ดีไวซ์ ได้ทุกอุปกรณ์ ขณะที่ Lifesize Icon Flex สามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็น Microsoft Lync, Skype, Google Hangouts, Cisco Jabber และ WebEx
ด้าน นายเจสัน กวาน ผู้จัดการฝ่ายขายระดับภูมิภาค-ประเทศไทย กล่าวว่า สินค้าที่เปิดใหม่ทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์นี้ คาดว่ากลุ่มการศึกษาจะเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดที่ใช้งาน รองลงมาคือ กลุ่มสุขภาพและกลุ่มเอ็นเตอร์ไพรซ์ โดยเฉพาะตลาดเออีซี เป็นตลาดที่น่าสนใจเพราะเมื่อตลาดเออีซีเปิดบริษัทต่างๆ จะมีการเปิดสาขาเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทกำลังมีโครงการใหญ่กับลูกค้าธนาคารที่มีสาขากว่า 200 สาขา และหน่วยงานภาครัฐขนาดใหญ่ในปีนี้อีกด้วย
นายแอนเดรียส กล่าวทิ้งท้ายว่า แม้ว่าที่ผ่านมาบริษัทจะไม่มีผู้บริหารดูแลในประเทศไทยโดยเฉพาะก็ตาม แต่บริษัทก็ทำตลาดในไทยมากว่า 7 ปีแล้ว ผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่าง บริษัท เวสท์คอน กรุ๊ป ( ประเทศไทย ) จำกัด ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีบริการแบบคลาวด์ โดยมีลูกค้าที่ใช้บริการของบริษัทอยู่แล้วในหลายกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี เช่น บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จํากัด (มหาชน) กลุ่มสถาบันการเงินและสุขภาพ เช่น โรงพยาบาลกรุงเทพ กลุ่มเอ็นเตอร์ไพรซ์ เช่น บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) กลุ่มภาครัฐ เช่น กรมขนส่งทางบก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนในอนาคตอันใกล้นี้จะเข้ามาเปิดสำนักงานในประเทศไทยหรือไม่นั้นยังไม่สามารถให้คำตอบได้
Company Related Link :
Lifesize