อีริคสันเผยเทรนด์การรับชมทีวีแบบสตรีมมิงเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น ใกล้เคียงกับการรับชมตามผังรายการปกติ และยังรับชมผ่านอุปกรณ์ที่หลากหลายมากขึ้น แนะการพัฒนาสื่อในปัจจุบันควรจะเปลี่ยนให้รับชมได้ทุกแพลตฟอร์ม ตอบรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ชี้การผลิตเนื้อหาดิจิตอลทีวีของไทยต้องทำคอนเทนต์ให้ตอบสนองกับประเทศในกลุ่มเออีซี เพื่อก้าวไปสู่ตลาดที่มีมูลค่ามากกว่า เผยผลสำรวจด้านทีวีและมีเดียพบว่า ผู้บริโภคต้องการเลือกชมเนื้อหาต่างๆ ด้วยตนเอง ไม่จำเป็นที่ต้องรอให้ผู้ผลิตจัดมาให้
นายบัญญัติ เกิดนิยม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและองค์กรสัมพันธ์ บริษัท อีริคสัน ประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันเทรนด์ของการดูทีวีกำลังจะเปลี่ยนไป ผู้บริโภคทั่วโลกเริ่มหันมานิยมการรับชมแบบวิดีโอสตรีมมิงมากขึ้น ประกอบกับผู้บริโภคมีทางเลือกในการรับชมมากขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่หน้าจอทีวีหรือคอมพิวเตอร์อีกต่อไป แต่ยังรวมไปถึงการรับชมผ่านทางสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่ยังจะสามารถพกพาไปได้ทุกที่ทุกเวลา ดังนั้น การพัฒนาสื่อในปัจจุบันควรจะมุ่งเน้นการใช้งานได้หลายหน้าจอเพื่อสร้างทางเลือกในการรับชมให้มากขึ้น
ทั้งนี้ การพัฒนาเปลี่ยนโครงสร้างของการรับชมทีวีให้เป็นแพลตฟอร์มที่สามารถรับชมทุกอุปกรณ์ได้ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะได้เห็นบรอดคาสต์กับโทรคมนาคมเข้าหากันมากขึ้น และเกิดโครงสร้างธุรกิจใหม่ๆ ได้ แถมยังรองรับกับปัจจุบันที่มีการรับชมแบบใหม่ที่ผู้ชมสามารถชมแบบข้ามเครื่อง โดยผู้ชมดูวิดีโอบนอุปกรณ์หนึ่งอยู่ แต่เมื่อต้องไปทำธุระที่อื่นก็สามารถย้ายวิดีโอนั้นไปดูอีกอุปกรณ์หนึ่งในที่ใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง
“เช่นเดียวกับการพัฒนาคอนเทนต์ของธุรกิจทีวีในเมืองไทย ซึ่งไม่ควรจะมองแค่การบริโภคในประเทศ แต่ควรจะมองไปถึงประเทศในกลุ่มเออีซี เพราะหากมองตลาดไทยประเทศเดียวจะไม่มีมูลค่าตลาดที่น่าสนใจเพียงพอ ดังนั้น การก้าวไปสู่ตลาดที่กว้างกว่าจึงน่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าในการลงทุน เพราะคอนเทนต์ของเราสามารถขายได้ในตลาดเหล่านี้ นอกจากนี้ยังควรคิดที่จะก้าวไปสู่การออกแบบให้ตอบสนองได้หลายแพลตฟอร์มเพื่อรับกับพฤติกรรมของการรับชมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป”
นายบัญญัติ กล่าวว่า รายงานประจำปีล่าสุดของ Ericson ConsumerLab TV&Media Report 2014 พบว่าวิดีโอสตรีมมิงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการรับชมผ่านโทรทัศน์แบบดั้งเดิมที่ถ่ายทอดตามผังเวลา และเทรนด์เริ่มให้ความสนใจกับการใช้เครื่องบันทึกวิดีโอดิจิตอลเพื่อเลือกเนื้อหาไว้ชมในภายหลังเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับวิดีโอออนดีมานด์เริ่มเข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งผลสำรวจในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า ผู้ชมเหล่านี้พร้อมที่จะจ่ายเงินเพื่อเข้าถึงเนื้อหาที่พวกเขาชอบบนอุปกรณ์ไหนๆ ก็ได้
รวมไปถึงการยอมที่จะจ่ายในการเข้าไปดูแบบทุกที่ทุกเวลา ผ่านการเชื่อมต่อหลายๆ แบบ ซึ่งล่าสุด มีความต้องการรับชมแบบ 4K และยินดีที่จะซื้อทีวีที่มีระบบ 4K แม้ขณะนี้ยังไม่มีคอนเทนต์ที่รองรับก็ตาม ดังนั้นธุรกิจทีวีและภาพยนตร์จะต้องมีการปรับตัวตามพฤติกรรมที่เกิดขึ้นนี้ให้ทัน เช่นเดียวกับพฤติกรรมของผู้บริโภคกลุ่มนี้ยังต้องการดูภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง เป็นซีรีส์ที่คล้ายกับการซื้อดีวีดีซีรีส์มาดู แต่ต้องการให้ผู้ผลิตละครนำเนื้อหาทั้งเรื่องมาให้ชม ไม่ใช่แค่มาเป็นตอนๆ เพื่อให้สามารถเลือกดูเองได้
“สิ่งเหล่านี้ถือเป็นตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมโทรทัศน์และสื่อ โดยเป็นการเปลี่ยนแปลงจากรูปแบบและการให้บริการเก่าๆ มาเป็นยุคใหม่ที่เข้าสู่ความบันเทิงแบบออนดีมานด์คุณภาพสูง ดังนั้น การจัดแพ็กเกจแบบหลายร้อยช่องจะไม่ใช่ความต้องการของผู้บริโภคอีกต่อไป เพราะพวกเขาต้องการความเฉพาะตัวมากกว่า ต้องการให้ผู้ผลิตเปิดโอกาสให้พวกเขาได้เลือกเองได้ในราคาที่น่าสนใจ”
นายบัญญัติ กล่าวว่า ปัจจุบันผู้บริโภคชาวไทยมีการดูไลฟ์วิดีโอประมาณ 18% หรือสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ส่วนออนดีมานด์และเปย์เรดิโอยังน้อยอยู่ สำหรับปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นกับการรับชมวิดีโอสตรีมมิงอยู่ที่ปัญหาเรื่องค่าบริการอินเทอร์เน็ต ทั้งค่าแอร์ไทม์ และค่าใช้จ่ายในการซื้อคอนเทนต์ ซึ่งยังรวมไปถึงการเปิดดูสิ่งเหล่านี้แล้วจะทำให้การใช้งานแบตเตอรี่สั้นลง
Company Related Link :
Ericsson
CyberBiz Social