อินเทลเผยไตรมาส 3 ตลาด โน้ตบุ๊กพีซีเริ่มฟื้นตัว และมีทิศทางที่เป็นบวก หลังรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน คาดผลการดำเนินงานทั้งปีจะไม่ติดลบเพราะมียอดของสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตเข้ามาช่วย พร้อมส่งชิปรุ่นใหม่ อินเทล คอร์ เอ็ม โปรเซสเซอร์ ขนาด 14 นาโนเมตร เจาะอุปกรณ์ยุคใหม่ที่เน้นบาง ประหยัดไฟและไม่ใช้พัดลม ที่จะวางขายช่วงปลายปี ชี้แนวทางของธุรกิจจะเจาะทุกกลุ่มตลาดตั้งแต่โทรศัพท์พกพาไปจนถึงดาต้าเซ็นเตอร์
นายสนธิญา หนูจีนเส้ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ตลาดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กและพีซีเริ่มมีทิศทางที่เป็นบวกมากขึ้น โดยเฉพาะภาพรวมในไตรมาส 3 เริ่มดีกว่าครึ่งปีแรกอย่างเห็นได้ชัดเจน ประกอบกับรัฐบาลเริ่มนิ่งและมีความตั้งใจที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ มีการใช้เงินค่อนข้างดี และปัจจัยที่ 2 คือ ผู้บริโภคที่ยังไม่ยอมใช้เงินน่าจะเริ่มคิดมากขึ้น เนื่องจากในไตรมาส 4 นี้จะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ออกมานำเสนอมากขึ้น ต่อเนื่องไปถึงต้นปีหน้า จึงน่าจะทำให้ตลาดเริ่มดีมีการใช้จ่าย
รายงานของไอดีซีแจ้งว่า ตลาดพีซีและโน้ตบุ๊กในไตรมาสที่ 1 และ 2 มียอดขายที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ประมาณ 10-20% ส่วนครึ่งปีหลังน่าจะขยับขึ้นมาบ้าง แต่โดยภาพรวมทั้งปีน่าจะอยู่ที่ 2.4 ล้านเครื่องในขณะที่ปีที่แล้วประมาณ 3 ล้านเครื่อง
“ยอดขายของอินเทลในไทยปีนี้น่าจะไม่ติดลบ เพราะมีสมาร์ทโฟนกับแท็บเล็ตเข้ามาช่วย ซึ่งปีหน้าน่าจะได้เห็นชิปของอินเทลในแท็บเล็ตรุ่นใหม่อีกประมาณ 30-40 รุ่น โดยปัจจุบันในส่วนของชิปสำหรับมือถือนั้นอินเทลมียอดขายเป็นอันดับ 2 ส่วนอันดับ 1 คือแอปเปิล อันดับ 3 เป็นควอคอมม์ ซึ่งปีหน้าจะมีชิปสำหรับมือถือออกมาอีกหลายรุ่น โดยล่าสุด อินเทลเตรียมนำเสนออินเทล คอร์ เอ็ม โปรเซสเซอร์ออกสู่ตลาดในช่วงปลายปีนี้”
นายสนธิญา กล่าวว่า อินเทล คอร์ เอ็ม โปรเซสเซอร์ เป็นชิปขนาด 14 นาโนเมตรชิ้นแรกที่อินเทลวางจำหน่าย มีความบางกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ถึง 50% มีการกินไฟลดลง 60% จึงเหมาะสำหรับอุปกรณ์ยุคใหม่อย่างเช่นโน้ตบุ๊ก และแท็บเล็ต รวมไปถึงอุปกรณ์แบบทูอินวัน ที่ผู้ผลิตต้องการการออกแบบให้บางขึ้น ทำงานได้เงียบ เพราะไม่ต้องมีพัดลมเพื่อระบายความร้อน โดยยังมีประสิทธิภาพในการประมวลผลเร็วขึ้น 2 เท่า ผู้ใช้งานสามารถเปิดดูวิดีโอได้ต่อเนื่องมากกว่า 8 ชั่วโมง
โดยในไตรมาส 4 นี้ผู้ผลิตหลายรายจะเปิดตัวอุปกรณ์ที่ใช้ อินเทล คอร์ เอ็ม โปรเซสเซอร์ อาทิ เอเซอร์จะเปิดตัว อุปกรณ์ทูอินวัน Aspire Switch 12, เอซุส อัลตร้าบุ๊ก ASUS Zenbook UX305 และ ASUS Transformer Book T300FA ทูอินวัน, เดลล์ Latitude 13 7000 Series ทูอินวันสำหรับธุรกิจ และเอชพี Envy X2 คอมพิวเตอร์แบบ Detachable ซึ่งชิปคอร์เอ็มจะเป็นสินค้าหลักของอินเทลตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป
ที่ผ่านมาอินเทลได้ทำการขยายพาร์ตเนอร์หรือแชนเนลพาร์ตเนอร์กับกลุ่มที่จำหน่ายโทรศัพท์มือถือ ด้วยการทำโปรแกรมที่เหมาะสมร่วมกัน โดยเริ่มทดลองทำตลาดแล้วกับทีจีโฟน และซีเอสซี นอกจากนี้ ยังมีการจัดคอร์เนอร์โซน ในร้านจำหน่ายมือถือต่างๆ รวมไปถึงการทำโปรโมชันหน้าร้าน และการจัดกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ
“ตลาดอุปกรณ์แบบทูอินวัน เริ่มมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้น เพราะขายดีขึ้น โดยปัจจุบันมียอดขายอยู่ที่เดือนละ 20,000-30,000 ตัว ซึ่งคาดว่าหากราคาลดลงกว่านี้จะทำให้ผู้บริโภคสนใจมากขึ้น เพราะขณะนี้ผู้บริโภคยังไม่ยอมจ่ายเงินเพิ่มจากโน้ตบุ๊ก ดังนั้น การเข้ามาของคอร์เอ็มแล้วตั้งราคาประมาณ 18,000 -20,000 บาท ก็น่าจะทำให้ตลาดทูอินวันเติบโตไปได้'
นอกจากชิปคอร์เอ็มใหม่ที่จะนำเสนอพร้อมกัน 3 รุ่นแล้ว ในปีที่ผ่านมา อินเทลได้นำเสนอเทคโนโลยีในปีนี้คือ คอร์เอ็ม เซิร์ฟเวอร์ ซีออน E5 2600 v3 และซีพียูอะตอมที่ใช้กับแท็บเล็ต สมาร์ทโฟน อินเทลยังเตรียมที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อตอบสนองกับขนาดตลาดใหญ่ขึ้น โดยอินเทลจะเริ่มเข้าไปครอบคลุมทุกตลาด ไม่ว่าจะเป็นเดสก์ท็อปที่มีรูปทรงที่เปลี่ยนไป ออลอินวันออกรุ่นใหม่ที่มีรูปแบบใหม่ๆ มากขึ้น โดยเน้นการพัฒนาชิปให้สามารถช่วยให้ลูกค้าใช้งานได้ง่ายขึ้น
“ทั้งนี้ ปัจจุบันตลาดคลาวด์ดาต้าเซ็นเตอร์มีอัตราการเติบโตขึ้น 18% และเอสเอ็มอีเริ่มวางเซิร์ฟเวอร์ตัวเองเพิ่มขึ้น 6% ส่วนตลาดของการออกแบบโตขึ้น 8% ดังนั้น อินเทลจึงมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์แบบเอนด์ทูเอนด์ตั้งแต่อุปกรณ์พกพาไปจนถึงดาต้าเซ็นเตอร์ นอกจากนี้ยังมองตลาดเกมเมอร์ที่มีอยู่ระดับ 700 ล้านคนทั่วโลก และในไทยประมาณ 10 ล้านคน”
Company Relate Link :
Intel
CyberBiz Social
http://instagram.com/cbizonline