กสท.ถกช่อง 3 รอบ 2 ยังไร้ข้อสรุป ช่อง 3 ขอให้ กสท.ตีความทางกฎหมายว่าหากเป็นคนละนิติบุคคลจะสามารถนำรายการออกคู่ขนานได้หรือไม่ เมินข้อเสนอลดหย่อนค่าธรรมเนียมตามที่ กสท.เสนอ เดินหน้าขอศาลคุ้มครองไม่ให้จอดำ 30 ก.ย.นี้ หากยังไม่มีความชัดเจน เพราะไม่ต้องการให้ประชาชน 60 ล้านคนเดือดร้อน และไม่ต้องคืนค่าโฆษณาให้เอเยนซี ด้าน “สุภิญญา” ชี้ ช่อง 3 ต้องทำจดหมายชี้แจงอย่างเป็นทางการเพื่อหาทางออก
วันนี้ (23 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.48 น. ผู้บริหารจากบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ประกอบด้วย นายประสาร มาลีนนท์ รองประธานกรรมการบริหาร นายประวิทย์ มาลีนนท์ กรรมการบริหาร และผู้อำนวยการอาวุโส สายธุรกิจโทรทัศน์ นายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน และ นายไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย เดินทางเข้าพบคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เพื่อหารือเรื่องแนวทางการออกอากาศคู่ขนานตามคำเชิญของบอร์ด กสท.เป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ได้หารือกันมาแล้วรอบหนึ่ง เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา
จนกระทั่งเวลา 15.00 น. นายฉัตรชัย และนายไพบูลย์ ได้ออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยก่อนหน้านี้ 2 ผู้บริหารทั้ง นายประวิทย์ และนายประสาร ได้เดินทางออกไปจากห้องประชุมโดยไม่ให้ข่าวใดๆ ต่อสื่อมวลชนที่รอทำข่าวอยู่เหมือนทุกครั้ง
นายฉัตรชัย กล่าวว่า การหารือครั้งนี้ยังไม่มีความคืบหน้า โดยทางบริษัทได้สอบถามต่อ กสท.ถึงเรื่องความถูกต้องทางกฎหมายว่า บริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด (ผู้ประมูลทีวีดิจิตอล) และบริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด (ช่อง 3 อนาล็อก) เป็นคนละนิติบุคคล จะสามารถนำเนื้อหาในแอนะล็อกมาออกคู่ขนานในช่องดิจิตอลได้หรือไม่ แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบจาก กสท.ส่วนเรื่องประเด็นลดหย่อนค่าธรรมเนียมที่ กสท.เสนอให้เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ตามที่เป็นข่าวนั้น ตนเองคิดว่าไม่ใช่ประเด็นหลักของการมาเจรจาในวันนี้ บริษัทต้องการถามหาความชัดเจนในเรื่องของกฎหมายมากกว่า
“เราชี้แจงว่า เราเป็นคนละนิติบุคคลมานานแล้ว เป็นมามากกว่า 20 ปี เราต้องการออกคู่ขนาน เพียงแต่ กสท.ต้องหาความชัดเจนเรื่องกฎหมายให้เรา ถ้าเคลียร์เรื่องกฎหมายให้เราได้ว่าไม่ผิด หลังจากออกคู่ขนานแล้ว ก็อาจจะมีการพูดคุยกันต่อนิดหน่อยเรื่องของการเยียวยา”
อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้หากยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนก่อนวันที่ 30 ก.ย. ที่ช่อง 3 ต้องจอดำในระบบดาวเทียม และเคเบิล บริษัทก็ต้องทำเรื่องให้ศาลดำเนินการคุ้มครองเพื่อไม่ให้จอดำไปก่อน เพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชนที่ดูซึ่งพบว่ามีจำนวนประชาชนที่ดูผ่านระบบดาวเทียมและเคเบิล จำนวน 16 ล้านครัวเรือน คิดเป็น 60 ล้านคน นอกจากนี้ บริษัทยังต้องคืนค่าโฆษณาให้แก่ลูกค้า 70% ซึ่งนับเป็นการสูญเสียมากที่สุดในรอบ 44 ปี ที่บริษัทดำเนินธุรกิจมา ซึ่งปีที่แล้วบริษัทมีรายได้อยู่ที่ 15,000 ล้านบาท แต่หาก กสท.จะพิจารณายืดเวลาออกไปอีก ก็จะเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย
หลังจากนั้น กรรมการ กสท. 3 คน ได้แก่ พล.ท.ดร. พีระพงษ์ มานะกิจ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ และ น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ ได้ออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดย พล.ท.ดร. พีระพงษ์ กล่าวว่า เรื่องที่คุยกับช่อง 3 วันนี้ไม่ใช่เรื่องทางเศรษฐศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการลดค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ กสท.ตั้งใจไว้ แต่กลับเป็นเรื่องของกฎหมายที่ช่อง 3 กังวล ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ซับซ้อน กรรมการ กสท.ต้องหารือกันอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน น.ส.สุภิญญา กล่าวว่า หากช่อง 3 สงสัยในข้อกฎหมายดังกล่าวก็ให้ทำจดหมายเข้ามาสอบถามต่อ กสท.เพื่อให้ กสท.นำเรื่องเข้าพิจารณา และหาทางออกให้ ส่วนเรื่องที่ต้องสอบเรื่องความเป็นเจ้าของคนเดียวกันหรือไม่ตามที่เครือข่ายภาคประชาชนเฝ้าระวังสื่อวิทยุและโทรทัศน์ มาร้องเรียนให้เพิกถอนสัมปทาน และใบอนุญาตของช่อง 3 นั้น เรื่องนี้ก็ยังคงต้องส่งให้อนุกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมายพิจารณา ซึ่งเรื่องนี้มันก็ยังคงเกี่ยวโยงกัน
“ตอนนี้เรามีทางเลือกให้ช่อง 3 สองทาง คือ ออกคู่ขนานในช่องที่ประมูลได้กับขอใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบการดาวเทียม ซึ่งหากเรื่องกฎหมายที่ช่อง 3 กังวลอยู่ก็ให้ทำจดหมายเข้ามา เราจะหาทางออกให้ แต่นี่ยังไม่เห็นจดหมาย”
ขณะที่ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธานบอร์ด กสท.แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังจากที่บอร์ดทั้ง 3 คนแถลงข่าวเสร็จ โดยยืนยันว่า ช่อง 3 ยังสามารถเข้ามายื่นข้อเสนอได้ตลอดเวลา ซึ่งตามความคิดเห็นส่วนตัวแล้วเรื่องนี้ต้องแก้ปัญหาเพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน และหวังว่าเหตุการณ์จอดำจะไม่เกิดขึ้น
*** ปรับความเข้าใจเรื่องคอนเทนต์บิดเบือน
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 ก.ย. มีการประชุมคณะอนุกรรมการกำกับผังรายการและเนื้อหารายการ ในคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ที่มี พล.ท.ดร.พีระพงษ์ เป็นประธาน และ น.ส.สุภิญญา ร่วมป็นกรรมการด้วย โดย น.ส.สุภิญญา ระบุว่า การประชุมครั้งนี้เป็นเรียกผู้ผลิตคอนเทนต์ข่าวของช่อง 3 มาชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องการเสนอข่าวที่บิดเบือนต่อความจริง โดยกล่าวหาว่า ผู้ให้บริการโครงข่ายดิจิตอล และ กสทช.ขยายโครงข่ายไม่ครอบคลุม ทางคณะอนุกรรมการจึงได้เชิญผู้ให้บริการโครงข่ายมาชี้แจงถึงแผนการขยายโครงข่ายร่วมกัน
“ดารา และผู้จัดรายการสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่ควรระวังไม่ให้ข้อมูลคลาดเคลื่อน ซึ่งหากประชาชนต้องการดูช่อง 3 แบบเดิม ก็ควรเลือกให้ช่อง 3 นำผังรายการไปออกคู่ขนาน เพราะหากให้ข้อมูลคลาดเคลื่อน เรื่องนี้มันเหมือนเป็นบูมมาแรงย้อนกลับไปว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร”
พล.ท.ดร.พีระพงษ์ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ทางตัวแทนช่อง 3 ได้รับปากแล้วว่าจะนำเรื่องที่ประชุมดังกล่าวไปปรึกษากับผู้บริหารต่อไป
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวแจ้งว่าวันศุกร์ที่ 26 ก.ย.นี้ บอร์ด กสท.จะเรียกช่อง 3 เข้ามาเจรจากันอีกครั้งหนึ่ง
Company Relate Link :
กสทช.
CyberBiz Social
http://instagram.com/cbizonline