xs
xsm
sm
md
lg

ไปรษณีย์ไทย เปิดบริการใหม่พร้อมรุกเออีซี ตั้งเป้าปีนี้ 2 หมื่นล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ไปรษณีย์ไทย” เผยรายได้ครึ่งปีแรกทะลุ 10,000 ล้านบาท ส่วนกำไรเกินเป้าหมายที่วางไว้อยู่ที่ 1,200 ล้านบาท คาดครึ่งปีหลังยังเติบโตต่อเนื่อง และสร้างรายได้ทะลุ 20,000 ล้านบาท และกำไร 2,000 ล้านบาท พร้อมเปิดบริการใหม่ EMS SUPER SPEED ส่งของด่วนใน 24 ชั่วโมง ประเดิม 9 จังหวัดก่อนขยายต่อ พร้อมรุกเออีซีด้วยการเปิดบริษัทลูกให้บริการลอจิสติกส์ เพื่อรองรับการขนส่งให้ทั่วภูมิภาค ส่งบริการธนาณัติอิเล็กทรอนิกส์ไทย-ลาว จับตลาดการโอนเงิน ก่อนขยับไปประเทศเพื่อนบ้านเพิ่ม

น.ส.อานุสรา จิตต์มิตรภาพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ผลประกอบการ 6 เดือนแรกที่ผ่านมา มีรายได้รวม 10,642.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเป้าหมายที่วางไว้เดิม 10,100 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนออกเป็นธุรกิจสื่อสาร 46% ธุรกิจขนส่ง 43% ที่เหลือเป็นค้าปลีก การเงิน และอื่นๆ ส่วนภาพรวมกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,245 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ตั้งไว้ 1,000 ล้านบาท โดยทั้งปีคาดว่าจะมีรายได้รวมมากกว่า 20,000 ล้านบาท และกำไร 2,000 ล้านบาท สูงกว่าที่เคยตั้งไว้ที่ 1,700 ล้านบาท

การเติบโตของรายได้ดังกล่าว มาจากการขนส่ง อีเอ็มเอสที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 10 กว่า% และรายได้จากการจำหน่ายไปรษณียบัตรได้เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงธุรกิจอีคอมเมิร์ซเติบโตถึง 20% ในประเทศไทย และมีการซื้อขายสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ทำให้การฝากส่งเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้านต่างก็นิยมซื้อสินค้าไทย และส่งผ่านทางไปรษณีย์ไทยมากขึ้น

“ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของคน ด้วยการซื้อของออนไลน์ ทำให้การส่งไปรษณีย์มีการเติบโตมากขึ้น โดยการส่งดังกล่าว 70% เป็นกล่อง และซอง 30% ซึ่งไปรษณีย์ได้มีการเตรียมความพร้อมทั้งการพัฒนาแพกเกจจิง เพื่อให้ของที่ส่งตรงตามความต้องการของผู้รับ และมีความเร็วให้เลือกส่งแบบธรรมดา และอีเอ็มเอส”

น.ส.อานุสรา กล่าวว่า ล่าสุด ไปรษณีย์ไทยได้จับมือกับไทยแอร์เอเชีย เปิดตัว เครื่องบินแอร์บัส EMS เพื่อเปิดให้บริการ EMS SUPER SPEED ส่งสิ่งของทางไปรษณีย์ข้ามภาคภายใน 24 ชั่วโมง โดยปัจจุบันเปิดให้บริการ 9 จังหวัด 205 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ หาดใหญ่ และจุดสำคัญอย่างภูเก็ต นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี อุบลราชธานี อุดรธานี และขอนแก่น หลังจากทดลองมาแล้ว 2-3 เดือน และเตรียมที่จะเพิ่มจุดให้ลูกค้าเข้าถึงสะดวกมากขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ ยังสามารถตรวจสอบสถานะของสิ่งของผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย ไปรษณีย์ได้ตั้งเป้าไว้ที่ 30,750 ชิ้นต่อเดือน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 20% หรือ 36,900 ชิ้นต่อเดือนในปี 2558 ซึ่งในอนาคตจะขยายบริการดังกล่าวไปยังกลุ่มเออีซี และจีน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไปรษณีย์วางเป้าหมายเครือข่ายช่วยธุรกิจให้แก่คนไทย สนับสนุนความสำเร็จของคนไทย หลังจากที่ผ่านมา ได้เปิดให้บริการ “โลจิสโพสต์” บริการขนส่งและรับฝากสิ่งของขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักมาก หรือมีรูปร่างพิเศษ และมีน้ำหนักไม่เกิน 200 กิโลกรัม ที่ทำการไปรษณีย์ 1,300 แห่ง มีจุดหมายปลายทางทั้งสิ้น 32 ประเทศ

นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยได้จับมือกับ บริษัท รัฐวิสาหกิจไปรษณีย์ลาว เปิดบริการสั่งจ่ายเงินข้ามแดน ด้วยบริการธนาณัติอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างประเทศไทย-ลาว วงเงินสูงสุดไม่เกิน 20,000 บาทต่อครั้ง และมีค่าบริการครั้งละ 200 บาท โดยผู้รับเงินปลายทางจะได้รับเงินภายใน 2 วันทำการ ซึ่งบริการนี้ผู้ใช้เพียงกรอกรายละเอียดชื่อที่อยู่ผู้ฝากส่ง และผู้รับเงิน และจำนวนเงินที่ต้องการโอนในใบฝากส่ง และชำระเงินพร้อมค่าบริการ ก็จะสามารถจ่ายเงินข้ามแดนได้อย่างง่ายดาย

การส่งเงินกับไปรษณีย์ไทยนี้จะได้ใช้บริการที่รวดเร็วขึ้น ไม่ต้องผ่านนายหน้าที่เสียแพงกว่า อย่างเช่น การส่งเงินของแรงงานผ่านทางนายหน้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเสียค่าบริการขั้นต่ำ 300-500 บาท โดยปัจจุบันมีคนลาวเข้าทำงานในไทยกว่า 102,363 คน และกว่า 90% ต้องส่งเงินกลับบ้าน ในจำนวนนี้ 82% ยังใช้ช่องทางการเงินที่ไม่เป็นทางการ ดังนั้น ช่องทางใหม่นี้จะช่วยให้พวกเขามีทางเลือกเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในอนาคตไปรษณีย์ไทยจะขยายไปสู่ประเทศอย่าง กัมพูชา พม่า และเวียดนาม รวมถึงประเทศอื่นๆ เพื่อให้ผู้ใช้แรงงานของเครือข่ายเออีซีทั้งหมดได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้น

“การผนึกกันของเออีซีเป็นเรื่องสำคัญ งานไปรษณีย์เรามีการประชุม และบันทึกความร่วมมือกัน เพื่อให้เป็นเครือข่ายที่เข้มแข็ง มีระบบที่เชื่อมโยงกัน มีการทำแผนยุทธศาสตร์ร่วมกัน ถือเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ประชาชนในกลุ่มประเทศเหล่านี้ ซึ่งปัจจุบันไปรษณีย์ของทุกประเทศก็เริ่มเข้ามาทำเรื่องลอจิสติกส์มากขึ้น เราจึงต้องการเตรียมความพร้อมในหลายๆ ด้าน”
นางสาวอานุสรา จิตต์มิตรภาพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
ด้านนายปิยะวัตร์ มหาเปารยะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานระบบปฏิบัตรการ บริษัท ไปรษณีย์ ไทย กล่าวว่า เพื่อเป็นการตอบรับต่อการเปิดตลาดเออีซี ไปรษณีย์ไทยจึงได้มีการจัดตั้งบริษัท ไปรษณีย์ไทย ดิสทริบิวชั่น จำกัด เพื่อให้บริการกลุ่มลูกค้าองค์กรที่ต้องการระบบคลังสินค้า มีระบบที่กระจายสินค้า บรรจุภัณฑ์ และสามารถส่งถึงปลายทางได้ เป็นแบบบีทูบีทูซี ซึ่งบริษัทลูกนี้จะช่วยเสริมให้ไปรษณีย์ไทยเข้าไปสู่ลอจิสติกส์ได้กว้างขวางยิ่งขึ้น และต่อไปก็จะขยายไปสู่การศุลกากร ส่วนศูนย์ไปรษณีย์ ซึ่งมีอยู่ 16 แห่ง ที่จะสามารถเชื่อมการส่งต่อไปรษณีย์ไทยทั้งส่งต่อในประเทศ และเพื่อนบ้านอย่างประเทศลาว ที่เป็นหนึ่งในประเทศเออีซี ทำให้คนในภูมิภาคนี้เกิดการเชื่อมโยงกันเป็นการขายของข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้ รวมไปถึงจีนที่อยู่ใกล้ประเทศไทย ช่วยให้สามารถเข้าถึงได้ขั้นต่ำ 500 ล้านคน ทำให้สินค้าของไทยสามารถขยายตัวออกไปได้มากขึ้น และจะเป็นช่องทางให้เอสเอ็มอี โอทอป ในการใช้บริการ ส่งข่าวสาร ส่งของ และเป็นจุดชำระเงิน

“ศูนย์ไปรษณีย์ที่อยู่ในจุดยุทธศาสตร์จะใช้เป็นการส่งเสริมการค้าชายแดนระหว่างกันเราจะร่วมมือกับพันธมิตรที่เกี่ยวข้องด้วย เป็นการเตรียมประเทศไทยในการใช้เครือข่ายไปรษณีย์เป็นลอจิสติกส์ ผ่านเครือข่ายบุคลากรของไปรษณีย์ที่ปัจจุบันมีอยู่ 22,000 คน โดยจะพัฒนาบุคลากร และทำให้พวกเขาเป็นเครือข่ายที่เข้าถึงได้ทุกบ้านและทุกวัน ให้รู้ถึงเรื่องการบริการ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าของเราในแต่ละพื้นที่ ใช้พลังเครือข่ายคนสร้างคุณภาพมาตรฐานสากล”

นอกจากนี้ เครือข่ายความสุขเพื่อชุมชน เป็นการช่วยเหลือการส่งสินค้าช่วยเกษตรกร เอสเอ็มอีชุมชน กระจายผลผลิตและสินค้า ซึ่งตัวผู้ผลิตต้องพัฒนาคุณภาพให้ตรง และจะมีจุดให้รับส่งของได้ สามารถใช้ที่ทำการใหญ่ๆ เป็นคลังสินค้าได้ เป็นการช่วยให้ชีวิตของคนไทยมีวิถีชีวิตที่ดีขึ้น

นายปิยะวัตร์ กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยยังได้มีแผนการพัฒนาให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงไปรษณีย์ได้สะดวกมากขึ้น อย่างเช่น บริการอีซีแพ็คที่ร่วมกับเซเว่นอีเลฟเว่น ที่ซื้อแล้วจะส่งเมื่อไรก็ได้ สามารถส่งที่เซเว่นได้ และในอนาคตจะพัฒนาจุดที่สามารถดรอปกล่องให้มีมากขึ้น ตอบสนองกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซต่างๆ เป็นบริการที่เกี่ยวข้องกับความสำคัญของการเข้ามาใช้ระบบไปรษณีย์ สร้างระบบที่คนมั่นใจ ผู้ซื้อได้ของตรงเวลา ผู้ขายก็ทำได้ตามที่ผู้ซื้อต้องการ

ทางด้านการติดตามและควบคุมให้ทุกจุดของไปรษณีย์ไทยได้มาตรฐานสากลไม่ว่าจะเป็นการนำจ่าย ดีลิเวอรีออนดีมานด์ ที่จะใช้เครื่องมือของไอทีเพื่อเชื่อมโยงถึงกัน ในอนาคตจะมีการพัฒนาให้ ดีลิเวอรีสเตชัน ให้ผู้ใช้บอกว่าจะให้ไปรษณีย์ไทยนำของไปให้และจะให้ไปรับด้วยตนเอง นอกจากนี้ จะทำการพัฒนาเรื่องระบบไอทีที่นำมาใช้ในการลดต้นทุน และสร้างความเชื่อมั่น เพิ่มบริการโพสต์ไดร์ฟทรู ที่ให้บริการที่จังหวัดอุดรธานีเป็นแห่งแรก และจะมีการขยายไปสู่จังหวัดอื่นๆ

“เรามีการติดตามศูนย์ใหญ่ๆว่า วันหนึ่งๆจะมีจดหมายหรือพัสดุเข้ามาเท่าไรและจะจัดการอย่างไร เราได้ทำการปรับตัวของพนักงาน และปรับตัวขององค์กรให้มีความพร้อมในการสร้างแบรนด์ไปรษณีย์ไทยให้เข้มแข็ง สร้างเครือข่ายชีวิตเศรษฐกิจไทย ปัจจุบัน สิ่งที่ไปรษณีย์ไทยให้บริการอยู่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของคนไทย และกำลังจะรองรับกับธุรกิจต่างๆ เราได้เตรียมทิศทางเชื่อมโยงความสุขของคนไทย ต้องสามารถตอบสนองชีวิตส่วนตัว เศรษฐกิจของประเทศ และการเปิดเออีซี”

Company Related Link :
ไปรษณีย์ไทย

CyberBiz Social



Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket

Instagram
กำลังโหลดความคิดเห็น