xs
xsm
sm
md
lg

“สุภิญญา” แนะผู้ประกอบการทำตามเงื่อนไข กสทช. ไม่งั้นโดนตัดสิทธิ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สุภิญญา” เตือนผู้ประกอบการรอความชัดเจนข้อกำหนดผู้เข้าร่วมโครงการก่อนทำตลาด ถ้ามีการอ้างชื่อ กสทช. ในการนำคูปองมาแลก เพื่อเก็บบัตรประชาชน มีความผิดถึงขั้นตัดสิทธิเข้าร่วมโครงการเหมือนบริษัทวินเนอร์ และบริษัทการศึกษาก้าวไกล

น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวสรุปหลังจากเข้าหารือกับผู้ประกอบการที่มีการเรียกเก็บสำเนาบัตรประชาชน เพื่อรับกล่องสัญญาณโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลว่า หลังจากที่ทาง กสทช.มีมติในเรื่องของข้อกำหนดต่างๆ แล้ว จะเรียกผู้ประกอบการที่ลงทะเบียนกับทาง กสทช.เข้าเพื่อแจ้งให้ทราบ หลังจากนั้นทางผู้ประกอบการถึงจะสามารถเริ่มทำตลาดโดยการอ้าง กสทช.ในการแจกคูปองได้

“ในขณะนี้ที่ทาง กสทช. ยังไม่มีมติอย่างเป็นทางการ ถ้ามีผู้ประกอบการนำชื่อ กสทช.ไปอ้างในการแจกคูปองก็จะมีการตักเตือน และเรียกมาชี้แจง พร้อมให้หาทางแก้ไข ซึ่งถ้าไม่ทำตามก็อาจจะตัดสินไม่ให้เข้าร่วมโครงการแลกคูปองทีวีดิจิตอลได้”

เบื้องต้น ทางสำนักงาน กสทช. ได้มีการตัดสิทธิ บริษัท วินเนอร์ ดิจิตอล จำกัด และ บริษัท การศึกษาก้าวไกล จำกัด ไปแล้ว และในวันนี้ได้มีการเรียกตัวแทนจากทางบริษัท โซกู๊ดโกบอล จำกัด เข้ามาหารือถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และให้ทางโซกู๊ด ทำหนังสือชี้แจงวิธีการเยียวยาแก้ไขเข้ามาให้ทาง กสทช. เพื่อที่จะไม่ถูกตัดสิทธิเข้าร่วมโครงการ

“ส่วนของวิธีการเยียวยาแก้ไข ถ้าผู้ประกอบการได้มีการแจกเอกสาร หรือโบรชัวร์ออกไปให้ผู้บริโภคจำนวนเท่าใด ก็จะใช้การกระจายเอกสารเพื่อแก้ไขข้อมูลตามจำนวนนั้น หรือใช้ช่องทางอื่นๆ เพิ่มเพื่อให้สำนักงานเห็นว่ามีความตั้งใจในการแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นจริง”

น.ส.สุภิญญา กล่าวว่า กรณีที่บริษัท แฟมิลี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่เป็นผู้ผลิตกล่องให้แก่วินเนอร์และการศึกษาก้าวไกล เข้ามาชี้แจงว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นในวิธีการทำตลาดนั้น ให้ทางแฟมิลี่เข้าไปพูดคุยกับทั้ง 2 บริษัทให้รู้เรื่อง และทำหนังสือชี้แจงต่อทาง กสทช. รวมถึงปริมาณกล่องที่จำหน่ายให้แก่ทั้ง 2 บริษัท เพื่อความชัดเจนด้วย

น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวเสริมว่า ในขณะนี้ยังมีการร้องเรียนถึงกรณีที่มีผู้ประกอบการแจกใบปลิวพร้อมขอข้อมูล และสำเนาบัตรประชาชนเข้ามาทางมูลนิธิอยู่เรื่อยๆ ซึ่งทางมูลนิธิก็จะประสานงานกับทางสำนักงาน กสทช. เพื่อเข้าไปตรวจสอบ และไม่เห็นด้วยต่อการกระทำดังกล่าว เพราะทางมูลนิธิก็มีแนวทางในการคุ้มครองผู้บริโภคอยู่แล้ว

“การที่ผู้ประกอบการเก็บสำเนาบัตรประชาชนไว้ ผู้บริโภคก็ไม่ปลอดภัยแล้ว ส่วนในเรื่องของมูลค่าคูปองที่ตอนแรกจะแจก 1,000 บาท และลดลงมาเหลือ 690 บาท ก็ถือว่าได้ช่วยคุ้มครองผลประโยชน์ของชาติแล้วในระดับหนึ่ง ที่เหลือต้องดูกันว่าหลักประกันของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมประมูล ทั้งในแง่ของการรับประกัน และบริการหลังการขายต้องดีด้วย”

โดยทางตัวแทนมูลนิธิผู้บริโภคได้เล่าให้ฟังถึงกรณีที่เกี่ยวข้องกับมติมูลค่าคูปองที่ลดลงมาเหลือ 690 บาท ว่า ในต่างจังหวัดมีตัวแทนผู้ประกอบการรายหนึ่งที่ก่อนหน้านี้เคยให้ผู้บริโภคไปลงทะเบียนแลกกล่องฟรี หลังจากโดนทางสำนักงาน กสทช.เตือนก็หยุดกระทำ แต่ได้มีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนจากการแลกกล่องเป็นส่วนลดแทน เนื่องจากมูลค่าคูปองลดลงทำให้ไม่คุ้มต่อการดำเนินการ

ทั้งนี้ ในส่วนของเงื่อนไขของผู้ประกอบการในการเข้าร่วมคูปองทีวีดิจิตอล ที่ประชุมบอร์ด กสทช. ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับเรื่องของการวางเงินค้ำประกัน การรับประกันหลังการขาย และบริการหลังการขายอย่างระบบคอลเซ็นเตอร์ แต่ในแง่ของทุนจดทะเบียนยังต้องมีการกำหนดอีกทีให้มีความโปร่งใสมากที่สุด

Company Relate Link :
กสทช.

CyberBiz Social



http://instagram.com/cbizonline
กำลังโหลดความคิดเห็น