โลกต้องบันทึกว่า ปี 2014 คือปีที่ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) ของกูเกิลได้แจ้งเกิดในรถยนต์ โทรทัศน์ และนาฬิกาอย่างเป็นทางการ ผลจากความพยายามในการชนช้างกับคู่รักคู่แค้นอย่างแอปเปิล (Apple) ของกูเกิล (Google) รวมถึงอีกหลายบริษัทที่พยายามขยายตลาดเข้าสู่อุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหลากรูปแบบ
วันนี้ Android ระบบปฏิบัติการที่กูเกิลเปิดให้ใช้งานฟรีนั้นถูกใช้ในสมาร์ทโฟนมากกว่า 3 ใน 4 ของสมาร์ทโฟนที่วางจำหน่ายในท้องตลาดทั่วโลก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ กูเกิลกำลังหาทางขยายตลาด Android ให้ครอบคลุมสินค้าหลากหลายกลุ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นสินค้าที่สามารถพัฒนาให้ผู้ใช้สะดวกสบายกว่าเดิมด้วยความสามารถด้านการค้นหาข้อมูลเรียลไทม์ และข้อมูลแผนที่ แน่นอนว่าโอกาสเหล่านี้มีอยู่ในสินค้ากลุ่มโทรทัศน์ รถยนต์ และนาฬิกาอัจฉริยะ ทั้ง 3 สินค้าที่ถูกมองว่าจะเป็นประตูดึงผู้ใช้เข้าสู่นานาบริการสร้างรายได้ของกูเกิลมากขึ้น
ที่งานประชุมนักพัฒนา Google I/O 2014 ซึ่งกูเกิลมีกำหนดจัดขึ้นช่วง 25-26 มิถุนายน 2014 กูเกิลประกาศว่า รถรุ่นแรกที่ใช้ซอฟต์แวร์ “แอนดรอยด์ ออโต้ (Android Auto)” จะสามารถโชว์ตัวในโชว์รูมรถได้ภายในปีนี้ ซอฟต์แวร์ดังกล่าวสามารถอำนวยความสะดวกให้ผู้ขับรถสามารถเดินทางได้รวดเร็วผ่านระบบนำทางที่ทำงานได้ดีกว่าเดิม ขณะเดียวกัน ก็สามารถเพลินกับเพลงโปรดที่หลากหลายจากโลกออนไลน์ รวมถึงการส่งข้อความด้วยเสียงอย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตาม กูเกิลให้ข้อมูลเพียงว่า มีบริษัทรถยนต์มากกว่า 40 ค่ายที่เซ็นสัญญาเข้าสมาคมพัฒนาซอฟต์แวร์ Android Auto นี้แล้ว โดยยังไม่เปิดเผยว่าค่ายรถใดคือผู้ที่จะประเดิมระบบ Android Auto เพื่อจำหน่ายในปีนี้
ในส่วนของนาฬิกาอัจฉริยะ หรือ “Smartwatch” ปรากฏว่า ค่ายผู้ผลิตแดนกิมจิอย่างซัมซุง (Samsung) และแอลจี (LG) กลายเป็น 2 รายที่จะเริ่มจำหน่ายนาฬิกาออนไลน์ระบบปฏิบัติการใหม่ “แอนดรอยด์ แวร์ (Android Wear)” ในช่วงเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ โดย Android Wear คือ ระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชันใหม่ที่ออกแบบมาเพื่ออุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสำหรับสวมใส่โดยเฉพาะ
งานนี้ กูเกิล ยังโชว์ตัวระบบปฏิบัติการสำหรับทีวี “แอนดรอยด์ ทีวี (Android TV)” หลักการออกแบบคือ การสร้างจุดต่างที่นอกจากการดึงคอนเทนต์ออนไลน์ผ่านระบบสตรีมมิงมาแสดงบนทีวีได้ง่ายขึ้น ด้วยการทำให้ผู้ชมสามารถค้นหาคอนเทนต์น่าสนใจได้สะดวกขึ้นบนหน้าตาอินเตอร์เฟซที่เข้าใจง่าย การพัฒนาโอเอสสำหรับทีวีนี้เกิดขึ้นหลังจากกูเกิลพยายามเข้าถึงตลาดห้องนั่งเล่นครั้งแรกด้วย “กูเกิล ทีวี (Google TV)” เมื่อ 4 ปีที่แล้ว แต่ไม่สามารถสร้างกระแสได้ดีเท่าที่ควร
ไม่เพียง 3 กลุ่มสินค้านี้ กูเกิล ยังไม่ทิ้งตลาดสมาร์ทโฟนไปโดยระบุว่า ได้เพิ่มความสามารถให้ระบบ Android สำหรับสมาร์ทโฟนเวอร์ชันใหม่ในชื่อ “แอนดรอยด์ แอล (Android L)” ขณะเดียวกัน ก็แจ้งเกิด “กูเกิล ฟิต แพลตฟอร์ม (Google Fit Platform)” แพลตฟอร์มที่ออกแบบมาสำหรับการเก็บข้อมูลสุขภาพของผู้ใช้ซึ่งมีรูปแบบการทำงานเหมือนบริการจากแอปเปิล และซัมซุง รวมถึงโครงการ “แอนดรอยด์ วัน (Android One)” ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการสร้างอุปกรณ์ Android ราคาประหยัดเพื่อจูงใจให้ผู้ใช้ทั่วโลกหันมาออนไลน์ผ่านโทรศัพท์ให้ได้มากที่สุด
***มาแล้วนาฬิกา “Android Wear”
กูเกิล ประกาศชัดเจนบนเวที Google I/O 2014 ว่า นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นแรกที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด Android Wear นั้น เปิดให้ประชาชนบางประเทศสั่งจองแล้ว ได้แก่ LG G Watch จากแอลจี และ Samsung Gear Live จากซัมซุง ทั้งคู่มาพร้อมหน้าปัดสี่เหลี่ยมผืนผ้า จุดนี้กูเกิลยืนยันว่า นาฬิกาอัจฉริยะหน้าจอวงกลมของโมโตโรล่าอย่าง Motorola Moto 360 จะยังไม่เปิดตัวจนกว่าจะพ้นฤดูร้อนปีนี้ หรือประมาณไตรมาส 3 ของปี
Galaxy Gear Live ถูกมองว่าเป็นการกลับไปซบอกระบบปฏิบัติการ Android อีกครั้งหลังจากที่ซัมซุงพัฒนานาฬิกา Galaxy Gear 2 ด้วยระบบปฏิบัติการ Tizen คาดว่า ซัมซุงต้องการแก้ปัญหาเสียงโจมตีที่มองว่า Galaxy Gear 2 ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องคุณสมบัติที่ชาวออนไลน์ต้องการ จุดนี้ สเตฟเฟน ซอร์เรล (Steffen Sorrell) นักวิเคราะห์ของบริษัทวิจัยจูปิเตอร์ (Juniper Research) ให้สัมภาษณ์ว่า ระบบปฏิบัติการ Android Wear จะทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าอุปกรณ์นี้เต็มเปี่ยมด้วยคุณสมบัติ แถมยังรองรับอุปกรณ์ที่หลากหลาย
สำหรับ LG ภายในงานนี้มีการประกาศว่านาฬิกา G Watch จะมีราคา 229 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 7,400 บาท โดยมีกำหนดวางจำหน่ายใน 12 ประเทศ ซึ่งรวม สหรัฐฯ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และญี่ปุ่น
ราคา 229 ดอลลาร์สหรัฐ ของนาฬิกาแอลจีนั้นสูงกว่านาฬิกาของซัมซุง ซึ่งระบุว่า Gear Live จะจำหน่ายที่ราคา 200 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 6,400 บาท อย่างไรก็ตาม นาฬิกาทั้ง 2 รุ่นมีกำหนดจัดส่งในวันที่ 7 กรกฎาคมนี้ โดยจะทำงานได้เฉพาะกับสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 4.3 ขึ้นไป
ความสามารถพิเศษใน Android Wear คือ การแจ้งเตือนข้อมูลที่จำเป็นต่อผู้ใช้แต่ละคนได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นได้เที่ยงตรงกว่าเดิม ทั้งอุปกรณ์เพื่อการตรวจจับข้อมูลสุขภาพต่างๆ และสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ จุดนี้ กูเกิลยืนยันว่า Android Wear เวอร์ชันใหม่สามารถเปิดให้นักพัฒนาลงมือสร้างแอปพลิเคชันใหม่เพื่อ Android Wear ซึ่งกูเกิลสาธิตว่า Android Wear สามารถติดตั้งแอปพลิเคชันสั่งพิซซ่า โดยผู้ใช้สามารถสั่ง และชำระเงินได้ทันใจ
ที่สำคัญคือ ผู้ใช้สามารถสั่งการได้ด้วยเสียง โดยสามารถออกเสียงเพื่อสั่งให้นาฬิกาสามารถสั่งยกเลิกสายโทร.เข้าในโทรศัพท์ได้ ขณะที่รูปร่างหน้าตาส่วนติดต่อโปรแกรมจะยังอิงแบบการ์ดที่ใช้ในบริการ Google Now ซึ่งเป็นรูปแบบที่ชาวกูเกิลคุ้นเคยดี
***Android Auto โอเอสเพื่อรถยนต์
ไม่เพียง Android Wear กูเกิลยังเปิดตัวระบบปฏิบัติการสำหรับรถยนต์ในชื่อ Android Auto ซึ่งสามารถทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟน Android ได้ราบรื่นกว่าเดิม โดยระบบปฏิบัติการ Android Auto มี 3 คุณสมบัติหลักที่น่าสนใจ คือ ผู้ใช้สามารถเดินทางพร้อมระบบนำทางผ่านระบบแผนที่ Google Maps ได้สะดวก ขณะเดียวกัน ก็สามารถติดต่อสื่อสารกับสายโทร.เข้าและออกได้ง่ายและปลอดภัยกว่าเดิม เช่นเดียวกับการเล่นเพลงซึ่งทั้งหมดรองรับคำสั่งเสียงผ่าน Google Now
ข้อมูลสะท้อนว่า ระบบปฏิบัติการในรถยนต์ Android Auto นั้นไม่ใช่ระบบที่ทำงานแยกเดี่ยว หรือ “สแตนด์อะโลน (standalone)” แต่จำเป็นต้องอาศัยสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์ Android ในการทำงานควบคู่กัน ทำให้ผลที่ได้คือระบบ Android สามารถถูกเชื่อมต่อและดึงขึ้นไปทำงานบนคอนโซลรถยนต์ได้ โดยระบบจะคัดเฉพาะความสามารถ 3 ส่วน นั่นคือ ระบบแผนที่และการนำทาง ระบบที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์ และระบบเล่นเพลง
รายงานระบุว่า ขณะนี้ Android Auto รองรับแอปพลิเคชันยอดนิยมในสหรัฐฯ แล้วอย่าง Spotify, Tune In, Pandora และSongza ทั้งหมดสามารถเริ่มให้บริการจริงช่วงปลายปีนี้
***Android TV ง่ายด้วยสมาร์ทโฟน
ผิดจากการคาดการณ์ของสื่ออเมริกันที่มองว่า กูเกิลจะเปิดตัวอุปกรณ์เสริมรุ่นใหม่สำหรับทำงานร่วมกับโทรทัศน์ หรือทีวีเซตท็อปบ็อกซ์ (TV Set-Top Box) เพื่อชนช้างกับนานาบริษัทที่ให้บริการอยู่แล้ว ทั้งอเมซอน (Amazon.com Inc.) แอปเปิล รวมถึงอีกหลายบริษัทที่พยายามอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สามารถนำไฟล์ดิจิตอลออนไลน์ไปเล่นบนทีวีได้ง่ายกว่าเดิม เพราะครั้งนี้ กูเกิลเปิดตัวเป็นระบบปฏิบัติการ Android TV โดยการันตีว่าเป็นแพลตฟอร์มสำหรับทำงานบนโทรทัศน์โดยเฉพาะ
Android TV ได้รับคำจำกัดความว่าเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการทำงานบนโทรทัศน์อย่างง่าย ซึ่งผู้ใช้สามารถส่งคำสั่งเสียงผ่านสมาร์ทโฟนได้อย่างสะดวกสบาย หลักการของ Android TV คือ การดึงเนื้อหา หรือคอนเทนต์ และบริการบนร้าน Play Store ของกูเกิลมาจัดเรียงให้เหมาะสมต่อการแสดงผลบนหน้าจอโทรทัศน์ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อ และชมคอนเทนต์เหล่านี้ได้อย่างสะดวก จุดเด่นใหม่คือ ผู้ใช้สามารถค้นหาเนื้อหาที่ต้องการได้ด้วยเสียงได้ทันทีจากสมาร์ทโฟน ซึ่งผลที่ได้คือ ผู้ใช้สามารถเอ่ยปากถาม Android TV เพื่อให้ทีวีค้นหาคำตอบจากคำถามที่เจาะจงได้
งานนี้กูเกิลยกตัวอย่างการถามหาภาพยนต์ที่ได้สิทธิเข้าชิงรางวัลออสการ์ในปีต่างๆ รวมถึงการค้นหาที่เฉพาะเจาะจงอื่นๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับความบันเทิง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กูเกิลส่งสัญญาณว่าต้องการปลุกตลาดทีวีอัจฉริยะ เพราะหากย้อนไปในปี 2010 กูเกิลเปิดตัวอุปกรณ์อย่าง Google TV บนความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งลอจิเทค (Logitech), โซนี่ (Sony), วิซิโอ (Vizio) และแอสซุส (Asus) แถมยังตอกย้ำตลาดอีกครั้งในปี 2012 ด้วยการเปิดตัวอุปกรณ์สตรีมมิงอย่าง “เน็กซัส คิว (Nexus Q)” แน่นอนว่าทั้งหมดไม่เคยเป็นสินค้าระดับแมสที่ตลาดวงกว้างกล่าวถึง
อุปกรณ์เสริมทีวีหนึ่งเดียวที่สร้างกระแสให้กูเกิลพอจะยิ้มได้คือ “โครมคาสต์ (Chromecast)” ดองเกิล หรืออุปกรณ์จิ๋วขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือราคา 35 ดอลลาร์สหรัฐ ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถรับสัญญาณสตรีมมิงวิดีโอออนไลน์ไปเล่นบนทีวี โดยสามารถใช้สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ที่เปิดบราวเซอร์อย่างโครม (Chrome) เป็นรีโมตคอนโทรลเครื่องได้ จุดนี้คาดว่าสินค้าใหม่ที่กูเกิลจะเปิดตัวนั้นแตกต่างจาก Chromecast ชัดเจน ซึ่งชัดเจนแล้วว่ากูเกิลต้องการเพิ่มความง่ายให้ผู้ใช้สามารถค้นหาคอนเทนต์ออนไลน์ได้สะดวกกว่าเดิม
***โชว์ตัว Google Fit Platform
เป็นไปตามข้อมูลจากนิตยสาร “ฟอร์บ (Forbes)” ซึ่งระบุชัดว่า กูเกิลกำลังซุ่มพัฒนาอินเตอร์เฟสการวัดชีพจรหัวใจจากอุปกรณ์สวมใส่ร่วมกับระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของกูเกิล และเชื่อว่าจะถูกพัฒนาเป็นระบบอีโคซิสเต็มของ Google Fit ล่าสุดกูเกิลประกาศเปิดตัว Google Fit Platform โดยให้ข้อมูลว่านี่คือ แพลตฟอร์มที่ออกแบบมาสำหรับการเก็บข้อมูลด้านสุขภาพทั้งน้ำหนัก ส่วนสูง การนอนหลับ และการเต้นของหัวใจผู้ใช้ โดยสามารถเก็บข้อมูลได้จากทั้งตัวโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์ต่อพ่วง
Google Fit Platform จะเปิดโอกาสให้แอปพลิเคชันต่างๆ สามารถเรียกข้อมูลเหล่านี้มาแสดงผลในรูปแบบใหม่ หรือนำไปจัดกลุ่มเพื่อสร้างเป็นบริการใหม่ได้อย่างหลากหลาย จุดนี้ผู้ใช้สามารถเลือกอนุญาตหรือลบข้อมูลย้อนหลังเหล่านี้ได้ เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวในสไตล์เดียวกับระบบ “Healthkit” ของระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) และระบบ SensorCore ของระบบปฏิบัติการวินโดวส์โฟน (Windows Phone)
เบื้องต้น กูเกิลระบุว่า ได้ร่วมมือกับพันธมิตรหลายราย หนึ่งในนั้นคือ ยักษ์ใหญ่อย่างอาดิดาส (Adidas) และไนกี้ (Nike) ซึ่งคาดว่าอุปกรณ์ Google Fit Platform จะสามารถวางจำหน่ายในวงกว้างได้อย่างรวดเร็วทั่วโลก จุดนี้นักพัฒนาสามารถดาวน์โหลดชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ หรือ SDK ของ Google Fit Platform ไปศึกษาได้ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้
***Android L ยังพัฒนาไม่เรียบร้อย
Android L เป็นระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชันล่าสุดถัดจาก “KitKat” ถือเป็นชื่อที่ไม่ใช่ชื่อขนมอย่างที่กูเกิลตั้งในระบบปฏิบัติการ Android ที่ผ่านมา งานนี้กูเกิลยอมรับตรงไปตรงมาว่ายังพัฒนาไม่เสร็จเรียบร้อย คาดว่า Android L จะปล่อยให้ผู้ใช้ทั่วโลกอัปเดตในช่วงปลายปีนี้ โดยนักพัฒนาสามารถโหลด L Preview ไปทดสอบได้ตั้งแต่ 26 มิถุนายน
1 ในฟีเจอร์สำคัญของ Android L ที่กูเกิลนำมาโชว์คือ “เพอโซนอล ล็อก (Personal Lock)” เพราะระบบสามารถสำรวจสภาพแวดล้อมในการใช้งานว่าอยู่ในสภาพที่น่าเชื่อถือหรือไม่ จุดนี้กูเกิลระบุว่า ระบบสามารถรับรู้ได้ว่าสมาร์ทโฟนถูกผู้ใช้ถือในมืออยู่แล้วหรือไม่ หากใช่ ระบบจะตัดสินใจได้ว่าไม่จำเป็นต้องให้ผู้ใช้ใส่รหัสปลดล็อกหน้าจอ ช่วยให้เจ้าของเครื่องสะดวกในการปลดล็อกสมาร์ทโฟน โดยไม่จำเป็นต้องใส่รหัสให้ยุ่งยากอีกต่อไป
นอกจากการตั้งค่าสถานที่ Personal Lock ยังสามารถตั้งค่าได้จากอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อบลูทูธ เช่น หากผู้ใช้จับคู่ใช้งานกับนาฬิกาอัจฉริยะ ระบบจะสามารถตัดสินใจได้ว่าผู้ใช้ไม่ต้องใส่รหัส ทำให้สามารถปลดล็อกหน้าจอได้ทันที ขณะเดียวกัน ก็สามารถตั้งค่าด้วยเสียงเจ้าของเครื่อง ซึ่งจะสามารถข้ามการใส่รหัสเพื่อปลดล็อกเครื่องได้เช่นกัน
นอกจากนี้ Android L ยังปรับปรุงระบบแจ้งเตือนให้สามารถทำงานได้ดีขึ้น โดยดึงข้อมูลไปวางบนหน้า lock screen ทำให้ผู้ใช้สามารถลากนิ้วเพื่อดูข้อความแจ้งเตือนล่าสุดได้ทันทีโดยไม่ต้องปลดล็อกเครื่อง แถมยังจัดการการแจ้งเตือนเหล่านั้นได้ทันทีเช่นตอบกลับ หรือลบทิ้ง ขณะเดียวกัน Android L ยังสามารถแบ่งโหมดการทำงานทั้งโหมดการใช้งานส่วนตัว และโหมดสำหรับใช้ทำงานในเครื่องเดียว ทำให้ผู้ใช้สามารถแยกข้อมูลการทำงาน และข้อมูลส่วนตัวออกจากกันโดยไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่มเติม
***Android One เพื่อทุกคน
Android One เป็นโครงการพัฒนาสมาร์ทโฟนราคาประหยัดสำหรับประเทศกำลังพัฒนา จุดนี้กูเกิลโชว์ตัวภาพเครื่องต้นแบบที่ออกแบบไว้ล่วงหน้าเพื่อให้ผู้ผลิตนำไปเปิดสายพานเพื่อบุกตลาดอย่างจริงจังต่อไป
ผู้บริหารกูเกิลระบุว่า ประชากรในประเทศกำลังพัฒนาบางส่วนยังมีปัญหาในการเข้าถึงสมาร์ทโฟนอยู่ กูเกิลจึงริเริ่มโครงการนี้เพื่อให้สมาร์ทโฟนมีราคาต่ำกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3,200 บาท จุดนี้ข้อมูลจากสื่ออินเดียระบุว่า กูเกิลได้เริ่มประสานงานกับผู้ผลิต 3 รายเพื่อวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนในโครงการนี้ช่วงเดือนฤดูใบไม้ร่วงปีนี้
คาดว่า สมาร์ทโฟนในโครงการ Android One จะมาพร้อมหน้าจอ 4.5 นิ้ว รองรับระบบ 2 ซิมการ์ด หรือดูอัลซิม สามารถรับสัญญาณวิทยุเอฟเอ็ม ซึ่งเป็นคุณสมบัติยอดฮิตของสมาร์ทโฟนกลุ่มนี้
***กูเกิลถูกประท้วง
ระบบปฏิบัติการ และความสามารถใหม่เหล่านี้ถูกเปิดตัวในงานประชุมนักพัฒนา Google I/O 2014 ที่กูเกิลมีกำหนดจัดขึ้นช่วง 25-26 มิถุนายน ปรากฏว่า งานที่ได้รับการการันตีว่าเป็นงานประชุมที่ใหญ่ที่สุดแห่งปีของกูเกิลนั้น มีการประท้วงจาก 2 ผู้เข้าฟังบรรยายบนเวที ซึ่งทำให้การบรรยายหยุดชะงักไป และเจ้าหน้าที่ต้องเชิญตัวออกจากงานไปในเวลาไม่นาน
การประท้วงนี้สะท้อนว่ากูเกิลไม่ได้เป็นพระเอกในสายตาของชาวอเมริกันทุกคน โดยผู้ประท้วงคนแรกลุกขึ้นประท้วงเมื่อรองประธานอาวุโสด้านโครงสร้างเทคนิคของกูเกิลขึ้นบรรยายความสามารถใหม่ของแพลตฟอร์มคลาวด์คอมพิวติงจากกูเกิล เนื้อหาการประท้วงคือ การแสดงความไม่เห็นด้วยต่อแผนการสร้าง “หุ่นยนต์เพื่อฆ่าคน” จุดนี้มีการเผยแพร่ข้อความของผู้ประท้วงที่ระบุว่า “You all work for a totalitarian company that builds machines that kill people.”
ผู้ประท้วงรายที่ 2 เป็นผู้หญิง ที่ประท้วงขณะหัวหน้าทีมวิศวกรแอนดรอยด์กำลังบรรยายบนเวที ด้วยการโชว์เสื้อที่เขียนว่า “develop a conscience, stop Jack Halprin” คาดว่าผู้ประท้วงไม่เห็นด้วยต่อการกระทำของ Jack Halprin ทนายความของกูเกิลซึ่งมีปัญหาขับไล่ผู้อยู่อาศัย 6 คนจากที่ดินของตัวเอง ซึ่งเป็นคดีความเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
ทั้งหมดทั้งปวง สะท้อนว่าอนาคตวงการออนไลน์นับจากนี้จะเติบโต คึกคัก สนุกสนานแน่นอน.
Company Related Link :
CyberBiz Social