โตชิบาย้ำจุดยืนแบรนด์คุณภาพ ส่ง P50 ซีรีส์ โมเดล 2014 หน้าจอ 4K เครื่องแรกของโลก พร้อมโน้ตบุ๊กกลุ่ม C ซีรีส์ L ซีรีส์ และ Protege ครบทุกเซกเมนต์ลุยตลาด หวังขยายฐานกลุ่มกลางถึงบน ลั่นขยับเป้าขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งตลาดบนกลุ่มชิปอินเทล เชื่อโรดแมป กระตุ้นกำลังซื้อสินค้ามากขึ้น มั่นใจเดินหน้าธุรกิจในไทยต่อเนื่อง
นายถกล นิยมไทย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ กล่าวว่า การกลับมาของโตชิบาครั้งนี้ยังคงชูจุดเด่นด้านคุณภาพที่ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยในครั้งนี้เป็นการนำคุณภาพหน้าจอระดับความชัด 4K มาเป็นจุดขายของโน้ตบุ๊ก ซึ่งถือว่าเป็นรายแรกของโลกที่มีการทำเช่นนี้ หลังจากที่ได้เปิดตัวหน้าจอทีวีความละเอียด 4K ไปเมื่อปีที่แล้ว และด้วยความละเอียดขนาด 4K ทำให้การใช้งานสำหรับผู้ที่ต้องการความละเอียดของจอเช่น ช่างภาพ หมอ นักออกแบบ หรือแม้กระทั่งนักวิทยาศาสตร์ ทำงานได้ง่ายขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับการออกแบบเทคโนโลยีของโตชิบาที่เน้นให้เทคโนโลยีมีส่วนช่วยให้ชีวิตเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
ขณะที่ตลาดรวมโน้ตบุ๊กของไทยมีความผันผวนมากขึ้น แม้จะมีการคาดการณ์ว่าตลาดรวมจะอยู่ที่ 2 ล้านเครื่อง แต่ปัจจัยลบที่เพิ่มขึ้นในช่วงกลางปีก็น่าจะเป็นสาเหตุให้ตลาดรวมโน้ตบุ๊กลดลงกว่า 20-30% โดยเชื่อว่าจนถึงสิ้นปีตลาดรวมน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านเครื่อง โดยที่ทิศทางของเทคโนโลยีจะไม่เน้นที่ความแรงของฮาร์ดแวร์อีกต่อไป แต่จะเน้นที่ฟีเจอร์ของการใช้งานที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานเฉพาะกลุ่มได้อย่างแท้จริง
โตชิบาเชื่อว่าตลาดโน้ตบุ๊กจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าก่อนหน้าจะมีกระแสของสมาร์ทดีไวซ์ที่อาจจะเข้ามาแทนที่ แต่ท้ายที่สุดเมื่อผู้บริโภคเรียนรู้เทคโนโลยีจากความพยายามพัฒนาความรู้ให้ตลาดมีความเข้าใจมากขึ้นของผู้ผลิตทุกค่าย ก็จะทำให้ผู้บริโภคหันกลับมาใช้โน้ตบุ๊กเช่นเดิม เนื่องจากสามารถใช้งานได้ครบถ้วนทุกความต้องการมากกว่าสมาร์ทดีไวซ์อื่น
ด้านภาพรวมของธุรกิจโตชิบาในประเทศไทย มีการจำหน่ายสินค้าใน 3 กลุ่มหลัก แบ่งเป็นสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านมีสัดส่วน 45% กลุ่มเครื่องเสียง 35% และสุดท้ายกลุ่มไอที 20% โดยกลุ่มไอทีมีสัดส่วนของการทำตลาดสินค้าโน้ตบุ๊กกว่า 80% และอีก 20% เป็นส่วนของสินค้ากลุ่มแก็ดเจ็ตต่างๆ ทั้งนี้ การทำตลาดโน้ตบุ๊กในประเทศไทยเริ่มให้ความสำคัญต่อตลาดองค์กรที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่มีสัดส่วนตลาดองค์กรที่ 20% ขยับเพิ่มเป็น 40% ในปี 2557 และตลาดคอนซูเมอร์ลดลงจาก 80% มาอยู่ที่ 60% โดยเป็นผลมาจากความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนระบบปฏิบัติการเอ็กซ์พีที่หมดอายุลง กระตุ้นให้กำลังซื้อของตลาดองค์กรมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้
ด้านนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ กล่าวย้ำอย่างมั่นใจว่า โตชิบายังคงทำตลาดในประเทศไทยอย่างมุ่งมั่น ด้วยการดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 45 ปี แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่อาจจะส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจไปบ้าง แต่ก็ยังไม่มีแนวความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงการทำธุรกิจในประเทศไทยแต่อย่างใด และหวังว่าความมุ่งมั่นในการวิจัยและพัฒนาสินค้าของโตชิบาที่ทุ่มงบไปกว่า 2.5 พันล้านเหรียญเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ที่จะช่วยให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้น บนพื้นฐานของความปลอดภัยทั้งต่อโลกและสิ่งแวดล้อม จะได้รับการตอบสนองจากผู้บริโภคอย่างดีต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ โตชิบาเปิดตัวโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ ประกอบด้วย โตชิบา Satellite P50T มาพร้อมหน้าจอความละเอียดสูงระดับ 4K ความละเอียด 3,840x2,160 พิกเซล ความหนาแน่นของพิกเซลกว่า 282 ต่อตารางนิ้ว ขนาดจอใหญ่ 15.6 นิ้ว ประมวลผลด้วยซีพียูใหม่ล่าสุดจากอินเทล Haswell i7 ควอดคอร์ 2.5 GHz พร้อมการ์ดจอจาก AMD Radeon R9 M265X และฮาร์ดดิสก์กว่า 1TB ขับพลังเสียงจากชุดลำโพง Harman/Kardon บนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8.1 โดยคาดว่าจะวางจำหน่ายในประเทศไทยช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ ด้วยราคาจำหน่ายประมาณ 5-6 หมื่นบาท
โตชิบา Satellite L40 หน้าจอ 14 นิ้ว และ L50/L50D หน้าจอ 15.6 นิ้ว ได้รับการออกแบบให้มีขนาดที่บางลง พร้อมการดีไซน์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานเป็นระยะเวลานานมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น พร้อมหน่วยประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุด และลำโพงคุณภาพจาก Skullcandy ขณะที่ Satellite C40/C40D โดดเด่นด้วยการออกแบบที่บางกว่าเดิม 26% ตอบสนองการใช้งานที่ไม่ยุ่งยากจนเกินไป
นอกจากนี้ยังมี Protege R30, Protege Z30 และ Tecra Z40 ที่ออกแบบมาสำหรับกลุ่มลูกค้า B2B ซึ่งมาพร้อมเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยอย่าง EasyGuard ที่ช่วยปกป้องข้อมูลสำคัญจากการกระแทกและอุบัติเหตุในรูปแบบต่างๆ โดยรับน้ำหนักได้กว่า 100 กิโลกรัมจากด้านบน และการตกจากที่สูงกว่า 76 เซนติเมตร พร้อมทนต่อน้ำที่หกบนแป้นพิมพ์ได้กว่า 30 ลูกบาศก์ลิตร พร้อมระบบการเข้าถึงด้วยลายนิ้วมือและการรับประกันกว่า 3 ปี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้องค์กรที่เลือกใช้
Company Related Link :
Toshiba
CyberBiz Social
