เอไอเอส และกลุ่มสิงเทล จับมือซัมซุงกระตุ้นการใช้งานโมบายล์ดาต้าให้เติบโตในตลาดเกิดใหม่ ด้วยความร่วมมือ 4 ด้าน ทั้งแผนการค้าปลีก, การเรียกเก็บค่าบริการโดยตรง, การพัฒนาโมบายล์แอปพลิเคชันในระดับภูมิภาค และการเข้าถึงแอปพลิเคชันที่เลือกสรรเป็นพิเศษ เพื่อมอบประโยชน์ให้ลูกค้ามือถือกว่า 500 ล้านรายทั่วภูมิภาค
วันนี้ (11 เม.ย.) ที่โรงแรมมารีน่า เบย์ แซนด์ส ประเทศสิงคโปร์ ได้มีงานแถลงความร่วมมือในการเป็นพันธมิตรระดับภูมิภาคระหว่าง 6 โอเปอเรเตอร์ในกลุ่มสิงเทลกับซัมซุง
นายปรัธนา ลีลพนัง รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) กล่าวว่า จากการที่เอไอเอส กลุ่มสิงเทล และซัมซุง ได้ประกาศความร่วมมือเพื่อมอบประสบการณ์เหนือระดับในการใช้งานโมบายล์ดาต้าที่สมบูรณ์แบบและครบถ้วนให้แก่ลูกค้า และให้ผู้ใช้บริการมือถือทั้งกว่า 500 ล้านรายทั่วภูมิภาคได้รับประโยชน์สูงสุด ซึ่งการเปิดตลาดที่เป็นความก้าวหน้านี้เป็นความร่วมมือระหว่าง 6 โอเปอเรเตอร์จาก 6 ประเทศสมาชิกในกลุ่มสิงเทล ประกอบไปด้วย สิงเทล ประเทศสิงคโปร์, ออพตัส ประเทศออสเตรเลีย, เอไอเอส ประเทศไทย, แอร์เทล ประเทศอินเดีย และแอฟริกา, โกลบ เทเลคอม ประเทศฟิลิปปินส์ และเทลคอมเซล ประเทศอินโดนีเซีย ที่จะทำงานร่วมกันเพื่อสร้างความแตกต่างในการให้บริการของประเทศสมาชิก และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
โดยความร่วมมือในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของกลุ่มสิงเทลที่นำเอาศักยภาพและจุดแข็งจากประสบการณ์ ความชำนาญในการให้บริการด้านต่างๆ ของประเทศสมาชิกมาผนึกกำลังกัน เพื่อส่งมอบข้อเสนอสุดพิเศษแบบที่ไม่มีใครเทียบได้ให้แก่ลูกค้าของทั้ง 6 โอเปอเรเตอร์จาก 6 ประเทศสมาชิก ซึ่งแต่ละตลาดของบริษัทในกลุ่มสมาชิกต่างมีอัตราการใช้โทรศัพท์มือถือที่ใช้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเติบโตเป็นอย่างมาก โดยปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบสำคัญก็คือ ความต้องการใช้งานเครื่องสมาร์ทโฟน และแอปพลิเคชันจากการใช้งานโมบายล์ดาต้า ดังนั้นกลุ่มสิงเทลจึงสนับสนุนทุกโอเปอเรเตอร์ในกลุ่มประเทศสมาชิกอย่างเต็มที่ทุกทาง เพื่อทำให้การใช้งานดาต้าเติบโตมากยิ่งขึ้น
การริเริ่มภายใต้ความร่วมมือนี้ รวมไปถึงการทำงานร่วมกันในด้านแผนการค้าปลีก, การเรียกเก็บค่าบริการโดยตรง, การพัฒนาโมบายล์แอปพลิเคชันในระดับภูมิภาค และการเข้าถึงแอปพลิเคชันที่เลือกสรรเป็นพิเศษ โดยมีรายละเอียดของแต่ละด้าน ดังนี้
1. ความร่วมมือด้านการค้าปลีก ความร่วมมือด้านค้าปลีกจะทำให้ประสบการณ์ของลูกค้าเป็นเรื่องง่าย ด้วยการให้บริการแบบครบวงจร สำหรับความต้องการที่เกี่ยวกับสมาร์ทโฟน ในร้านของซัมซุงและร้านของบริษัทในกลุ่มสมาชิก โดยปกติลูกค้าเหล่านี้จะซื้อโทรศัพท์มือถือจากผู้จำหน่ายอุปกรณ์ และซื้อแพกเกจการใช้งานจากผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ความร่วมมือนี้จะทำให้ทั้ง 6 บริษัทสมาชิกในกลุ่มสิงเทล รวมทั้งซัมซุงมีความเข้มแข็งขึ้น เพราะสามารถให้บริการแบบครบวงจรได้ โดยได้เริ่มให้บริการนี้แล้วสำหรับลูกค้าของโกลบเทเลคอมในฟิลิปปินส์ และจะขยายไปสู่ลูกค้าของแอร์เทล ในอินเดีย และเทลคอมเซลในอินโดนีเซีย ในลำดับต่อไป
2.การเรียกเก็บค่าซัมซุงแอปผ่านบิลโทรศัพท์มือถือ สิงเทล (สิงคโปร์) เป็นกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เสนอการเรียกเก็บค่าซื้อซัมซุงแอปผ่านบิลโทรศัพท์มือถือ ทำให้ลูกค้าโพสต์เพดสามารถซื้อแอปและคอนเทนต์จากซัมซุงแอปได้โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต สำหรับระบบพรีเพดก็จะหักค่าซัมซุงแอปจากยอดเงินคงเหลือในระบบทันทีที่ซื้อ จึงทำให้ฐานลูกค้าที่จะเกิดขึ้นในตลาดเกิดใหม่มีทางเลือกสำหรับการจ่ายเงินเพิ่มขึ้น โดยการริเริ่มนี้จะขยายไปสู่ลูกค้าของเอไอเอส ประเทศไทย, โกลบเทเลคอม ในฟิลิปปินส์ และเทลคอมเซล ในอินโดนีเซีย
3. การเข้าถึงแอปพลิเคชันโดยตรง ซัมซุง และกลุ่มสิงเทล ดิจิตอล ไลฟ์ มีจุดมุ่งหมายที่จะส่งมอบบริการที่น่าตื่นเต้นไปสู่ลูกค้า โดยทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการที่เลือกสรรโดยตรงผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยไม่ต้องดาวน์โหลด แอปพลิเคชันจะถูกปรับให้เป็นไปตามความต้องการ และเนื้อหาที่เหมาะสมในแต่ละท้องถิ่น โครงการนี้จะเกิดขึ้นสำหรับลูกค้าของเอไอเอส ประเทศไทย โกลบเทเลคอม ฟิลิปปินส์ และเทลคอมเซล อินโดนีเซีย โดยเริ่มต้นที่ซัมซุง กาแล็กซี เอส 5
4. การพัฒนาโมบายล์แอป สมาชิกของกลุ่มสิงเทล และซัมซุง กำลังร่วมมือกันก่อให้เกิดระบบนิเวศของการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ดังเช่นกรณีโครงการสนับสนุนการพัฒนาโมบายล์แอปที่จะคัดเลือกกลุ่มเทคสตาร์ทอัพในภูมิภาค ช่วยสนับสนุน เร่งรัดการพัฒนา และส่งมอบไปยังฐานลูกค้ากว่า 500 ล้านคนในกลุ่มประเทศสมาชิก นักพัฒนาที่ถูกคัดเลือกจากโครงการนี้จะมีโอกาสในการทำตลาดแอปของพวกเขาผ่านช่องทางการตลาดของแต่ละโอเปอเรเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นสิงเทล สิงคโปร์, ออพตัส ออสเตรเลีย, เอไอเอส ประเทศไทย, โกลบ เทเลคอม ฟิลิปปินส์ และเทลคอมเซล อินโดนีเซีย
'ทั้งนี้ ในการร่วมมือกันสนับสนุนนักพัฒนารุ่นใหม่นั้น นอกเหนือจากเอไอเอสจะร่วมมือกับกลุ่มสิงเทล ภายใต้ Innov8 Sparks แล้ว ในปีนี้เรายังได้ผนึกกำลังกับซัมซุงประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญในการร่วมส่งเสริมและผลักดันธุรกิจ Tech Startup ก้าวสู่ระดับสากล ด้วยบิสิเนสโมเดลที่ช่วยเร่งการเจริญเติบโตทางธุรกิจแบบ Fast Track ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างประเทศ รวมถึงการผสมผสานผลงานทั่วภูมิภาค ยกระดับเป็น Regional Community เพื่อเหล่า Startup อย่างแท้จริง'
นายปรัธนากล่าวว่า ล่าสุดได้ผนึกกำลังกัน มอบโอกาสการก้าวสู่โลกธรุกิจระดับสากลให้แก่ผู้เข้าแข่งขันโครงการ AIS The StartUp 2014 ในปีนี้ โดยทุกผลงานที่ส่งเข้าร่วมแข่งขันมีโอกาสได้รับการพิจารณาคัดเลือกให้รับรางวัลพิเศษ ได้แก่ เงินสด $6,000 US และเป็นตัวแทนจากประเทศไทยเข้าร่วมอบรมโครงการ Regional Accelerate ที่ประเทศสิงคโปร์ พร้อมโอกาสนำเสนอผลงานในวัน Demo Day ต่อหน้านักลงทุนชั้นนำจากทั่วทุกมุมโลก และผู้บริหารจากผู้ให้บริการเครือข่ายหลากหลายภูมิภาคในเครือ และผู้บริหารซัมซุงพร้อมรับสิทธิเป็นสมาชิก Innov8 Sparks ซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์ในการทำงานต่างประเทศ เช่น การพัฒนาธุรกิจแบบข้ามพรมแดน, การสนับสนุน Co-Working Space ในต่างประเทศ เป็นต้น โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดกับซัมซุงซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดการขายที่ใหญ่ที่สุดในโลกมากกว่า 50% และเครือสิงเทลที่มีฐานลูกค้ามากกว่า 500 ล้านรายใน 23 ตลาดทั่วโลก
'ความร่วมมือครั้งนี้เป็นสิ่งที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของเอไอเอสและกลุ่มสิงเทล รวมถึงซัมซุง ที่ต้องการมอบโทเทิล โซลูชันที่สมบูรณ์แบบ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมที่แท้จริงแก่ผู้ใช้บริการมือถือในภูมิภาคและธุรกิจที่เกี่ยวข้องจากนี้ต่อไป ส่วนในประเทศไทยเริ่มด้วยการให้ลูกค้า 50 รายแรกได้รับซัมซุง กาแล็กซี เอส 5 ก่อนใคร'
ในส่วนของเอไอเอสนั้น คาดการณ์ว่าในปี 2557 จะมีรายได้จากการให้บริการเติบโตขึ้น 6-8% ยอดลูกค้าในระบบ 3G 2.1 GHz มีจำนวน 75% ของลูกค้าทั้งหมด โดย 50% ของลูกค้าระบบ 3G 2.1 GHz ใช้ 3G ดีไวซ์ ส่วนการลงทุนด้านโครงข่ายนั้นจะใช้เงินราว 4 หมื่นล้านบาท โดยตั้งเป้าจะมีจำนวนสถานีฐาน 3G 2.1 GHz ทั้งหมด 2 หมื่นสถานีฐานซึ่งครอบคลุม 95% ของจำนวนประชากรในประเทศไทย กล่าวคือมีโครงข่ายที่ครอบคลุมเทียบเท่า 2G ปัจจุบัน
ส่วนผลประกอบการในปีที่ผ่านมานั้น จำนวนลูกค้าของเอไอเอสมีทั้งหมด 41 ล้านราย แบ่งเป็นลูกค้า 3G 2.1GHz จำนวน 16.4 ล้านราย และลูกค้า 2G จำนวน 24.5 ล้านราย ตัวเลขรายได้อยู่ที่ 112,528 ล้านบาท เติบโตขึ้น 3.9% จากปีก่อนหน้า โดยสัดส่วนรายได้นอนวอยซ์อยู่ที่ 29% ของรายได้ทั้งหมด เติบโตขึ้น 24% จากปีก่อนหน้า จำนวนผู้ใช้ดาต้าอยู่ที่ 14 ล้านราย โดยจำนวนการใช้งาน Mobile data usage เติบโตถึง 85% (นับจากปริมาณการใช้งานเป็น MB) และมีจำนวนการใช้งานสมาร์ทดีไวซ์คิดเป็น 27% ของฐานลูกค้าทั้งหมดเพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อนหน้า
'รายได้ดาต้าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต จากปัจจุบันที่รายได้หลักยังมาจากวอยซ์ประมาณ 70% ในขณะที่ต่างประเทศรายได้นอนวอยซ์เติบโตไปถึง 60% ซึ่งเราเชื่อว่าอนาคตเอไอเอสก็จะเติบโตไปอย่างนั้น'
Company Related Link :
AIS
CyberBiz Social