ดีลเข้าซื้อกิจการ Oculus VR เผยให้เห็นทิศทางการสร้างกำไรของเฟซบุ๊กที่ชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากนักวิเคราะห์มองว่าเป็นการปูทางสร้างโลกเสมือนจริงเพื่อต่อยอดธุรกิจหลัก หากแต่ความพยายามดังกล่าวอาจจะสวนทางกับความคิดนักลงทุนที่เริ่มมองว่า การสร้างโลกเสมือนจริงเป็นการเดินตามธุรกิจกูเกิลกลาส และอาจจะไม่สร้างผลกำไร ส่งผลให้ราคาหุ้นลดลงทันทีหลังแถลงการณ์จบลง
“สิ่งนี้จะกลายเป็นแนวทางของระบบคอมพิวเตอร์แห่งโลกอนาคต” มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก กล่าวหลังจากเข้าซื้อกิจการ Oculus VR ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 2 พันล้านเหรียญ และเชื่อว่า Oculus จะสามารถพัฒนาเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมได้ในอนาคต
Oculus VR เริ่มต้นจากการระดมทุนบนโลกออนไลน์เพื่อสร้างต้นแบบ เครื่องฉายภาพสวมศีรษะขึ้นเป็นครั้งแรกในราวปี 2013 โดยสามารถระดมทุนได้กว่า 18.5 ล้านเหรียญเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้หลายเท่าตัว และเริ่มสร้างเครื่องต้นแบบรุ่นที่ 2 ภายใต้ชื่อโครงการ DK2 ด้วยการเปิดรับการจองล่วงหน้าซึ่งมีผู้สั่งจองกว่า 75,000 ชิ้น โดยมีราคาต่อชิ้นที่ 350 เหรียญ หากแต่จุดเริ่มต้นของการสร้างเครื่องฉายภาพสวมหัวของ Oculus VR ก็เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องเล่นเกมที่ช่วยเสริมการมองเห็นและการควบคุมเท่านั้น
แน่นอนว่าการทุ่มเงินหลายพันล้านเพื่อเข้าซื้อกิจการของเฟซบุ๊กคงไม่ได้หวังเพียงการสร้างเครื่องมือเพื่อเล่นเกมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แนวความคิดการสร้างโลกเสมือนเพื่อเชื่อมโยงผู้ใช้เฟซบุ๊กกับโลกของจริง เป็นเป้าหมายที่ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก กล่าวไว้ชัดเจนว่า “มากกว่าการพัฒนาเพื่อเล่นเกม การเชื่อโยงโลกเสมือนจริงให้มาอยู่ต่อหน้าเช่นห้องเรียนเสมือน การชมถ่ายทอดสดกีฬาที่เหมือนเกาะขอบสนาม การเดินเลือกซื้อสินค้า หรือแม้กระทั่งการเข้าร่วมกิจกรรมนอกบ้านกับเพื่อนโดยที่ตัวคนจริงๆไม่ต้องเดินทางไป"
หากแต่ความเชื่อดังกล่าวของผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก ไม่ได้ช่วยให้กลุ่มนักพัฒนาเกมคิดคล้อยตามได้ "มาร์คัส เพิร์สสัน" (Markus Persson) ผู้สร้างเกมไมน์คราฟท์ประกาศยกเลิกการสร้างเวอร์ชัน Oculus ทันที ด้วยเหตุผลว่าเขาไม่ถูกชะตากับแนวทางของเฟซบุ๊ก ขณะที่นักลงทุนเองก็ไม่ได้คล้อยตามเช่นกัน โดยเมื่อแถลงการณ์จบลงราคาหุ้นของเฟซบุ๊กร่วงทันที 53 เซ็นต์ ลงมาอยู่ที่ราคา 64.36 เหรียญหลังจากที่ก่อนหน้าแถลงการณ์ซื้อขายจะเกิดขึ้นหุ้นเฟซบุ๊กขยับขึ้นมาบวก 79 เซ็นต์ ที่ราคา 64.89 เหรียญ
แนวคิดของ มาร์ก ที่เริ่มเข้ากิจการหลายแห่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาส่งผลให้นักลงทุนเริ่มมองว่าเป็นความเสี่ยงที่มากขึ้น และครั้งนี้ก็เป็นการยืนยันที่ชัดเจนว่าเป็นการลงทุนระยะยาว ไม่มีทางที่จะคุ้มทุนในระยะสั้นอย่างแน่นอน หากแต่เมื่อเรียงร้อยธุรกิจที่เริ่มใช้เงินซื้อเข้ามาของมาร์ก ทำให้เห็นความชัดเจนของจุดเริ่มต้นโครงการอะไรบางอย่างที่จะรวมการสื่อสารออนไลน์ที่มีทั้งหมดของเฟซบุ๊กเข้าไว้ด้วยกัน ด้วยการมีโครงสร้างของผู้ใช้เฟซบุ๊กเป็นทุนเดิมในรูปแบบเพื่อนต่อเพื่อน และเพิ่มด้วยกิจการ วอตสแอป ที่เพิ่งซื้อไม่นานด้วยเงินมหาศาลกว่า 19,000 ล้านเหรียญเข้ามาเสริมทัพด้านการสื่อสารที่รวดเร็วมากขึ้น และล่าสุดการเข้าซื้อกิจการอุปกรณ์สร้างภาพเสมือนจากโลกของเกม เพื่อให้ผู้คนในสังคมออนไลน์ได้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น เป็นแนวทางที่เริ่มเข้าใกล้กูเกิลกลาสอย่างชัดเจน
ขณะที่เสียงสะท้อนกลับจากกูเกิล ผู้ที่ยกโลกออนไลน์เข้ามาอยู่บนแว่นตาแบบอัจฉริยะ และคาดว่าจะเริ่มขายแว่นตาที่มีการพัฒนารูปแบบใหม่ร่วมกับแบรนด์แว่นตาชั้นนำได้ในราวปี 2015 มองว่าการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้อาจจะเป็นการเปิดฉาก การแข่งขันด้านอุปกรณ์โลกเสมือนจริงมากขึ้น สอดคล้องกับนักวิเคราะห์ที่มองว่า ดีลนี้เป็นซื้อตั๋วเข้าเล่นเกมครั้งใหญ่ของเฟซบุ๊ก สำหรับการสร้างฮาร์ดแวร์เพื่อเชื่อมโลกจริงเข้ากับโลกเสมือนครั้งยิ่งใหญ่ก็เป็นได้
เฟซบุ๊กแถลงการณ์เข้าซื้อกิจการ Oculus VR เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2557 ด้วยมูลค่ากว่า 65,000 ล้านบาท (2 พันล้านเหรียญ) โดยแบ่งเป็นเงินสด 400 ล้านเหรียญ และจำนวนหุ้นในเฟซบุ๊กจำนวน 23.1 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,600 ล้านเหรียญ
Company Related Link :
