อีเอ็มซีเผยเวอร์ชวลไลซ์สตอเรจในไทยยังเติบโตไม่มาก แต่มีแนวโน้มที่ดี ชี้น้ำท่วมใหญ่และภัยธรรมชาติทำให้ธุรกิจเริ่มมองสตอเรจระดับกลางมากขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างรายได้ พร้อมตั้งเป้ารายได้ในกลุ่มมิดเทียร์สตอเรจเพิ่มเป็น 23% จากปัจจุบัน 18% ด้วยการสร้างเน็ตเวิร์กกับพาร์ตเนอร์ และหนุนด้านไฟแนนซ์ให้ลูกค้า พร้อมส่งผลิตภัณฑ์ VNX ซีรีส์ใหม่ลงตลาด ชูจุดเด่นมีสมรรถนะดีกว่ารุ่นเดิม 4 เครื่องรวมกัน แต่มีราคาเพียง 1 ใน 3 จากเดิม
นายนฐกร พจนสัจ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อีเอ็มซี อินฟอร์เมชั่น ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยการยอมรับเวอร์ชวลไลซ์สตอเรจยังไม่เติบโตมากนัก แต่มีแนวโน้มการขยายตัวที่ดี อีเอ็มซีจึงมองเห็นโอกาสในการขยายตลาดดังกล่าว และต้องการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของสตอเรจขนาดกลางในกลุ่มเอสเอ็มอีให้มากขึ้นจึงได้เริ่มขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้
ประกอบกับในปัจจุบันธุรกิจหันมาเลือกใช้งานไอทีระดับกลางมากขึ้นหลังจากเหตุการณ์วิกฤตน้ำท่วมใหญ่ตลอดจนภัยพิบัติต่างๆ ก่อให้เกิดโอกาสที่ดีในการนำเสนอผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ ในระดับกลางมากขึ้น ซึ่งขณะนี้อีเอ็มซีมีมาร์เกตแชร์ในตลาดมิดเทียร์สตอเรจอยู่ที่ 18% ในปีนี้ และจะตั้งเป้าการเติบโตไม่ต่ำกว่า 23% ในปีหน้า
ปัจจุบันการใช้ข้อมูลทั่วโลกในอเมริกา 40% และยุโรป 27% เอเชีย 24% ส่วนที่เหลือเป็นตลาดอื่นๆ แต่ในปี 2017 ตลาดจะเปลี่ยนไป สัดส่วนทางด้านอเมริกาและยุโรปจะลดลงมาอยู่ที่ 24% และ 20% ตามลำดับ ในขณะที่เอเชียแปซิฟิกจะเพิ่มขึ้นเป็น 38% โดยไอดีซีคาดว่าการเติบโตของข้อมูลในปี 2017 จะเพิ่มขึ้นถึง 16 เซทาไบต์ สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนไทยที่มีการใช้ข้อมูลมากขึ้น ทำให้องค์กรต่างๆ ต้องทำการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะระบบสตอเรจที่มีประสิทธิภาพการทำงานได้ดีขึ้น เร็วขึ้น แต่ใช้ทรัพยากรน้อยลง รวมถึงต้องคุ้มค่าการลงทุน เพื่อตอบสนองผู้ใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ต้องการความรวดเร็วและพร้อมใช้งานได้เสมอ
ทั้งนี้ ทิศทางการพัฒนาขององค์กรส่วนใหญ่เหล่านี้จะมุ่งไปใช้เทคโนโลยีเวอร์ชวลไลเซชันและระบบคลาวด์คอมพิวติ้งเพื่อเพิ่มความคล่องตัวและปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น ดังนั้น การรุกตลาดหลังจากนี้นอกเหนือไปจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แล้ว อีเอ็มซีจะมุ่งเน้นการสร้างเน็ตเวิร์กกับพาร์ตเนอร์และสร้างตลาดร่วมกันมากขึ้น เพื่อให้สามารถขยายตลาดไปด้วยกัน ซึ่งที่ผ่านมาอีเอ็มซีใช้เงินลงทุนวิจัยและพัฒนา 12% ของรายได้ทั้งหมด และ 10% ในการซื้อบริษัททางด้านเทคโนโลยี เช่น วีเอ็มแวร์ เพื่อนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาตอบสนองความต้องการของลูกค้า
นายนฐกรกล่าวว่า โดยผลิตภัณฑ์ล่าสุดที่อีเอ็มซีเปิดตัวคือ VNX ซีรีส์ใหม่ที่ได้รับการพัฒนาบนเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Intel Sandy Bridge พร้อมการปรับแต่งซอฟต์แวร์ MCx (multi-core optimization) ให้สามารถใช้งานแฟลชสตอเรจได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และช่วยเร่งประสิทธิภาพการทำงานของแอปพลิเคชันแบบเวอร์ชวลไลซ์ให้ทำงานได้เร็วขึ้น และเหมาะสมสำหรับการนำ VNX ไปใช้งานกับ VMware® vSphere นอกจากนี้ยังประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อย่างดีด้วยการทำงานที่ให้ประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นแต่ใช้ทรัพยากรน้อยลง
ซอฟต์แวร์ MCx ยังใช้เทคโนโลยีการประมวลผลล่าสุดแบบมัลติคอร์ (Multi Core) ของ Intel เพื่อให้แฟลชทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยการกระจายบริการข้อมูล VNX ทั้งหมดบนทุกคอร์ประมวลผล (สูงสุด 32 คอร์) ทำให้ VNX รุ่นใหม่จึงมีสมรรถนะเหนือกว่า และมีประสิทธิภาพในระดับเทียบเท่าสตอเรจรุ่นก่อนหน้า 4 เครื่องรวมกัน ในขณะที่ราคาเพียงแค่ 1 ใน 3 ของเครื่องรุ่นเดิม
“ด้วยเทคโนโลยีการขจัดข้อมูลซ้ำซ้อนในส่วนของบล็อกข้อมูลที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง สามารถขยายไปสู่เทคโนโลยี EMC FAST™ และมีความละเอียดในการแบ่งระดับชั้นที่ดีขึ้น 4 เท่า ทำให้ลูกค้าจึงสามารถลดค่าใช้จ่ายต่อกิกะไบต์ได้มากกว่าเดิม ทั้งนี้ เมื่อใช้งานสตอเรจ VNX Series รุ่นใหม่ร่วมกับโซลูชัน FAST รุ่นล่าสุด ลูกค้าจะสามารถลดความต้องการสำหรับความจุแฟลช และค่าใช้จ่ายสำหรับเวอร์ชวลแมชีนได้อย่างน้อย 50%”
Company Related Link :
EMC2