ทีอี คอนเน็คทิวิตี้ หวังจบยอดขายประเทศไทยปี 2556 โตประมาณ 5-7% พร้อมลุยตลาดดาต้าเซ็นเตอร์เต็มสูบปี 2557 หลังแนวโน้มการขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น เช่นเดียวกับเดินหน้าขยายตลาดพม่า และเวียดนามต่อเนื่อง
นายรักเกียรติ หงษ์กาญจนพงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ประจำภาคพื้นอาเซียนเหนือ บริษัท ทีอี คอนเน็คทิวิตี้ จำกัด กล่าวว่า ตลาดสายสัญญาณในกลุ่มเอนเตอร์ไพรส์ เน็ตเวิร์ก ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีการเติบโต และการขยายตัวที่ดี โดยในแง่ของรายได้ ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่ตลาดมีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากประเทศจีนสำหรับตลาดในเอเชีย ซึ่งประเทศไทยนับเป็นตลาดที่มีความสำคัญสูงสำหรับทีอี คอนเน็คทิวิตี้
ทั้งนี้ดูได้จากตัวเลขยอดขายในปี 2555 ที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้ทั่วโลกรวม 1.33 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยแบ่งเป็นยอดขายจากสหรัฐอเมริกาจำนวน 4.3 พันล้านเหรียญ ประเทศจีน 2.2 พันล้านเหรียญ ภูมิภาคอาเซียน 2.5 พันล้านเหรียญ และยุโรป 4.3 พันล้านเหรียญ ขณะที่สัดส่วนรายได้มาจากใน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ 1. อุตสาหกรรมยานยนต์ 5.1 พันล้านเหรียญ 2. กลุ่มอุตสาหกรรม 3.0 พันล้านเหรียญ 3. กลุ่มคอนซูเมอร์ 1.9 พันล้านเหรียญ และ 4. กลุ่มธุรกิจเน็ตเวิร์ก 3.3 พันล้านเหรียญ
“เชื่อว่ายอดขายทั่วโลกทั้งปี 2556 นี้จะไม่ต่ำกว่ายอดขายปี 2555 อย่างแน่นอน และจะโตเพิ่มขึ้นด้วยแต่อาจจะเพิ่มขึ้นไม่มาก โดยเฉพาะในประเทศไทยคาดว่าจะโตประมาณ 5-7% เนื่องจากปีนี้ไม่ค่อยมีโปรเจกต์ใหญ่ๆ มากนัก”
ทั้งนี้ ทีอียังมีเป้าหมายหลักในการขยายตลาดในอาเซียนเพิ่มขึ้น เพราะเป็นตลาดใหญ่ และมีกำลังขยายการลงทุนด้านดาต้าเซ็นเตอร์อีกมาก ซึ่งในปีที่ผ่านมาบริษัทยังได้ขยายตลาดไปยังประเทศเวียดนาม และประเทศพม่าอีกด้วย โดยการเข้าไปตั้งสำนักงานขึ้น เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของเทคโนโลยีระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง และการขยายตัวของดาต้า เซ็นเตอร์ในกลุ่มองค์กรธุรกิจ ซึ่งมีปริมาณความต้องการใช้งานดิจิตอล แอปพลิเคชันในกลุ่มผู้ใช้ตามบ้านที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ในปีหน้าทีอี เอนเตอร์ไพรส์ เน็ตเวิร์กจะมุ่งเน้นให้ความสำคัญต่อแนวโน้มดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น
นายรักเกียรติกล่าวว่า สำนักงานในประเทศพม่าที่กำลังจะตั้งขึ้นจะได้รับการดูแล และบริหารโดยตรงจากสำนักงานประเทศไทย ซึ่งการขยายตลาดของ ทีอี คอนเน็คทิวิตี้ ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการสอดรับกับการที่ประเทศไทยจะเปิดประตูสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 เราเชื่อว่าการมาถึงของ AEC จะช่วยกระตุ้นให้ตลาดมีการเติบโตมากขึ้น บริษัทต่างชาติจะเข้ามาดำเนินธุรกิจในภูมิภาคนี้ ไม่ว่าจะเป็น เวียดนาม พม่า รวมถึงประเทศไทยมากขึ้น องค์กรธุรกิจต่างๆ เช่น ธนาคารที่นับว่าเป็นหัวใจของการขับเคลื่อนธุรกิจของประเทศ ต่างต้องลงทุนทางด้านไอทีเพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการเพื่อสอดรับกับกฎระเบียบ ข้อบังคับใหม่ๆ ตลอดจนการเติบโตของธุรกิจ ทั้งหมดจึงนับเป็นปัจจัยที่จะกระตุ้น และผลักดันให้ตลาดไอทีมีการขยายตัวมากขึ้น
ขณะที่ตัวแทนจำหน่ายในทีอี คอนเน็คทิวิตี้ในประเทศไทยมีอยู่ 4 ราย ได้แก่ 1. บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด 2. บริษัท จี-เน็ท เน็ทเวิร์คโซลูชั่น จำกัด 3. บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) และ 4. AWS Wire Work
นอกจากนี้ ทีอียังให้ความสำคัญต่อการวิจัยและพัฒนา โดยในแต่ละปีใช้งบในการดำเนินการ 5% ของรายได้ และยังลงทุนสร้าง TE Innovation Center (TEIC) ขึ้นในทุกประเทศที่เข้าไปทำตลาด เช่น ประเทศฮ่องกง, มาเลเซีย, สิงคโปร์, เวียดนาม (ฮานอย และโฮจิมินห์) และสำหรับประเทศไทยซึ่งใช้งบลงทุนไปกว่า 10 ล้านบาท เพื่อนำเสนอเทคโนโลยีทั้งหมดของทีอี อีกทั้งมีแผนต่อไปที่จะสร้างขึ้นในประเทศพม่าด้วย
ล่าสุดเตรียมจัดงาน “TE Connectivity Roadshow 2013” INTELLIGENT DATA CENTER WITH 100Gbps AND BEYOND ในวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน 2013 ณ เซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลลาดพร้าว ซึ่งงานโรดโชว์คร้งนี้เป็นการระดมผู้เชี่ยวชาญด้านไอที และลูกค้า ตลอดจนพันธมิตร พร้อมกรณีศึกษาจากประสบการณ์ทั่วทุกมุมโลก เพื่อให้บุคลากรในแวดวงได้เก็บเกี่ยว พร้อมแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ในด้านการวางแผนระบบไอที และเน็ตเวิร์ก รวมไปถึงกรณีศึกษาโครงการด้านไอทีจากประเทศต่างๆ จากผู้บริหารองค์กรระดับแนวหน้าของประเทศไทย โดยมีไฮไลต์ที่สำคัญในการนำเสนอระบบโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ ที่นอกจากจะรองรับความเร็วได้ถึง 100 กิกะบิตต่อวินาทีแล้ว ยังสามารถบริหารจัดการได้อย่างง่ายดาย
Company Relate Link :
TE