xs
xsm
sm
md
lg

นอกจากนิ้วมือ ทำไม"หัวนม-จมูก-นิ้วเท้า-เจ้าโลก"จึงปลดล็อค iPhone 5S ได้?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

อุ้งตีนแมว ถูกอ้างว่าสามารถปลดล็อกไอโฟนรุ่นใหม่ได้
Edited - ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ชาวออนไลน์จำนวนมากตื่นเต้นกับข่าวการทดลองปลดล็อกไอโฟนรุ่นใหม่ด้วยอวัยวะอื่นที่ไม่ใช่นิ้วมือ หลายวิดีโอถูกส่งต่อเพื่อประกาศว่า iPhone 5S ที่แอปเปิลนำระบบอ่านลายนิ้วมือมาติดไว้ให้ผู้ใช้สามารถปลดล็อกเครื่องด้วยการแตะนิ้วมือลงบนปุ่มโฮมนั้นไม่จำเป็นต้องใช้นิ้วมือแตะอย่างเดียว แต่สามารถใช้อวัยวะอื่นอย่างจมูก นิ้วหัวแม่เท้า หัวนม รวมถึงอวัยวะเพศชาย กับระบบทัชไอดี (Touch ID) ของไอโฟนได้จริง ซึ่งหากพิจารณาที่หลักการทั่วไปของระบบอ่านลายนิ้วมือจะพบว่าเป็นเรื่องที่มองได้ทั้ง 2 ทางคือเกินจริงและไม่เกินจริง

รศ. ดร. ดวงแก้ว สวามิภักดิ์ เคยเขียนบทความเกี่ยวกับเทคโนโลยีพิสูจน์ตัวตนด้วยลายนิ้วมือ ว่าการตรวจดูลายนิ้วมือในระบบยืนยันบุคคลนั้นมีหลากหลายวิธี แต่วิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือการเปรียบเทียบจุดสังเกตขนาดเล็ก (minutiae) โดยจุดดังกล่าวคือจุดที่เส้นลายนิ้วมือ (ridge) มาบรรจบหรือแยกออกจากกัน หรืออาจเป็นจุดจบของเส้นลายนิ้วมือก็ได้

"จุดที่ว่านี้ของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน กรมตำรวจสหรัฐฯหรือ FBI ได้สรุปแล้วว่า คนแต่ละคนจะมีไม่มีทางมีจุดสังเกตที่ว่านี้เหมือนกันเกินกว่า 8 จุด" ตามเนื้อหาในบทความ "ระบบบันทึกลายนิ้วมือจะบันทึกตำแหน่งของจุดสังเกตเหล่านี้ไว้ ซึ่งปกติแล้วจะบันทึกไว้ประมาณ 30-40 จุดต่อ 1 ลายนิ้วมือ และนำข้อมูลมาเปรียบเทียบกับลายนิ้วมือที่สแกนเข้ามาว่าตรงกันหรือไม่"

ข้อมูลจากบทความยังระบุว่า แนวทางการปลอมลายนิ้วมือสามารถเริ่มจากการหาลายนิ้วมือต้นฉบับให้ได้ จากนั้นใช้ผงกราไฟต์พ่นไปยังวัสดุที่นิ้วนั้นไปจับต้อง เช่น แก้วน้ำ ลูกบิดประตู เป็นต้น เมื่อถ่ายรูปลายนิ้วมือนี้ไว้แล้วพิมพ์บนกระดาษโปร่งใสด้วยเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ส่วนที่พิมพ์จะนูนออกมาพอที่จะไปใช้ในการทำพิมพ์แบบได้ ซึ่งทั้งหมดสามารถทำได้จริงเนื่องจากภาพถ่ายดิจิตอลสามารถใช้ซอฟต์แวร์ช่วยแต่งภาพให้ลายเส้นในภาพคมชัดได้สะดวก

หลักการของเทคโนโลยีพิสูจน์ตัวตนด้วยลายนิ้วมือนี้ทำให้วิดีโอสุดพิเรนทร์ขาดความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะวิดีโอสาธิตการปลดล็อกไอโฟน iPhone 5S ด้วยจมูก นิ้วหัวแม่เท้า หัวนม รวมถึงอวัยวะเพศชาย!!

แต่หากมองที่หลักการของทัชไอดี แอปเปิลเคยยืนยันว่ารูปแบบสแกนลายนิ้วมือของทัชไอดีนั้นถูกปรับปรุงจากระบบสแกนลายนิ้วมือที่ใช้กันทั่วไปให้สามารถทำงานได้ดีและไวยิ่งขึ้น จุดนี้แอปเปิลเคยระบุว่ามีการนำมาประยุกต์กับระบบอ่านลายนิ้วมือบนคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่รองรับการปาดนิ้ว และที่ผ่านมา แอปเปิลพยายามปรับให้นิ้วที่มีการทาครีมโลชัน นิ้วที่ได้รับการผ่าตัด ซึ่งมีรายงานว่าแอปเปิลสามารถแก้ปัญหานี้ได้ระดับหนึ่ง

การแก้ปัญหานี้อาจทำให้ระบบทัชไอดีของแอปเปิลสามารถรองรับการอ่านค่าลายผิวหนังบริเวณอื่นได้ดีกว่าระบบทั่วไป ทั้งจมูก หัวนม รวมถึงนิ้วหัวแม่เท้าซึ่งเป็นกรณีที่ไม่น่าแปลกใจเท่าใดนัก

สำหรับกรณีของอวัยวะเพศชาย (อ่านไม่ผิดค่ะ) ผู้ใช้ในต่างประเทศโพสต์วิดีโอยืนยันว่าสามารถใช้น้องชายของตัวเองแตะที่ปุ่มโฮมของไอโฟนรุ่นล่าสุด เพื่อให้ระบบทัชไอดีปลดล็อกเครื่องได้จริง จุดนี้เอกสารวิชาการมากมายระบุว่า ผิวหนังที่ห่อหุ้มอวัยวะเพศชายรวมทั้งถุงอันฑะนั้นเป็นผิวหนังที่แตกต่างจากผิวหนังบริเวณอื่นๆ ของร่างกาย ผิวหนังบริเวณนี้จะมีความบาง เป็นผิวหนังที่ปราศจากไขมัน และถูกสร้างมาให้มีความยืดหยุ่นสูงเพื่อรองรับในช่วงการแข็งตัวของอวัยวะเพศชายเมื่อมีความรู้สึกทางเพศเกิดขึ้น ทำให้สามารถสรุปได้ว่า"ลายผิวหนัง"บริเวณอวัยวะเพศชายนั้นไม่มีลักษณะเหมือนกับลายนิ้วมือแน่นอน แต่ระบบทัชไอดีสามารถอ่านค่าและระบุตัวตนได้ ซึ่งอาจเป็นผลจากการจงใจพัฒนาระบบทัชไอดีให้สามารถทำงานอย่างยืดหยุ่นทุกสถานการณ์

วันนี้ระบบทัชไอดีที่มีความยืดหยุ่นเกินไปอาจกำลังเป็นผลเสียต่อแอปเปิล เนื่องจากมีวิดีโอที่ระบุว่า "อุ้งตีนแมว" ก็สามารถปลดล็อกไอโฟนรุ่นใหม่ผ่านทัชไอดีได้เช่นกัน ซึ่งหากเป็นเรื่องจริง แอปเปิลจะต้องลงมือแก้ไขปัญหานี้อย่างแน่นอน เนื่องจากลายนิ้วมือจะใช้ยืนยันตัวตนในไอโฟนเพื่อปลดล็อกเครื่อง, ซื้อสินค้าใน iTunes, iBooks และ App Store

แม้จะยังไม่มีการยืนยันชัดเจนว่าวิดีโอทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงหรือมั่วนิ่ม เช่นเดียวกับแอปเปิลที่ยังปิดปากเงียบและไม่ออกมาให้ความเห็นปฏิเสธหรือตอบรับวิดีโอเหล่านี้ แต่สิ่งที่เราผู้ใช้สามารถสรุปได้ชัดเจน คือวันนี้ iPhone 5S ถูกนำมาเล่าต่อปากสู่ปากโดยไม่ต้องพึ่งเงินโฆษณาแม้แต่แดงเดียว

****วิดีโออธิบายการทำงานระบบทัชไอดี



****วิดีโอสาธิตการปลดล็อกไอโฟนใหม่ด้วยอุ้งตีนแมว



****วิดีโอสาธิตการปลดล็อกไอโฟนใหม่ด้วยหัวนม


จมูกก็ทำได้?
นิ้วหัวแม่เท้าก็ไม่เว้น?
หัวนม (ผู้ชาย) ก็ไม่มีปัญหา?
น้องชาย ปลดล็อกไอโฟนใหม่ได้จริงหรือ? (ขอบคุณภาพจากพีซี แมคกาซีน)
กำลังโหลดความคิดเห็น