เอเอฟพี - กูเกิลวานนี้ (4 ส.ค.) ออกมากล่าวปกป้องนโยบายตรวจตราเนื้อหาของบรรดาผู้ใช้งาน เพื่อสอดส่องพฤติกรรมการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก ภายหลังที่บริษัทผู้ให้บริการทางอินเทอร์เน็ตเจ้านี้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในมลรัฐเทกซัสทราบว่า พบผู้มีพฤติกรรมต้องสงสัยว่าครอบครอง “สื่อลามกอนาจารเด็ก”
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (31 ก.ค.) จอห์น เฮนรี สกิลเลิร์น พนักงานร้านอาหารวัย 41 ปี ถูกจับกุม ภายหลังที่กูเกิลเปิดเผยพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของผู้ใช้รายนี้ ให้ศูนย์เด็กหายและเด็กถูกเอารัดเอาเปรียบแห่งชาติสหรัฐฯ (NCMEC) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน
เดวิด เน็ตเทิลส์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนของหน่วยปฏิบัติการต่อต้านการก่ออาชญากรรมต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต เมืองฮิวสตัน กล่าวว่า “ผู้ต้องสงสัยพยายามหลบเลี่ยงไม่ให้ถูกจับได้ เขาพยายามซ่อนหลักฐานทั้งหมดไว้ในอีเมล”
เขากล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ KHOU ของเมืองฮิวสตัน ซึ่งรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นที่แรกว่า “ผมไม่สามารถเข้าดูข้อมูล หรือรูปภาพ แต่กูเกิลทำได้”
ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่าบริษัทผู้ให้บริการทางอินเทอร์เน็ตชั้นนำของโลกรายนี้ สามารถติดตามพฤติกรรมของผู้ใช้ เพื่อจัดหาโฆษณาที่เหมาะสมกับผู้ใช้ เช่นเดียวกับคู่แข่งเจ้าอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดขึ้นในมลรัฐเทกซัสอาจกระตุ้นให้เกิดความกังวลว่า กูเกิลอาจส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับความประพฤติของผู้ใช้งาน ให้แก่สำนักงานบังคับใช้ตามกฎหมายมากน้อยเพียงใด
จอห์น ฮาเวส หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการที่ “ไวรัส บุลลิตอิน” ซึ่งเป็นสำนักงานที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ระบุผ่านบล็อกว่า “เรื่องนี้เป็นเรืองง่ายๆ ที่ลงเอยด้วยดี คนร้ายก่ออาชญากรรมแล้วถูกจับได้”
เขาชี้ว่า “อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าต้องมีใครสักคนเห็นว่าเหตุการณ์นี้เป็นสัญญาณเตือนว่า บรรดาหน่วยงานของรัฐ และบริษัทยักษ์ใหญ่ ไม่มีสามารถทำอะไรได้ดีไปกว่าการเจาะลึกชีวิตส่วนตัวของทุกคน
โฆษกของกูเกิลระบุในอีเมลที่ส่งถึงเอเอฟพีวานนี้ (4) ว่า “เสียใจด้วยที่บริษัทอินเทอร์เน็ตทุกแห่งต้องจัดการปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก”
“นี่คือสาเหตุว่าทำไมกูเกิลจึงคอยลบรูปผิดกฎหมายทิ้งออกจากส่วนให้บริการอย่างแข็งขัน เป็นต้นว่า ในส่วนเสิร์ชเอ็นจิน และอีเมล 'Gmail' ตลอดจนแจ้งกรณีการล่วงละเมิดทางเพศให้ NCMEC ทราบ
ทั้งนี้ เหล่ากิจการผู้ให้บริการทางอินเทอร์เน็ตสามารถส่งมอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องสงสัยว่ากระทำอนาจารเด็กให้กรมตำรวจ ผ่านระบบไซเบอร์ทิปไลน์ ที่ NCMEC เป็นผู้บริหารจัดการ
โฆษกยังระบุด้วยว่า “ภาพการล่วงละเมิดเด็กแต่ละคนจะมีรอยพิมพ์ดิจิตอล (Digital fingerprints) อันเป็นเอกลักษณ์แฝงอยู่ ซึ่งทำให้ระบบของเราสามารถระบุได้ว่าภาพนั้นมาจากที่ใด ซึ่งรวมถึงรูปภาพใน Gmail ด้วย” แต่เขาไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดทางเทคนิคของกระบวนการดังกล่าว
“สิ่งสำคัญที่เราจะต้องจำไว้ก็คือ เราสามารถใช้เทคโนโลยีนี้ระบุตัวผู้ถ่ายภาพลามกอนาจารไว้ได้ แต่ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาอีเมลอื่นๆ ที่อาจเชื่อมโยงกับการก่ออาชญากรรม” (เช่น การใช้อีเมลวางแผนจารกรรม)”
NCMEC ระบุในอีเมลอีกฉบับที่ส่งถึงเอเอฟพีว่า กฎหมายรัฐบาลกลางสหรัฐฯ กำหนดว่า บริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตต้องรายงานไซเบอร์ทิปไลน์ หากพบกรณีต้องสงสัยว่ามีการอนาจารเด็ก
หน่วยงานนี้ระบุว่า “NCMEC ได้เปิดช่องทางให้บรรดาหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายสามารถเข้าถึงรายงานทั้งหมดของไซเบอร์ทิปไลน์ เพื่อทบทวน และอาจดำเนินการสืบสวนต่อไป”
สถานีโทรทัศน์ KHOU ระบุในเว็บไซต์วานนี้ (4) ว่า สกิลเลิร์นเป็นผู้กระทำความผิดทางเพศที่ถูกทางการขึ้นทะเบียน โดยเมื่อ 20 ปีก่อนเขาถูกตัดสินว่ามีความผิด จากการชำเราเด็กชายวัย 8 ขวบ
บรรดาพนักงานสืบสวนซึ่งบุกค้นบ้านของเขาระบุว่า พบภาพลามกนาจารเด็กในโทรศัพท์มือถือ และแท็บเล็ต ตลอดจนคลิปวิดีโอในมือถือที่บันทึกภาพเด็กๆ ที่มาร้านอาหารของครอบครัวเดนนี ซึ่งเขาทำงานเป็นพ่อครัว
สถานีโทรทัศน์ KHOU เผยว่า สกิลเลิร์นถูกตั้งข้อหาครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กหนึ่งกระทง และสนับสนุนสื่อลามกอนาจารเด็กอีกหนึ่งกระทง โดยตอนนี้เขายังคงถูกควบคุมตัว และตั้งเงินประกัน 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ กูเกิลได้ดำเนินนโยบายโปรแกรมชุดหนึ่งไว้ควบคุมการให้บริการ Gmail ซึ่งมีผู้ใช้งาน 400 ล้านคนทั่วโลก โดยหนึ่งในนั้นคือ “นโยบายความอดทนเป็นศูนย์ ต่อภาพการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก”
เมื่อปีที่แล้ว เดวิด ดรัมมอนด์ หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของกูเกิล แจ้งว่ากูเกิลได้สร้างเทคโนโลยีขึ้นมาเพื่อ “ดัก” ภาพที่เป็นการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก ผ่านทางคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ เดลี เทเลกราฟ ของอังกฤษ
เขากล่าวว่า “เราสามารถลบภาพพวกนี้ทิ้งไปได้อย่างรวดเร็ว และรายงานให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจทราบ”