เอเซอร์ประเทศไทยเตรียมความพร้อมสร้างความแข็งแกร่งในอินโดจีนรองรับ AEC หวังใช้ไทยเป็นฮับปรับกลยุทธ์การตลาด ช่องทางจำหน่าย รูปแบบบริการเข้ากับแต่ละประเทศ “อลัน เจียง” เผยอินโดจีนกำลังซื้อสูง คาดสิ้นปี 2013 จะทำรายได้ให้เอเซอร์กว่า 45 ล้านเหรียญสหรัฐ
อลัน เจียง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ กล่าวว่า ขณะที่หลายประเทศกำลังเตรียมความพร้อมปรับตัวเข้าสู่ AEC แต่เอเซอร์หันมาให้ความสำคัญต่อการทำตลาดประเทศในกลุ่มอินโดจีนมากยิ่งขึ้นด้วย โดยก่อนหน้านี้เอเซอร์เข้าไปเปิดตลาดในหลายประเทศมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม กัมพูชา พม่า ลาว เอเซอร์ประเทศไทยจะมีบทบาทเป็นศูนย์กลางของอินโดจีน (HUB) ในการเปิดตลาดในประเทศต่างๆ โดยในเวียดนามเอเซอร์ไทยเข้าไปเปิดตลาดตั้งแต่ปี 2000 ในพม่าตั้งแต่ปี 2008 ในกัมพูชาตั้งแต่ปี 2003 และในลาวตั้งแต่ปี 2010 โดยทุกประเทศที่เอเซอร์เข้าเปิดตลาดสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นได้ปีละกว่า 30% ทุกปี
“อินโดจีนยังเป็นตลาดเกิดใหม่ เรามองว่าอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่าปีละ 30% แน่นอน ทุกคนมีกำลังซื้อสูง มีเงิน เพียงแต่เขายังไม่มีที่ใช้ รวมถึงเงินทุนหมุนเวียนก็พร้อมที่จะไปประเทศเหล่านั้นด้วย”
อลันกล่าวว่า ส่วนหนึ่งของความสำเร็จของเอเซอร์ในอินโดจีน คือการนำโมเดลของความสำเร็จของเอเซอร์ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์การตลาด ทีมงานขาย งานบริการมาปรับใช้ โดยการบริหารจะทำโดยเอเซอร์ไทยและมีการแต่งตั้งตัวแทนอย่างเป็นทางการทั้งการขาย การตลาด และการให้บริการ ทำให้เอเซอร์สามารถทำตลาดลงลึกในระดับรากหญ้าได้มากกว่าแบรนด์อื่นที่เข้าไปทำตลาด
“เราไม่ได้แค่เอาโปรดักต์ไปวางขายแล้วจบ แต่เราเข้าไปพัฒนาคน พัฒนาช่องทางการจำหน่าย ตลอดจนการบริการหลังการขาย โดยมีการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในแต่ละประเทศด้วยความคิดที่ว่าคนท้องถิ่นจะสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงตัว”
ล่าสุดเวียดนามได้รับการยกฐานะเป็นสำนักงานตัวแทนเช่นเดียวกับประเทศไทย ปัจจุบันเอเซอร์ประเทศไทยจึงเป็นฮับดูแลอีก 3 ประเทศที่เหลือ คือ กัมพูชา พม่า และลาว
นายบุญพัทธ ชูบรรเจิด หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจ อินโดจีน เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ กล่าวว่า นับจากนี้ไปตลาด AEC และอินโดจีนจะขยายตัวอีกมาก เฉพาะ AEC อย่างเดียวประชากรรวมกันกว่า 600 ล้านคน กำลังซื้อมหาศาล หลายแบรนด์เริ่มหมายตาอินโดจีนมากยิ่งขึ้น เป้าหมายสำคัญของเอเซอร์คือการมุ่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านธุรกิจ การตลาด บริการ ช่องทางจำหน่ายให้ประเทศเหล่านั้นมากกว่าแค่การซื้อมาขายไป เอเซอร์ต้องการเป็นไอทีคอมพาเนียน หรือเป็นเพื่อนกับผู้ที่ต้องการไอทีเพื่อให้ผู้ที่ต้องการเข้าไปในตลาดอินโดนจีน เมื่อต้องการความช่วยเหลือด้านไอทีให้นึกถึงเอเซอร์เป็นรายแรก ไม่ได้ทำแค่แจกโบรชัวร์ วางขายสินค้าแล้วจบกันไป
เอเซอร์มองเห็นความสำคัญทั้ง 2 ตลาดคือคอนซูเมอร์และคอมเมอร์เชียลในสัดส่วน 30-70 โดยมองว่าในอนาคตจะมีเงินลงทุนเข้ามามาก ทำให้สัดส่วนเพิ่มเป็น 50-50 ตลาดองค์กรจะมีความแข็งแรงมากขึ้นในอนาคต ด้วยความเป็นตลาดใหม่ เอเซอร์มองว่าสามารถวางสินค้าทุกตัวในตลาดทั้งโน้ตบุ๊ก เดสก์ท็อป โดยโน้ตบุ๊กจะได้รับความนิยมในตลาดคอมซูเมอร์ และเดสก์ท็อปในตลาดองค์กร
สิ่งที่เอเซอร์ประเทศไทยจะทำให้เกิดความแตกต่างเมื่อซื้อสินค้าเอเซอร์จากพม่าและลาว เมื่อเทียบกับซื้อจากเอเซอร์สิงคโปร์ คือ ซื้อจากสิงคโปร์จะได้การรับประกัน 1 ปี แต่ซื้อจากพม่าและลาวจะได้การรับประกันเพิ่มขึ้นอีก 1 ปี รวมเป็น 2 ปี เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ช่องทางการจำหน่ายของเอเซอร์
อลันกล่าวว่า ล่าสุดพม่ากำลังจะยกฐานะขึ้นเป็นสำนักงานตัวแทน แต่ยังไม่เท่าเวียดนามหรือไทย โดยในพม่าจะมีพนักงานประจำประมาณ 2-3 คนดูแลด้านการตลาด การขาย โดยคาดว่าเดือน ก.ย.นี้จะดำเนินเรื่องเสร็จและเปิดอย่างเป็นทางการได้ต้นปีหน้า
สำหรับสัดส่วนรายได้ของทั้ง 3 ประเทศ คือ พม่า กัมพูชา และลาว สามารถทำรายได้ให้ประมาณ 50%, 30% และ 20% ของรายได้ทั้งหมด โดยคาดว่าในปี 2013 นี้จะมีรายได้จาก 3 ประเทศนี้ประมาณ 45 ล้านเหรียญสหรัฐ (เทียบกับ 2 ปีก่อนหน้านี้มีรายได้ประมาณ 20-25 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 7-10% ของรายได้ของประเทศไทย และคาดว่าสัดส่วนนี้จะเพิ่มเป็น 25% ในอีก 3 ปีข้างหน้า ในส่วนเอเซอร์ประเทศไทยคาดว่าจะมีรายได้ในปีนี้ประมาณ 400 ล้านเหรียญสหรัฐ
Company Related Link :
Acer
