เมโทรซิสเต็มส์พร้อมบุกไอทีเซอร์วิสเต็มที่ ตั้งเป้าโตปีนี้ 8% ด้วยแนวคิด “IT Total Solutions Provider” เผยผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้มีกำไรสุทธิ 50.7 ล้านบาท จากรายได้รวม 1,584 ล้านบาท หลังจากปี 2555 ทำยอดขายได้ทั้งสิ้น 6,445 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8% จากปีก่อนหน้า ชูวิสัยทัศน์ผู้นำไอทียุคใหม่
นายกิตติ เตชะทวีกิจกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้เมโทรซิสเต็มส์จะเน้นงานทางด้านซอฟต์แวร์เซอร์วิสให้มากขึ้นเนื่องจากมองว่ามีโอกาสทำรายได้เพิ่มขึ้น เพราะตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาลูกค้ามีการใช้งานซอฟต์แวร์เพิ่มมากขึ้น โดยคาดหวังว่าการรุกธุรกิจดังกล่าวจะสามารถสร้ายยอดขายรวมตลอดทั้งปีเพิ่มขึ้น 8% ด้วยแนวคิดการทำธุรกิจในรูปแบบ “IT Total Solutions Provider”
สำหรับรายได้รวมในปี 2555 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 6,445 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8% จากปี 2554 หรือ 6,211 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการในไตรมาสแรก ปี 2556 มีรายได้รวม 1,584 ล้านบาท โดยมีกำไรขั้นต้นประมาณ 210 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 50.7 ล้านบาท
“ธุรกิจไอทีฮาร์ดแวร์มีคนซื้ออยู่แล้ว เพราะการทำธุรกิจในปัจจุบันหลีกหนีไอทีไม่พ้น ตลาดไอทีจึงยังเติบโตอยู่ แต่คนทำธุรกิจด้านไอทีต้องมุ่งเน้นการสร้างความสำเร็จให้กับลูกค้าด้วย ซึ่งในปีนี้เมโทรซิสเต็มส์มีงบลงทุนรวม 30 ล้านบาท ทำเรื่องฮาร์ดแวร์ใหม่ๆ การลงทุนใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งล่าสุดได้ทำการปรับปรุงศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ และศูนย์สาธิตเทคโนโลยีต่างๆ ให้มีเทคโนโลยีที่เหมาะสมพร้อมใช้งาน มีการลงทุนใน Digital Media Center (ภาพเล็ก) ศูนย์สาธิตเทคโนโลยีใหม่เพื่อรองรับการใช้งานของลูกค้า คู่ค้า ตลอดจนการใช้เป็นศูนย์การเรียนรู้ของบุคลากร'
โดยกลยุทธ์ที่เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เมโทรฯประสบความสำเร็จประกอบด้วย แนวคิด 4 ด้านหลัก คือ 1. Total IT Solution & Support Infrastructure โดยมุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศระบบโครงสร้างพื้นฐานอย่างครบวงจร พร้อมด้วยบริการสนับสนุน 2. World Class Brands จัดจำหน่ายสินค้าและบริการที่เป็นตราสินค้าชั้นนำระดับโลก 3. Advance Technology & Solution Partners มีคู่ค้าที่มีเทคโนโลยีและโซลูชั่นที่ก้าวหน้าทันสมัย และ 4. Certified HR พนักงานของบริษัท เป็นผู้ที่ได้รับการรับรองคุณภาพจากเจ้าของผลิตภัณฑ์
นายกิตติกล่าวว่า ในปีนี้จะเกิดคลาวด์คอมพิวติ้งมากขึ้นจึงต้องมีการจับตาเทคโนโลยีทางด้านนี้ เพราะลูกค้าอาจจะลดการซื้อด้านฮาร์ดแวร์ลง ลดเจ้าหน้าที่การใช้ไอทีลง เมโทรฯ จึงต้องทำการศึกษาเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อธุรกิจ แต่ทั้งนี้ลูกค้าจะขึ้นคลาวด์เลยไม่ได้ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากผู้ให้บริการเพื่อขึ้นไปอยู่บนคลาวด์ ดังนั้นจึงเป็นโอกาสทางการตลาดแรกของเมโทรฯที่จะเข้าไปช่วยตรงจุดนี้ ส่วนคลาวด์เต็มรูปแบบคาดว่าจะมาในอีก 3-5 ปีข้างหน้าเพราะขณะนี้ธุรกิจส่วนใหญ่ยังกลัวเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลกันอยู่ นอกจากนี้องค์กรต่างๆ จะไม่สามารถขึ้นคลาวด์ได้ทั้งหมดทุกส่วน แต่จะขึ้นไปได้ประมาณ 20-30%
สำหรับการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างครบวงจร ในรูปแบบ IT Total Solutions Providerนั้น จะอยู่ภายใต้การบริหารงานจาก 3 กลุ่มธุรกิจ และ 1 สายงาน ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ (ESG), กลุ่มผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์โซลูชั่น(SIG), กลุ่มผลิตภัณฑ์วัสดุสิ้นเปลือง (OSG) และ สายงานบัญชี การเงินและธุรการ อีกทั้งยังมีบริษัทย่อยและบริษัทร่วมอีก 8 บริษัทฯ
โดยในกลุ่มผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ หรือกลุ่ม ESG มุ่งทำตลาดในกลุ่มลูกค้า Enterprise และ SME โดยเน้นที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ของ IBM เป็นหลัก และจะเน้นระดับเอ็นเตอร์ไพร์สโดยเฉพาะ
กลุ่มผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์โซลูชัน หรือ SIG ทิศทางการดำเนินธุรกิจจะให้ความสำคัญต่อการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางด้าน Business Intelligence, Data Warehouse และ Business Continuity Services โดยการให้บริการจะเน้นการทำ Customize ให้กับลูกค้าที่มีความต้องการเฉพาะ ด้วยโซลูชันที่ครบ นอกจากนี้ยังมีนโยบายด้านโมบิลิตีที่สามารถทำงานได้ทุกที่ในโลก ดูข้อมูล ให้คำแนะนำผ่านอุปกรณ์โมบาย
สุดท้ายกลุ่มผลิตภัณฑ์วัสดุสิ้นเปลือง หรือกลุ่ม OSG นั้นจะจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัสดุสิ้นเปลืองในตราสินค้าชั้นนำ โดยมีรายการสินค้าให้เลือกใช้บริการมากกว่า 2,500 รายการ ผ่านช่องทางการจัดจำหน่าย 4 ช่องทางหลัก ได้แก่ เทเลเซลส์, ขายตรง, ขายผ่านดีลเลอร์ และ การขายผ่านเว็บไซต์ อีคอมเมิร์ซ “www.metro-oa.com” อีกทั้งยังได้เพิ่มขีดความสามารถหลักในการแข่งขันด้วยการลงทุนใช้ระบบไอทีควบคุมการดำเนินงาน, มีระบบคลังสินค้าและระบบการบริหารจัดการด้าน Logistics ที่มีประสิทธิภาพ, มีพนักงานที่มีทักษะและประสบการณ์ ตลอดจนมีสินค้าที่ครบถ้วนตามความต้องการของลูกค้า และมุ่งสู่การให้บริการแบบครบวงจร