เดลล์ ยักษ์ใหญ่ไอทีที่ภาพลักษณ์รู้จักกันโดยทั่วไปว่าเป็นผู้ขายโน้ตบุ๊ก และพีซีที่ซ่อมเครื่องให้ถึงบ้าน กำลังจะเปลี่ยนรูปแบบการทำงานใหม่ ปรับโครงสร้างธุรกิจรับกับกระแสความต้องการของผู้บริโภคที่เริ่มเปลี่ยนไป อีกทั้งยังเป็นการตอบสนองกับกระแสเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ที่เรียกว่า “เมกะเทรนด์” ที่เดลล์มองว่ากำลังจะเป็นแนวโน้มสำคัญที่ทั่วโลกจับตามอง และจะทำให้ธุรกิจต่างๆ ต้องปรับตัวตามเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบ ซึ่งเมกะเทรนด์ที่ว่านี้ประกอบไปด้วย
1. Convergent Infrastructure โลกกำลังจะก้าวไปสู่การเป็นเวอร์ชวลไลเซชันที่จะมีการรวม เน็ตเวิร์ก เซิร์ฟเวอร์ และสตอเรจเป็นหนึ่งเดียวกัน ต่างจากเดิมที่ตลาดส่วนใหญ่จะมุ่งไปที่การใช้งานแบบเดิมที่มีเซิร์ฟเวอร์และสตอเรจเป็นเครื่องๆ โดยเทรนด์การควบรวมนี้จะช่วยลดความซับซ้อนลงจากเมื่อก่อนที่ลูกค้าต้องเปิดหลายๆ คอนโซล มาเป็นสามารถรวมทุกอย่างเป็นหนึ่งเดียวแล้วควบคุมได้ทุกอย่าง ซึ่งเดลล์มองว่าการใช้งานคลาวด์สำหรับตลาดในเมืองไทยจะมีการใช้งานไพรเวทคลาวด์มากกว่าพลับบลิคคลาวด์ โดยเฉพาะในองค์กรขนาดใหญ่ที่มีการใช้งานสูงมากเรียกได้ว่าเติบโตดีกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค
2.Bring You Own Device (BYOD) การเติบโตของอุปกรณ์เคลื่อนที่และความนิยมในตัวสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเมืองไทยที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ส่งผลให้เกิดการใช้งานใหม่ๆ โดยเฉพาะเทรนด์ของการนำอุปกรณ์ส่วนตัวเข้ามาใช้ในองค์กรเริ่มเป็นที่พูดถึงกันมากขึ้น และทำให้เกิดการใช้งานแบบเวอร์ชวลเดสก์ท็อป ที่จะมีการนำอุปกรณ์ต่างๆ ของพนักงานเข้าไปเชื่อมต่อกับเครือข่ายของบริษัทเพื่อใช้งาน โดยเดลล์เรียกกระแสนี้ว่าเป็น คลาวด์ไคลแอนด์ ที่จะสามารถใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อใดๆ ก็ได้เข้ากับการทำงานขององค์กร
3.Social Network Commercial กระแสโซเชียลเน็ตเวิร์กกำลังได้รับความสนใจในบ้านเราอย่างมาก แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการใช้งานส่วนบุคคลมากกว่า ในขณะที่เทรนด์ใหม่ของโลกนี้โซเชียลเน็ตเวิร์กจะได้รับการใช้งานในธุรกิจเพิ่มมากขึ้น เป็นการใช้งานเพื่อสื่อสารระหว่างกันภายในองค์กร
4.Data Insigne หรือเทรนด์ของการบริหารจัดการดาต้าทั้งหมดให้เป็นระบบระเบียบง่ายต่อการนำมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการตั้งแต่เซิร์ฟเวอร์ สตอเรจ ไปจนถึงการจัดการด้านข้อมูลแบบอนาไลติก อาทิ บิสซิเนสอนาไลติก บิสสิเนสอินเทลลิเจนต์ เนื่องจากในปัจจุบันยังพบว่ามีข้อมูลอยู่ในที่ๆ ไม่ถูกต้องจำนวนมาก ไม่ได้ถูกจัดระเบียบ ในขณะที่การจัดเรียงข้อมูลเป็นเรื่องที่สำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ
5.Security ความปลอดภัยยังคงเป็นเรื่องสำคัญมาโดยตลอด และเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ของโลกเช่นกัน โดยเฉพาะการเข้ามาของ BYODที่ทำให้หัวข้อนี้ได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากทำให้การใช้งานหรือการเข้าถึงระบบต่างๆ มีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นและองค์กรก็ต้องให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นเช่นกัน
***เปลี่ยนมุมมองการทำธุรกิจใหม่***
เอกราช ปัญจวีณิน ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) กล่าวว่า เมกะเทรนด์ทั้ง 5 นี้ จะมาช้าหรือเร็วขึ้นกับความพร้อมของแต่ละประเทศ แต่เดลล์ได้เริ่มปรับตัวทั้งในส่วนของการทำธุรกิจและทำตลาดในต่างประเทศไปแล้ว โดยได้คำนึงถึงการเปลี่ยนผ่านธุรกิจของลูกค้าเป็นสำคัญที่ในปัจจุบันเริ่มมีการแข่งขันกันสูงมากขึ้นเรื่อยๆ และมีคู่แข่งที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเดลล์จึงมีความจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อช่วยการขับเคลื่อนธุรกิจให้มีความคล่องตัวสูงขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบริษัท การเปลี่ยนทีมงาน เปลี่ยนไดเร็กชันให้เป็นผู้ให้บริการแบบเอ็นทูเอ็น และปรับแผนการทำตลาดใหม่
การทำตลาดรูปแบบใหม่ของเดลล์จะเน้นเรื่อง IT Modernization ทำให้ไอทีเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีการปรับรูปแบบใหม่ของระบบไอที 4 ข้อคือ
1.การผลักดันให้ลูกค้าเข้าสู่ระบบเปิด โดยจะเข้าไปดูไอทีของลูกค้า ว่าเป็นระบบเปิดหรือไม่ โดยไม่ยึดติดกับแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง เป็นแพลตฟอร์มเปิด ที่สามารถต่อเชื่อมกับทุกแพลตฟอร์มได้ เช่น ถ้ามีเซิร์ฟเวอร์เดลล์อยู่ ลูกค้าสามารถเปลี่ยนได้ตั้งแต่ฮาร์ดแวร์ถึงแอปพลิเคชัน เดลล์มีเครื่องมือทำแอปพลิเคชันโมเดิร์นไนซ์ ทำให้แอปเป็นระบบเปิดทั้งหมด
'ที่ผ่านมาธุรกิจในเมืองไทยการใช้งานด้านไอทียังมีหลายแพลตฟอร์ม ก่อให้เกิดปัญหาเรื่องการใช้งานแอปพลิเคชัน เช่น เมื่อก่อนระบบไอทีของธนาคารเป็นระบบเลกาซีทั้งหมด พัฒนาต่อไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ แต่สมัยนี้เปลี่ยนเป็นระบบเปิดทั้งหมดทำให้สามารถนำเสนอบริการต่างๆ ถึงลูกค้าได้อย่างมากมายและสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกมาก ซึ่งการพัฒนาระบบเปิดนี้ เดลล์ไม่ได้ซัพพอร์ตยี่ห้อเดียว แต่มีซอฟต์แวร์ในการบริหารจัดการดีไวซ์ที่ซัพพอร์ตทุกยี่ห้อ'
2.ความเร็วในการเข้าถึงระบบ เดลล์จะเข้ามาช่วยทำให้ระบบของลูกค้าตอบสนองได้เร็วขึ้น ใช้เทคโนโลยีหลายตัวเข้ามาช่วย และพยายามทำให้ระบบไอทีเป็นผืนเดียวกัน
3.ขนาดการลงทุนที่เหมาะสม เดลล์เป็นเจ้าแรกในการพูดถึงการลงทุนจำนวนน้อย ใช้น้อยแล้วค่อยต่อยอดไป สามารถขยายระบบได้อย่างต่อเนื่อง และทุกระบบที่ต่อออกไปสามารถเชื่อมโยงกันได้
4.การทำงานแบบอัตโนมัติ เดลล์มองว่าการทำระบบ IT Modernization นั้น ระบบต้องออโตเมต คิดเองได้ ระบบต้องคิดได้ว่าอันไหนสำคัญไม่สำคัญด้วยตัวเอง
ปัจจุบันระบบลูกค้าหลายๆ รายยังไม่เป็นแบบนี้ ยังต้องบริหารจัดการระบบยุคเก่า จึงต้องมีการลงทุนที่สูงขึ้น แต่หากเปลี่ยนมาเป็นแบบ IT Modernization จะสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายในเรื่องนี้ได้ นอกจากนี้เดลล์ยังเป็นองค์กรที่สามารถให้บริการตั้งแต่ต้นจนจบ เริ่มตั้งแต่แท็บเล็ต พีซีขนาดเล็กไปจึงถึงดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ แล้วนำทั้งหมดมาเชื่อมต่อกันได้ ถือเป็นการทำ Ecosystem ที่สมบูรณ์แบบ
'จุดแข็งของเดลล์ยุคใหม่คือสามารถจัดการให้ลูกค้าได้แบบเอ็นทูเอ็น ยกเซ็ตไปได้เลย และสามารถลิงค์เข้ากับแพลตฟอร์มเดิมได้ด้วย ส่วนการเข้าสู่ตลาดของเดลล์ เรามีเซลล์หนึ่งทีมซัพพอร์ตทุกโปรดักส์แบบเอ็นทูเอ็น เรามีความพร้อมในทุกๆ เรื่องตั้งแต่เซิร์ฟเวอร์จนถึงดีไวซ์ นอกจากนี้ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เดลล์จะเน้นความเป็นเอเชี่ยนลุค มากขึ้น จากเมื่อก่อนผสมกันหลายแบบ โดยแนวเอเชี่ยนลุคจะเน้น บาง สีเอเชียน อย่างสีซิลเวอร์ เมืองนอกรุ่นที่ขายดีคือ 17 นิ้ว หนัก 3.8 กิโลกรัม แต่ของไทย เอเชีย ต้องหน้าจอ 13 นิ้ว น้ำหนัก 1.8 กิโลกรัม นอกจากนี้จะลงมาเจาะตลาดล่างมากขึ้น เราจะเล่นครบเรนจ์ ราคาครบทุกตลาด'
เดลล์ยังได้มีการจัดแบ่งโครงสร้างใหม่เป็น 4 กลุ่มธุรกิจใหม่ เพื่อเป็นการรองรับกับความต้องการและเป็นการตอบสนองทุกๆ ตลาด ประกอบด้วย 1.End User Computing 2. Data Center 3.Service 4.Software Group โดยคาดว่าในปีนี้ตลาดน่าจะดีมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการเติบโตของ ดีไวซ์ อย่าง แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน ตลอดจนการปรับตัวของเอสเอ็มอีที่มีอยู่เป็นจำนวนมากก็จะหันมามาใช้ไอทีในการจัดการธุรกิจมากขึ้น ดังนั้นนับจากนี้เดลล์จะเน้นคอนเซ็ปต์ในการขายตามความต้องการลูกค้า เหมาะสมกับลูกค้า มากกว่าการขายในสิ่งที่เดลล์มีเท่านั้น
***AEC จุดเปลี่ยนสำคัญของธุรกิจไทย***
เอกราช กล่าวว่า สำหรับในประเทศไทยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ นั้นจะมุ่งตอบสนองทั้งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับกระแสโลก รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับการก้าวเข้าไปสู่ตลาดใหม่ๆ อย่างเออีซี ที่หลายบริษัทมีการขยายตัวไปประเทศเพื่อนบ้าน จึงมีความจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในทุกด้าน เป็นการใช้ไอทีในการช่วยการปรับตัวทางธุรกิจ และเตรียมพร้อมในการรับกับเมกะเทรนด์ที่กำลังจะเข้ามา
'เดลล์มีเครือข่ายกว้างขวางที่จะช่วยให้ลูกค้าก้าวเข้าสู่ เออีซี โดยเฉพาะกลุ่มของผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่ไทยมีจุดแข็งในเรื่องนี้มาก และภาคการเกษตรถือเป็นภาคที่เราแข็งแกร่งมากที่สุด ซึ่งปัจจุบันลูกค้าในกลุ่มนี้ของเดลล์หลายรายก็เริ่มเข้ามาขอรับคำปรึกษาในการพัฒนาระบบต่างๆ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมที่จะเข้าไปแข่งขัน นอกจากนี้ เออีซี จะมีหลายอุตสาหกรรมเข้ามาบ้านเราด้วย จึงต้องมีการตั้งรับด้วย และเดลล์พร้อมที่จะให้การบริการกับธุรกิจเหล่านี้'