xs
xsm
sm
md
lg

เอเซอร์เร่งปรับตัวหนีตาย !!! (Cyber Weekend)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


การเข้ามาของอุปกรณ์ไร้สายรุ่นใหม่ๆ อย่างสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต กลายเป็นสิ่งที่เปลี่ยนโลกของการสื่อสารและการเรียนรู้ของคนในสังคมยุคโมบิลิตี้ จากเดิมที่เคยนั่งดูหน้าจอพีซีและโน้ตบุ๊กอยู่กับที่ มาเป็นการอ่านดูหน้าจอเล็กๆ ที่สามารถเคลื่อนที่ไปได้ทุกหนแห่ง

ผลของการเปลี่ยนแปลงทำให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์อย่างเอเซอร์ต้องทำการปรับตัวครั้งใหญ่แบบที่ไม่เคยมาก่อน ด้วยเหตุผลหลักที่ว่าเอเซอร์เคยเป็นเบอร์ 1 ในตลาดโน้ตบุ๊ก เคยมียอดขายที่ช่วยทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตขึ้นได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 30% กำลังถดถอยเพราะเทรนด์การใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ของผู้บริโภคเปลี่ยนไป

เดสก์ท็อปที่เคยถูกมองว่าเป็นยักษ์ที่มีโน้ตบุ๊กผู้เป็นแจ็คกำลังจะตามขึ้นไปไล่ล่า แต่ยังไม่ทันสำเร็จ ก็ดันมีน้องใหม่อย่างแท็บเล็ตเข้ามาเป็นตัวสอดแทรกตลาดคอมพิวเตอร์เพิ่มมากขึ้นถึงขนาดทำให้ผู้บริโภคต้องมาหยุดคิดก่อนที่จะซื้อโน้ตบุ๊ก และในเวลาไม่นานนักอุปกรณ์ที่เรียกว่าโน้ตบุ๊กไฮบริด ก็เริ่มเข้ามาเขย่าตลาดอีกครั้ง จนเป็นที่มาของการปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ของเอเซอร์ ที่ขณะนี้บัลลังก์เบอร์ 1กำลังสะเทือน

***โน้ตบุ๊กเริ่มแผ่วทำได้แค่ประคองตัว

นิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายบริหารการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ กล่าวว่าตลาดโน้ตบุ๊กเริ่มมีการเติบโตช้าลง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากผู้บริโภคกลายเป็นผู้กำหนดความต้องการอุปกรณ์ไอทีให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน ก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้นในราคาที่เริ่มถูกลง จากเดิมที่โน้ตบุ๊กเคยตอบสนองความต้องการได้กับทุกคน แต่ด้วยอุปกรณ์ที่เกิดขึ้นใหม่หลายรูปแบบ โน้ตบุ๊กจึงกลายเป็นแค่เพียงทางเลือกหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ตัวเลือกแรกเหมือนที่ผ่านมา

การเข้ามาของระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 ที่แม้จะช่วยสร้างสีสันให้กับตลาดมากขึ้น ด้วยการนำเสนอโน้ตบุ๊กหน้าจอสัมผัสได้ แต่ด้วยราคาที่สูงจนเกินไปทำให้การเปิดตัวในครั้งแรกนั้นกระแสการตอบรับยังไม่แรงเท่าที่ควร และพอจะมียอดขายขึ้นมาบ้างในช่วงที่มีการลดราคาลงมา แต่ก็ยังไม่เพียงพอ

ยอดขายในปีที่ผ่านมาของเอเซอร์อยู่ที่ 13,000 ล้านบาทแบ่งเป็นตลาดคอนซูเมอร์ 60% และ 40% เป็นคอมเมอร์เชียล โดยเป็นโน้ตบุ๊กถึง 80% ซึ่งเอเซอร์เป็นผู้นำตลาดโน้ตบุ๊กด้วยส่วนแบ่ง 33% ส่วนเบอร์ 2 อยู่ที่ประมาณ 25% สำหรับในปีนี้สัดส่วนต่างๆ จะเปลี่ยนไปและยอดขายในส่วนของ Mobility Device จะเพิ่มมากขึ้น การตลาดเปลี่ยนไปและตำแหน่งของผลิตภัณฑ์ก็จะต้องเปลี่ยนตาม

'เทคโนโลยีเปลี่ยนไปจากเดิมที่ผู้ผลิตเป็นผู้ใส่ซอฟต์แวร์และกำหนดสเปกให้กับผู้บริโภค แต่ในปัจจุบัน ด้วยระบบปฏิบัติการใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกระบบปฏิบัติการใดมาใช้งานก็ได้ ไม่จำเป็นต้องยึดติด เมื่อก่อนการเข้าอินเทอร์เน็ตใช้โน้ตบุ๊กอย่างเดียว แต่เดียวนี้มีอุปกรณ์ใหม่ๆ มากขึ้นสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตสามารถทำหน้าที่เหล่านั้นแทนโน้ตบุ๊ก ทำให้ผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์ในการเสพความบันเทิงเพียงอย่างเดียวก็ไม่จำเป็นต้องซื้อโน้ตบุ๊ก โดยเฉพาะปัจจุบันราคาขายสมาร์ทโฟนเริ่มต้นเพียงแค่หลักพันบาทต้นๆ เท่านั้น'

เช่นเดียวกับแท็บเล็ตที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสการแจกแท็บเล็ตให้กับเด็ก ป.1 ของรัฐบาล ก็ช่วยทำให้ตลาดเกิดความสนใจกับอุปกรณ์ชนิดนี้เพิ่มมากขึ้น จนทำให้ผู้ผลิตหลายรายส่งผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดกันอย่างมากมาย

***Acer ICONIA B1 หมัดแรกเปิดตลาดใหม่

ไม่มีอะไรที่จีนทำไม่ได้ ภายหลังจากที่แท็บเล็ตออกสู่ตลาดไม่นานนัก แท็บเล็ตแบรนด์จีนก็โหมกระหน่ำเข้าใส่ตลาดแบบไม่ยั้ง ด้วยราคาที่ต่ำกว่าแบรนด์ต่างๆ หลายเท่าตัวแม้สเปกจะไม่สูงเทียบเท่าหรือชื่อชั้นอาจจะเทียบไม่ได้ แต่ก็ถือได้ว่าตอบสนองกับตลาดล่างได้เป็นอย่างดี ยังไม่นับรวมเฮ้าส์แบรนด์ที่ตั้งหน้าตั้งตาออกมาตอบสนองตลาดกันอย่างเนืองแน่น แต่ทั้งหมดคงไม่เท่ากับการนำเสนอของอินเตอร์แบรนด์

เอเซอร์เริ่มมองเห็นโอกาสที่ดีของการทำตลาดแท็บเล็ต หลังจากที่ส่งสารพัดรุ่นในราคาที่ไกลเกินเอื้อมออกไป และมียอดขายแค่ 'เรื่อยๆมาเรียงๆ' แต่ด้วยความชัดเจนของโรดแมฟเอเซอร์ในการรุกตลาดแท็บเล็ตในปีนี้ เอเซอร์จึงมุ่งสู่ตลาดล่างด้วยการเปิดตัวแท็บเล็ต Acer ICONIA B1 ที่มุ่งกลุ่มเป้าหมายไปที่ผู้เริ่มใช้แท็บเล็ตเครื่องแรกหรือครอบครัวที่กำลังมองหาแท็บเล็ตให้แก่บุตรหลาน เน้นความสะดวกสบายในการพกพา ขนาดเพียง 7 นิ้ว มีภาพที่คมชัดสบายตาเหมาะต่อการอ่านหนังสือแบบอิเล็กทรอนิกส์ ท่องอินเทอร์เน็ต เล่นเกมและดูหนัง

นับว่าครั้งนี้เอเซอร์เดินมาถูกทางเพราะยอดขาย Acer ICONIA B1 ที่เกิน 50,000 เครื่องต่อเดือน และยังคงมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แถมกระแสยังลุกลามไปถึงประเทศที่พัฒนาแล้วบางประเทศถึงกับมีความต้องการสั่งซื้อแท็บเล็ตตัวนี้เข้าไปจำหน่ายเลยทีเดียว

'แท็บเล็ตราคาประหยัดจะกลายเป็นผลิตภัณฑ์หลักในการทำตลาดของเอเซอร์ในปีนี้ โดยในอนาคตจะขยายสัดส่วนเป็น 60-70% ของพอร์ต ส่วนตลาดพรีเมี่ยมและไฮเอนด์เราไม่ได้คาดหวัง เช่นเดียวกับในส่วนของสมาร์ทโฟนที่เอเซอร์จะเจาะเซ็กเมนต์ตลาดล่างก่อน เพราะมองเห็นถึงความพร้อมของลูกค้าที่จะใช้งานในกลุ่มนี้มากกว่า และถือเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่เอเซอร์มีความมั่นใจว่าจะสามารถเข้าไปสร้างความต้องการและยอดขายได้'

***สมาร์ทโฟนและโน้ตบุ๊กไฮบริด ความหวังใหม่

เอเซอร์คาดหวังตลาดไฮบริด แท็บเล็ต มากขึ้น แต่ไม่ได้คาดหวังการเติบโตของยอดขายรวมมากนักเนื่องจากอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านด้านเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ของเอเซอร์ครั้งใหญ่ โดยจากเดิมที่มีการเติบโตของยอดขายรวมแต่ละปีสูงถึง 30% แต่ในปีนี้เอเซอร์ตั้งเป้าไว้เพียง 10% เท่านั้น

'เราคงไม่ได้เห็นความแปลกใหม่ของโน้ตบุ๊กแบบเดิมๆ นอกเหนือไปจากหน้าจอสัมผัสได้อีกแล้ว แต่ตลาดจะมุ่งไปให้ความสนใจกับโน้ตบุ๊กไฮบริดมากกว่า ซึ่งยังต้องใช้เวลาเรื่องการวิจัยและพัฒนาองค์ประกอบอีกหลายอย่าง และที่สำคัญโน้ตบุ๊กไฮบริด ไม่ได้แข่งที่สเปกกับราคาเพียงอย่างเดียวแต่ต้องมีนวัตกรรมของแต่ละแบรนด์เข้ามาประกอบด้วย'

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ขณะนี้เอเซอร์ได้มีการจ้างวิศวกรด้านซอฟต์แวร์กว่า 2 พันคนพัฒนาทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์พร้อมๆ กัน เพื่อสร้างดีไวซ์ที่หลากหลาย และมีรูปแบบที่น่าสนใจเพิ่มขึ้น รองรับการเติบโตของตลาดใหม่ๆโดยการวิจัยและพัฒนาจะกลายเป็นการแข่งขันที่เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ใช่ว่าผู้ผลิตจะใส่อะไรเพื่อยัดเยียดให้ผู้บริโภคได้เหมือนในอดีตอีกต่อไป เพราะคนยุคใหม่จะเลือกแอปที่เหมาะสมกับตัวเอง และไฮบริดโน้ตบุ๊กอาจจะกลายเป็นเดสก์ท็อปรีเพลสเมนต์มากกว่าโน้ตบุ๊กแบบเดิมๆ โดยหลังจากไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ของเอเซอร์ที่คาดว่าจะครบประมาณกลางปีนี้น่าจะทำให้เอเซอร์เติบโตได้ ส่วนราคาของโน้ตบุ๊กคงไม่ลดลงไปจากนี้มากนัก โดยในปีนี้คาดว่าโน้ตบุ๊กทัชสกรีนจะกลายเป็นเมนสตรีมของการทำตลาด

***เอเซอร์คือโมบิลิตี้ ดีไวซ์

เอเซอร์จะทำตลาดสมาร์ทโฟนมากขึ้นในระดับราคาประมาณ 5,000 บาท เพราะเอเซอร์มีความพร้อมมากที่สุด ประกอบกับ 3G กำลังมาจะยิ่งเป็นแรงส่งให้ตลาดสมาร์ทโฟนของเอเซอร์ขยายตัวเพิ่มขึ้นด้วย โดยในตลาดเอเซียแปซิฟิกราคามือถือ 55% อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 10,000 บาท 25% เป็นราคามากกว่า 18,000 บาท และอีก 25% เป็นราคาตรงกลาง ซึ่งเอเซอร์จะมุ่งเจาะที่ตลาดกลุ่มใหญ่ในระดับราคาต่ำกว่า 10,000 บาท โดยขณะนี้ได้มีผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมาร์ทโฟนเข้ามาร่วมงานกับเอเซอร์แล้วเป็นจำนวนมาก ทำให้เอเซอร์เริ่มมีความมั่นใจในการเข้าสู่ตลาดนี้มากขึ้น

'ผู้บริโภคอาจเคยชินกับความเป็นแบรนด์เอเซอร์คือโน้ตบุ๊ก แต่นับจากนี้เอเซอร์จะทำการสื่อสารการตลาดให้มากขึ้น ถือเป็นการบังคับให้แบรนด์โพซิชันนิ่งต้องเปลี่ยนจากโน้ตบุ๊กให้เป็น Mobility Device ที่ผ่านมาเอเซอร์ทำตลาดสมาร์ทโฟนมา 2 ปี ช่วงแรกไม่ค่อยประสบความสำเร็จ เพราะยังใหม่ ประกอบกับธุรกิจที่ทำอยู่และเทคโนโลยียังไม่คุ้นเคย ตอนหลังเอเซอร์ได้คนที่มาจากอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนมากขึ้นทำให้ผลิตภัณฑ์เริ่มแข่งขันได้”'

ในส่วนช่องทางจำหน่ายสำหรับดีลเลอร์ในต่างจังหวัดนั้นเอเซอร์ไม่ได้เป็นกังวล เนื่องจากมีความหลากหลายของสินค้าทำให้สามารถขายได้หลายอย่าง และลูกค้าจะชินตากับผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ส่วนดีลเลอร์ในเมืองใหญ่ๆ ที่ขายเฉพาะสินค้าอย่างโน้ตบุ๊ก เอเซอร์จะเข้าไปช่วยพัฒนาด้านการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับพนักงาน ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงรูปแบบร้านและการนำเสนอให้ลูกค้าเข้ามาทดลองใช้ผลิตภัณฑ์มากขึ้น สร้างการรับรู้ว่าเอเซอร์มีสินค้าที่หลากหลาย สร้างประสบการณ์การใช้งาน ให้คนมาดู มาสัมผัส โดยเฉพาะโน้ตบุ๊กไฮบริดที่ต้องใช้เวลามากขึ้นและในอนาคตจะกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างรายได้ ส่วนตลาดโน้ตบุ๊กนั้นยังคงต้องรักษาตลาดให้ดีที่สุด

เอเซอร์ยังเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อความแตกต่างจากคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นการบรรจุ Acer Smart Appศูนย์รวมแอปพลิเคชั่นเพื่อการศึกษาสำหรับนักเรียนโดยเฉพาะ เสริมความพร้อม เพิ่มทักษะด้วยการรวบรวมสื่อความรู้ เนื้อหาเกี่ยวกับการศึกษา การเสริมสร้างทักษะให้กับเยาวชนในด้านต่างๆ พร้อมคลังข้อสอบที่ผ่านการคัดสรรตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้เยาวชนได้ศึกษาและทดลองทำข้อสอบเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับเยาวชนในแต่ละช่วงวัย

นอกจากนี้เอเซอร์ยังได้ร่วมมือกับร้านหนังสือนายอินทร์ นำแอป 'NaiinPann' มาไว้ใน Acer Smart เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้ลูกค้าสามารถเสพข้อมูลดิจิตอลของร้านหนังสือนายอินทร์ โดยความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้ผู้ใช้งานเอเซอร์มีความหลากหลายของคอนเทนต์ ได้รับสิทธิประโยชน์และพัฒนาด้านการอ่านอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งนับจากนี้เอเซอร์จะทะยอยนำเสนอสิ่งที่เป็นมูลค่าเพิ่มออกสู่ตลาดต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น