xs
xsm
sm
md
lg

2556 ปีแห่งมือถือจอยักษ์!?!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประสิทธิ์ วรฉัตราวณิช
ถอดรหัสเทรนด์ร้อนตลาดไอซีที ฟันธงปี 2556 คือปีแห่งสมาร์ทโฟนจอยักษ์ที่เรียกว่า Phablet (อ่านว่าแฟบเล็ต) ลูกผสมระหว่างโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตซึ่งจะแข่งขันดุเดือดอย่างชัดเจน เทรนด์ควรจับตาในปีนี้คือพัฒนาการของ"สมาร์ททีวี"ทีวีต่ออินเทอร์เน็ตที่จะมีบทบาทมากขึ้น รวมถึงอิทธิพลของระบบเก็บข้อมูลคลาวด์คอมพิวติงส่วนตัว และการเปลี่ยนแปลงของระบบ"รหัสผ่าน"หรือพาสเวิร์ดซึ่งเชื่อว่าจะเห็นพัฒนาการที่แตกต่างชัดเจนในปีนี้ ด้านตลาดพีซีถูกจัดเป็นตลาดที่"น่าเป็นห่วง"เพราะมีแนวโน้มยอดขายทรงตัวตลอดปี

เทรนด์โลกไอทีปี 2556 เหล่านี้เป็นข้อสังเกตของประสิทธิ์ วรฉัตราวณิช รองผู้จัดการทั่วไปและผู้อำนวยการฝ่ายนิวมีเดียและอีคอมเมิร์ช บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) หนึ่งในหัวเรือใหญ่ทีมผู้จัดงาน"คอมมาร์ต"รายนี้เชื่อว่าตลาดสมาร์ทโฟนหน้าจอยักษ์ราว 5-7 นิ้วซึ่งถูกตั้งชื่อว่า Phablet (คำผสมระหว่าง Phone และ Tablet) จะขยายตัวอย่างมากในปี 2556 ซึ่งจะนำไปสู่ยุคแห่ง Ubiquitous ช่วงเวลาหลังยุคพีซีที่ชาวโลกจะสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลาเหมือนเป็นสภาพแวดล้อมที่คนต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยตลอดเวลา

"เพราะคนต้องการอุปกรณ์หนึ่งเดียวที่ทำงานได้ครบ แทนที่จะต้องพกอุปกรณ์หลายชิ้น พัฒนาการแบบนี้จะทำให้ปี 2556 เป็นจุดเริ่มต้นของยุค Ubiquitous บน 3 ปัจจัยที่เกื้อหนุน คือเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่ (3G) มีความพร้อม ขณะที่คอนเทนต์ดิจิตอลเพิ่มขึ้นชัดเจน ในเวลาที่อุปกรณ์มาแล้ว ทั้งหมดนี้ทำให้คนรู้ว่าจะทำงานด้วยอะไรบ้าง"

Phablet นั้นเป็นอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหน้าจอใหญ่กว่า 5 นิ้วที่ยังไม่มีการนิยามชัดเจน ขอเพียงเป็นอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่สามารถโทรศัพท์ได้ จุดนี้ทำให้เกิดความสับสนในตลาดเล็กน้อยเพราะค่ายไอทีแดนมังกรอย่างหัวเว่ยซึ่งเปิดตัวอุปกรณ์หน้าจอใหญ่ 8 นิ้วแต่ยังประชาสัมพันธ์ในฐานะสมาร์ทโฟน โดยวางจุดยืนของผลิตภัณฑ์ให้แตกต่างจากแท็บเล็ตที่ความแคบและยาวกว่าเพื่อให้เหมาะกับการพกพา

ความสำเร็จของ Phablet รุ่นใหญ่อย่างซัมซุง แกแลกซี่ โน้ต 2 ในปี 2555 ทำให้มีแนวโน้มสูงว่าจะมีสมาร์ทโฟนจอใหญ่กว่า 5 นิ้วออกสู่ตลาดมากขึ้นนับจากนี้ โดยค่ายที่ประกาศมาแล้วว่าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้มีทั้งหัวเว่ยโฟน (หน้าจอ 8.5 นิ้ว) แอลจี ออปติมัส จี2 (หน้าจอ 5.5 นิ้ว) เอชทีซี ดรอยด์ ดีเอ็นเอ (หน้าจอ 5 นิ้ว) ซัมซุง เอทีฟ เอส (หน้าจอ 4.8 นิ้ว) รวมถึงค่ายใหญ่อย่างโซนีและโนเกียที่กำลังจะเปิดตัว Phablet รุ่นใหม่เต็มตัวในปี 2556

การสำรวจจากบริษัทวิจัยทั่วโลกคาดว่า ยอดขายอุปกรณ์ไอทีปี 2556 ทั่วโลกจะทะลุ 1,500 ล้านเครื่อง เพิ่มจากปี 2555 ที่เชื่อว่ายอดจำหน่ายอยู่ที่เฉลี่ย 1 พันล้านเครื่อง โดยยอดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตรวมกันนั้นแซงหน้ายอดจำหน่ายคอมพิวเตอร์พีซีหลายเท่าตัวต่อเนื่อง และจะยังเป็นแนวโน้มมากขึ้นต่อไปอีกหลายปี

แนวโน้มนี้กระทบตลาดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือเดสก์ท็อปโดยตรง จุดนี้ประสิทธิ์เชื่อว่าแนวโน้มนี้เห็นได้ชัดเจนเมื่อไมโครซอฟท์ประกาศนโยบายวินโดวส์ 8 ว่าระบบปฏิบัติการวินโดวส์เวอร์ชันใหม่จะรันบนโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ตเป็นหลัก การไม่มีชื่อเดสก์ท็อปเป็นสัญญาณว่าตลาดเดสก์ท็อปกำลังถึงทางตัน
หัวเว่ยโฟน (Huawei Phone) หน้าจอใหญ่
"โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เดสก์ท็อปกำลังถูกออกแบบให้ปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ภายในไม่ได้ จุดนี้ทำให้ไม่มีใครอยากมาใช้เดสก์ท็อปซึ่งกำลังจะเป็น Death top ในไม่ช้า เชื่อว่าปี 2556 ยอดขายเดสก์ท็อปจะลดลง"

***ปีแห่งระบบนิเวศน์ดิจิตอล

อนาคตย่อมเป็นผลจากปัจจุบัน ตลาดไอทีปี 2556 ก็จะเป็นปีที่รับอิทธิพลจากระบบนิเวศน์ดิจิตอลในปี 2555 เช่นกัน เชื่อว่าตลาดออนไลน์ปีนี้จะได้รับแรงหนุนจากนโยบายของยักษ์ใหญ่ไอทีทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์

"ปี 2555 มีปรากฏการณ์หลายอย่างที่ผิดเพี้ยนไปจากที่คาดการณ์ เช่นการเปิดตัววินโดวส์ 8 ที่ไมโครซอฟท์เลื่อนจากกำหนดการเดิมคือกลางปีมาเป็นปลายปีจนทำให้ตลาดพีซีซบเซาไปตามกัน หรือการสั่นสะเทือนบัลลังก์ยักษ์ใหญ่แอปเปิล ซึ่งแอนดรอยด์สามารถขยายฐานอำนาจได้รวดเร็วในปี55 พร้อมกับพี่ใหญ่วงการไอทีที่เริ่มเปลี่ยนจากฝั่งญี่ปุ่นมาเป็นเกาหลี ทั้งหมดนี้มีผลกับปี 56 ทั้งสิ้น"

ประสิทธิ์เชื่อว่านโยบายไมโครซอฟท์ที่เปลี่ยนตัวเองจากบริษัทซอฟต์แวร์เป็นบริษัทฮาร์ดแวร์นั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกับตลาดไอทีแล้วในขณะนี้ ยังมียักษ์ใหญ่ผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์อย่างอินเทลที่กำลังขยายไปยังอุปกรณ์พกพา รวมถึงยักษ์ใหญ่โลกออนไลน์อย่างกูเกิล ที่มีแผนปรับเปลี่ยนผลการค้นหาหรือผลเสิร์ช ให้นำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกันทุกด้านเป็นกลุ่มก้อนที่จะให้ความรู้ได้ครอบคลุมมากขึ้น ทั้งหมดจะส่งผลถึงผู้บริโภคในปี 2556

"การแข่งขันของแอปเปิลในสมรภูมิไอทีปี 2556 นั้นเป็นเรื่องน่าสนใจ เพราะรูปแบบการแข่งขันจะย้อนไปเหมือนสมัยพีซี ไมโครซอฟท์ร่วมกับผู้ผลิตพีซีทั่วโลกสู้กับแอปเปิลที่ไม่มีพันธมิตรรายใด ในตลาดสมาร์ทโฟน แอปเปิลก็กำลังต้องสู้กับผู้ผลิตทุกค่ายที่ใช้แอนดรอยด์เหมือนกัน โดยซัมซุงในปี 2556 เชื่อว่าจะยังคิดต่างด้วยการต่อยอดและพัฒนาขึ้น"

ในมุมตลาดออนไลน์ ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกอย่างอเมซอนนั้นชูนโยบายพัฒนาฮาร์ดแวร์ราคาประหยัดเพื่อบุกตลาดคอนซูเมอร์ จุดนี้แม้จะยังไม่แน่ว่าจะทำอะไรอีกในปี 2556 แต่เชื่อว่าตลาดจะได้รับแรงดันจากการเคลื่อนไหวของอเมซอนโดยตรง นอกจากนี้ยังมีเฟซบุ๊ก เครือข่ายสังคมสุดฮิตที่กำลังพยายามทำเงินจากบริการของตัวเอง เช่น การสั่งของขวัญให้เพื่อน การส่งเฟซบุ๊กให้ผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกทางอีเมลแล้วเก็บค่าบริการ 1 เหรียญ ซึ่งทำให้เฟซบุ๊กไม่ต้องพึ่งรายได้จากการโฆษณาทั้งหมด ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊กก็พยายามทำระบบค้นหาหรือเสิร์ชให้เก่งขึ้น เพื่อรองรับโฆษณาให้ดีขึ้น

"มีแนวโน้มว่าเฟซบุ๊กจะสร้างฮาร์ดแวร์ แต่ยังไม่ออกสักที คาดว่าไม่พ้นจากสมาร์ทโฟน และอาจได้เห็นในปี 2556 ผมเชื่อว่าเครื่องจะรันแอปพลิเคชันได้ และสามารถเชื่อมต่อกับเน็ตเพื่อเข้าถึงคลาวด์ คอนเซ็ปต์หลักของอุปกรณ์คือแบบนี้ เชื่อว่าทีวีในอนาคตก็จะเป็นแบบนี้ เข้าสู่ห้องนั่งเล่น เชื่อว่าจะมีการพัฒนาให้สามารถใช้ได้จอเดียว จากปัจจุบันที่ใช้หลายจอ"

ประสิทธิ์เชื่อว่าทีวีจะมีการเปลี่ยนแปลงชัดเจนในปี 2556 โดยอาจจะมีการพัฒนาเป็นทีวีที่สามารถสื่อสารกับผู้ชมได้ 2 ทาง แก้ปัญหาดั้งเดิมของทีวีที่สื่อสารทางเดียว หรือต้องใช้อุปกรณ์อื่นด้วย เช่นโทรศัพท์

"ทั้งหมดนี้ทำให้ปี 2556 คือปีแห่ง Ubiquitous คำว่า Ubiquitous คือช่วงเวลาที่คนไอทีเชื่อว่าจะเกิดขึ้นในหลังยุคแห่งพีซี อุปกรณ์จะทำให้คนเชื่อมต่อได้ทุกที่ทุกเวลา เป็นสภาพแวดล้อมที่คนต้องอยู่กับมัน"
ประสิทธิ์เชื่อว่าทีวีจะมีการเปลี่ยนแปลงชัดเจนในปี 2556
***หลายเทคโนโลยีเปลี่ยนและยังไม่เกิด

ประสิทธิ์เชื่อว่าอัลตราบุ๊ก คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กพกพาขนาดบางเบาพิเศษที่อินเทลจงใจปั้นแต่งนั้นจะยังไม่แพร่หลายในปี 2556 เหตุผลคือราคายังแพงจนอาจทำให้โครมบุ๊ก (Chrome book) ของกูเกิลมีอิทธิพลมากกว่า หากในตลาดมีเครือข่ายที่พร้อม เพราะเครื่องสามารถใช้งานได้รวดเร็ว สะดวกสบาย และราคาถูก

โครมบุ๊กคือโน้ตบุ๊กที่ผู้ใช้ไม่ต้องติดตั้งระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์ลงในเครื่อง แต่จะต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อใช้งานแอปพลิเคชันและเก็บบันทึกไฟล์ให้สามารถเปิดเข้าถึงได้จากทุกที่ทุกเวลา จุดนี้ส่งผลถึงอุปกรณ์ระบบ"คลาวด์ส่วนตัว"ที่จะมีอิทธิพลมากขึ้นในปี 2556 โดยเชื่อว่าอุปกรณ์ที่ใช้กับระบบคลาวด์ของบ้าน (ที่มีความจุมากกว่าระบบคลาวด์ของระบบสมาร์ทโฟน) จะได้รับความนิยมในรูปอุปกรณ์เอ็กซ์เทอร์นอลฮาร์ดไดร์ฟที่เชื่อมต่อกับคลาวด์ได้ โดยผู้ใช้สามารถส่งภาพหรือไฟล์เพื่อแบ่งปันให้สมาชิกในบ้านได้สะดวกกว่า อุปกรณ์นี้เริ่มจำหน่ายในไทยแล้วด้วยราคา 4 พันบาท

อีกเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนแปลงไปคืออีอิงก์ หรือหมึกอิเล็กทรอนิกส์ที่จะพัฒนาไปเป็นอุปกรณ์อื่นนอกเหนือจากเครื่องอ่านอีบุ๊กมากขึ้นในปีนี้ โดยอาจไปอยู่บนบัตรเครดิต หรือบนเคสโทรศัพท์มือถือสำหรับดูข้อมูลที่ไม่ต้องการอัปเดทเรียลไทม์ ซึ่งจะลดการใช้พลังงานของสมาร์ทโฟนลงเพราะผู้ใช้ไม่ต้องเปิดหา เบื้องต้นเคสลักษณะนี้มีชื่อเรียกว่า"เคสดูอัลสกรีน" กำหนดการวางขายคือปี 2556

ความเปลี่ยนแปลงจะเกิดกับเทคโนโลยีรหัสผ่านด้วยในปี 2556 รหัสผ่านจะถูกมองว่าไม่ปลอดภัยอีกต่อไปเพราะข่าวการแฮกหรือความผิดพลาดซึ่งทำให้เกิดความเสียหายซ้ำแล้วซ้ำอีก ทั้งหมดนี้ทำให้การตั้งรหัสผ่านด้วยข้อความกำลังลดอิทธิพล และจะส่งให้เกิดแนวคิดใหม่ของการตั้งรหัสผ่านในปีนี้

"รหัสผ่านที่คาดว่าจะมีบทบาทมากขึ้นในปีหน้าคือการใช้ภาพ โดยผู้ใช้จะตั้งค่าจุดที่สัมผัสเพื่อปลดล็อกหน้าจอ ยังมีการใช้ข้อมูลชีวภาพ เช่น ระบบลายนิ้วมือหรือการใช้ระบบเส้นเลือดดำ รวมถึงการใช้ข้อมูลส่วนตัวหลายข้อเป็นคำถาม (Multi factor Password) และการใช้สมาร์ทการ์ด"

***ปีแห่งอีคอมเมิร์ชหลายช่องทาง

"อีคอมเมิร์ชก่อนนี้อยู่เฉพาะบนคอมพิวเตอร์ วันนี้จะเป็น Multi Storefront E Commerce ที่จะพร้อมขายได้บนหลายอุปกรณ์ทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก และเดสก์ท็อป"
โครมบุ๊ก (Chrome book) ของกูเกิล
ประสิทธิ์อธิบายว่าสิ่งที่เกิดวันนี้คือการค้าออนไลน์ระหว่างผู้บริโภคด้วยกันหรือ C2C นั้นเติบโตต่อเนื่อง เชื่อว่าทิศทางนี้จะขยายตัวต่อไปในปี 2556 ปัจจัยเอื้อที่สำคัญคือความพร้อมของอุปกรณ์พกพาที่พร้อมให้ผู้บริโภคสร้างคอนเทนต์และลงมาจำหน่ายสินค้าออนไลน์ด้วยตัวเอง ขณะที่เครือข่ายสังคมอย่าง Pinterest ก็ช่วยให้เกิดการขายได้ตลอดเวลา

แนวโน้มเหล่านี้ทำให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ชส่อแววปรับตัวต่อเนื่องในปี 2556 บางส่วนอาจปรับตัวเองให้สามารถทำเงินกับระบบ C2C ที่มากกว่าโฆษณา เช่น การลงทุนระบบเครื่องมือเปรียบเทียบราคา หรือการร่วมมืออื่นๆที่ส่งเสริมให้เกิด C2C ที่เป็นประโยชน์กับธุรกิจ

"ประเด็นที่น่าสนใจคืออีคอมเมิร์ชยุคปัจจุบันกำลังทำให้ร้านค้าจริงเป็นแค่โชว์รูมหรือเป็นจุดรับสินค้าเท่านั้น โดยลูกค้าดิจิตอลจะเทียบราคาเพื่อนำไปซื้อบนออนไลน์ ตรงนี้เริ่มเห็นหลายเจ้าปรับตัว เช่น บิ๊กซี หรือโลตัส ที่เริ่มขยายตลาดเข้าไปบนโลกอุปกรณ์ไอทีพกพา"

อีกแนวโน้มที่เชื่อว่าจะมาแรงในปี 2556 คือเครื่องพิมพ์ 3 มิติ เครื่องพิมพ์งานที่สามารถพิมพ์ชิ้นงานทั้งชิ้นได้ เช่นการพิมพ์ภาพปืนหนึ่งกระบอกทั้งด้านกว้าง ยาว และสูงลงในวัสดุพลาสติก ข้อมูลระบุว่าขณะนี้ราคาเครื่องลดลงเหลือต่ำกว่า 1,000 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งประสิทธิ์คาดว่าจะสามารถนำเครื่องมาโชว์ในงานคอมมาร์ตได้ช่วงกลางปี 2556

***ปีแห่งจุดเริ่มต้น 3G เต็มใบของไทย

"แนวโน้มตลาดไอทีบ้านเราคือผู้บริโภคจะซื้ออุปกรณ์มากขึ้น สิ่งที่หลายคนคาดหวังคือ 3G จะทำให้อุปกรณ์เหล่านี้มีประโยชน์มากขึ้น ซึ่งต้องมีคอนเทนต์เพิ่มขึ้น แต่ถ้าถามเรื่องสินค้าแต่ละตัว เชื่อว่าวินโดวส์ 8 จะต้องใช้เวลากว่าจะเริ่มขยายตัวแพร่หลายในช่วงไตรมาส 3 ปีหน้า เพราะต้นปียังเป็นการเทกระจาด ไตรมาส 2 เป็นการเปิดตลาดสินค้าใหม่ เชื่อว่าไตรมาส 3 จึงจะแพร่หลาย"

สำหรับตลาดไทย ประสิทธิ์เชื่อว่าอัลตราบุ๊กจะมาแรงในปี 2556 หากสามารถทำราคาลดลงถึงระดับไม่เกิน 2 หมื่นบาท เมื่อนั้นอัลตราบุ๊กจะสามารถทานกระแสแท็บเล็ตได้ เช่นเดียวกับสินค้ากลุ่มโน้ตบุ๊กที่สามารถถอดเปลี่ยนแปลงร่างหรือ Convertible จะยังต้องใช้เวลา และต้องดูปัจจัยราคาเป็นสำคัญ

"ประสบการณ์ทำคอมมาร์ต พบว่าแท็บเล็ตราคา 1,000-2,000 บาทจากจีนขายดีมาก เหมือนให้ผู้ใช้ทดลองใช้เพื่อเปลี่ยนและมีความรู้ในอนาคต"

ทั้งหมดนี้ ประสิทธิ์ทิ้งท้ายว่าไม่สามารถฟันธงได้ว่าเทคโนโลยีใดจะหมดอิทธิพลในปี 2556 เนื่องจากกลยุทธ์ทุกอย่างนั้นมีปัจจัยต่อตลาดทั้งสิ้น โดยแนวโน้มทั้งหมดนี้สรุปมาจากสิ่งที่ค่ายไอทีประกาศสู่สาธารณะชนแล้วเท่านั้น ซึ่งยังมีอีกหลายสิ่งที่ทุกค่ายยังอุบไว้เป็นความลับเพื่อการแข่งขันตลอดปี 2556 ที่เชื่อว่าจะร้อนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก.
กำลังโหลดความคิดเห็น