นับตั้งแต่แอปเปิลประกาศเปิดตัวอุปกรณ์ไอทีใหม่อย่างแท็บเล็ตที่เรียกว่า iPad หรือชื่อเล่นเอาไว้แซวขำๆ อย่างกระดานชนวนอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อปี 2010 ซึ่งการเข้ามาของ iPad นั้นทำให้เกิดแรงกระเพื่อมอย่างรุนแรง และก่อให้เกิดคำถามในใจขึ้นมาว่า iPad มีเอาไว้ใช้งานอะไร ?
ตลอดระยะเวลา 2 ปี เชื่อว่าคงจะเห็นกันชัดเจนแล้วว่าจาก iPad เครื่องแรกที่เริ่มเปิดตัว ในเดือนเมษายนปี 2010 จนถึงปัจจุบัน ตลาดแท็บเล็ตมีการขยายตัวอย่างมากจนส่งผลให้ผู้เล่นหลายค่ายต่างดาหน้าเข้ามาช่วงชิงตลาดนี้กันอย่างคับคั่ง ทำให้อุตสาหกรรมแท็บเล็ตนับวันจะยิ่งโตขึ้น จนขณะนี้แท็บเล็ตคือสิ่งที่ทุกคนสามารถนำไปใช้งานได้แทบจะทุกรูปแบบ กระทั่งเข้าไปเบียดเสียดแย่งพื้นที่เดิมของโน้ตบุ๊ก เน็ตบุ๊ก และพีซี
คำถามจึงเกิดขึ้นว่าโน้ตบุ๊ก-เน็ตบุ๊ก-พีซี กำลังจะตายไปแล้วใช่หรือไม่ ? และแท็บเล็ตกำลังจะเข้ามาแทนที่ทั้งหมดใช่หรือไม่ ? หรือแท็บเล็ตเป็นแค่กระแสที่มาแล้วก็จะผ่านไป
***โน้ตบุ๊ก-พีซี-เน็ตบุ๊ก กำลังตกยุค ?
ย้อนหลังไปสัก 15 ปีก่อน ขณะนั้นตลาดคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะพีซีเป็นที่นิยมมากที่สุด ขณะเดียวกันคอมพิวเตอร์แบบพกพาอย่างโน้ตบุ๊กก็เข้ามาตอบโจทย์ในสิ่งที่พีซีทำไม่ได้ นั่นคือการใช้งานนอกสถานที่ จนเคยมีคนคิดกันเล่นๆ ว่าโน้ตบุ๊ก คืออุปกรณ์ที่จะเข้ามาทำลายล้างการใช้งานของพีซี แต่ 15 ปีผ่านไปท้ายที่สุดตลาดพีซีก็ยังไม่โดนโน้ตบุ๊กชนะได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด แม้ว่าส่วนแบ่งการใช้งานจะค่อยๆ ลดลงไม่แพร่หลายเหมือนเดิม
ถึงกระนั้นก็เชื่อขนมกินได้ต่อไปว่าพีซีจะยังคงอยู่ และจะไม่จางหายไปกับสายลม แม้ว่าผู้ต่อกรของพีซี จะเป็นแท็บเล็ต จะเป็นโน้ตบุ๊ก หรือจะเป็นอัลตร้าบุ๊กก็ตามที
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีตลาดเกิดขึ้นใหม่อย่างเน็ตบุ๊ก เข้ามาตอบโจทย์การใช้งานพกพาง่ายและสะดวกกว่าโน้ตบุ๊ก สำหรับคนที่ใช้ทำงานไม่มาก แค่งานเอกสาร ไม่มีการใช้งานกราฟิกที่ต้องมีการ์ดจอแรงๆ หน่วยประมวลผลเร็วๆ แต่ใครจะเชื่อว่าอายุของเน็ตบุ๊กสั้นเกินคาด เมื่อแอปเปิล เปิดตัว iPad
ถึงแม้ว่า iPad จะไม่ได้เป็นแท็บเล็ตชิ้นแรกของโลกใบนี้ แต่ทว่าการมาของ iPad ทำให้ตลาดเน็ตบุ๊กสั่นคลอน จนถึงปี 2012 ตลาดเน็ตบุ๊กแทบไม่มีที่ยืนอีกต่อไป เพราะ iPad และแท็บเล็ตสายพันธุ์อื่นเข้ามาตีโจทย์แตกตรงความต้องการของผู้ใช้ เพราะสิ่งที่เน็ตบุ๊กทำได้ บนแท็บเล็ตก็ทำได้ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติที่เลิศเลอกว่านั่นคือแอปพลิเคชัน การใช้งานผ่านการสัมผัส และการต่อคีย์บอร์ดก็ทำได้ ทำให้เน็ตบุ๊กกำลังจะตายลงไปในไม่ช้า
ถ้าเป็นเช่นนั้นแท็บเล็ตกับโน้ตบุ๊ก ใครจะอยู่ใครจะไป ?
ในแง่ประสิทธิภาพของแท็บเล็ตยังมิอาจเทียบเท่ากับโน้ตบุ๊กได้ร้อยเปอร์เซนต์ เพราะแท็บเล็ตเองยังไม่มีอุปกรณ์เชื่อมต่อด้านฮาร์ดแวร์ที่หลากหลายเหมือนโน้ตบุ๊ก แต่ถ้าลองสังเกตดีๆ จะเห็นว่าแท็บเล็ตเองกำลังทลายช่องว่างระหว่างแท็บเล็ตกับโน้ตบุ๊กได้ทีละเล็กละน้อย
ชิปประมวลผล ชิปกราฟิก ของแท็บเล็ตเริ่มจะฉลาดเก่งกาจเท่าโน้ตบุ๊ก แท็บเล็ตสามารถเล่นเกมได้ ไม่แพ้โน้ตบุ๊ก และเมื่อใดก็ตามที่นักพัฒนา สามารถพัฒนาแอปพลิเคชันจำพวกชุดออฟฟิศได้สมบูรณ์แบบเมื่อไหร่ ความต่างระหว่างแท็บเล็ตและโน้ตบุ๊ก จะหายลงไปทันใด เมื่อนั้นเองโน้ตบุ๊กอาจจะเป็นฝ่ายล้มลงไปนอนให้กรรมการนับ 10 ก็เป็นได้
ด้วยรูปทรงที่เล็ก และเบา แต่มีประสิทธิภาพ ทั้งสามารถพลิกแพลงใช้งานได้หลายรูปแบบ ทำให้แท็บเล็ตโดนใจผู้ใช้มากขึ้นทุกวัน
***แท็บเล็ตแค่กระแสหรือของจริง
ถึงตอนนี้คงต้องบอกว่าแท็บเล็ตยังเป็นเพียงแค่สิ่งที่เสริมเข้ามาจากการใช้งานสมาร์ทโฟน ของคนที่ต้องการเข้าเว็บ แล้วมองว่ามือถือหน้าจอเล็กไป ครั้นจะพกโน้ตบุ๊กตะลอนไปมาเพื่อดูเว็บไซต์ตลอดเวลาก็ใช่เรื่อง ดังนั้นไม่ได้เป็นเรื่องแปลกที่จะมองว่าแท็บเล็ตยังเป็นเพียงแค่ตลาดที่เข้ามาเสริมเท่านั้น แต่อย่าลืมว่า แท็บเล็ตที่จำหน่ายเมื่อปี 2010 และแท็บเล็ตที่จะจำหน่ายในปี 2012 มีความต่างกันตั้งแต่การดีไซน์ น้ำหนัก สเปกด้านในของเครื่อง รูปแบบการใช้งาน ประสิทธิภาพ สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ปฐม อินทโรดม กรรมการบริหารและผู้จัดการทั่วไป บริษัท เออาร์ไอพี ผู้จัดงานคอมมาร์ต ให้มุมมองว่า ตลาดแท็บเล็ตขณะนี้ยังเป็นตลาดที่ตีคู่มากับโน้ตบุ๊ก เสมือนเป็นตลาดที่เสริมกันและกัน คนยังพกโน้ตบุ๊ก และแท็บเล็ตเพื่อการทำงานที่แตกต่างกัน
'ถ้าหากโน้ตบุ๊กในประเทศไทยขายได้ 5-6 หมื่นเครื่อง แท็บเล็ตก็จะขายได้ราว 2-3 หมื่นเครื่อง'
การที่จะบอกว่าแท็บเล็ตเป็นของจริง หรือเป็นกระแส ต้องดูหลังจากนี้ไป ในระยะเวลา 3 ปีหลังจากนี้ จะเป็นสิ่งที่ตัดสินได้อย่างแน่ชัดจะแจ้งว่าแท็บเล็ตจะเข้ามาแทนที่โน้ตบุ๊กได้หรือไม่ แต่อย่างยอดขายเมื่องานคอมมาร์ตที่ผ่านมา ความนิยมของแท็บเล็ตก็สามารถเบียดขึ้นมาเป็นอันดับ 2 แซงสมาร์ทโฟนขึ้นมาได้แล้ว
'อนาคตผู้ใช้งาน 100 คน อาจจะมีคนใช้โน้ตบุ๊กแค่ 20 คน อีก 80 คนเป็นแท็บเล็ต เพราะเมื่อถึงจุดนั้นแท็บเล็ตจะทำงานได้ดีกว่า ถูกกว่า'
ถ้าหากภายใน 3 ปีนี้ แท็บเล็ตยังทำได้ดีแล้วพัฒนาได้เหมือนกับทุกวันนี้ โอกาสที่แท็บเล็ตจะขึ้นมาแทนที่โน้ตบุ๊ก ก็จะเป็นไปได้สูงมาก
***วันพรุ่งนี้ของแท็บเล็ต
สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับแท็บเล็ตจากนี้ไปนั่นคือ แท็บเล็ตอาจกลายเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมหลักในการพัฒนาส่วนของคอนเทนต์ต่างๆ สื่อสิ่งพิมพ์ นิตยสาร รวมไปถึงหนังสือพิมพ์จะกระโจนเข้าไปอยู่ในแท็บเล็ตมากขึ้น เพราะโลกกำลังจะก้าวเข้าสู่ความเป็นดิจิตอลเต็มตัว วงการสื่อจะขยับไปสู่โลกของนิวมีเดียมากขึ้น
และในขณะนี้แท็บเล็ตเริ่มเข้าไปสู่สถานที่ต่างๆ มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นสำนักงานหลายแห่งเริ่มมีการสนับสนุนให้ใช้แท็บเล็ตเป็นเครื่องมือในการทำงาน สถานศึกษากำลังจะยกระดับให้แท็บเล็ตกลายเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ (แต่ทั้งนี้จะต้องพัฒนาคอนเทนต์ด้านการศึกษาด้วย) นอกจากนี้บรรดาเจ้าของกิจการต่างๆ อย่าง ร้านโชห่วย ก็สามารถนำแท็บเล็ตไปเช็กราคา เช็กยอดขาย ดูสต็อกสินค้าได้อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้จะเชื่อมโยงไปยังนักพัฒนาแอปพลิเคชันต่างๆ ที่สามารถนำเสนอแอปพลิเคชันของตัวเองผ่านแอปสโตร์ ของระบบปฏิบัติการนั้นๆ รวมทั้งกระบวนการการนำเสนอ ช่องทางการโปรโมทแอปฯ จะทำได้ง่ายกว่าสมัยที่ยังเป็นโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์อีกด้วย
ทำให้ทิศทางและแนวโน้มของโลกจากนี้ไปคอนเทนต์จะเป็นสิ่งที่ช่วยฉุดกระชากลากถู ส่งเสริมให้แท็บเล็ตกลายเป็นอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง แต่จะถึงขั้นกินตลาดโน้ตบุ๊ก-พีซี-เน็ตบุ๊ก จนเหี้ยนเตียนหรือไม่นั้น เชื่อว่าคงไม่ถึงขนาดนั้น แต่แท็บเล็ตก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นผู้นำตลาดทั้งหมดได้ ถ้าการพัฒนาแท็บเล็ตยังทรงประสิทธิภาพเหมือนเวลานี้