ประเทศไทยไม่ได้มีแค่กรุงเทพฯ ตลาดสมาร์ทโฟน ก็ไม่ได้มีแค่แอปเปิล ซัมซุง หรือโนเกีย เท่านั้น แต่ยังมีกลุ่มสามารถที่เรียกได้ว่าเป็นพี่เบิ้มในตลาดมือถือเฮ้าส์แบรนด์ในไทย ด้วยโปรดักส์ที่หลากหลาย ตอบสนองกลุ่มผู้ใช้งานที่ต้องการของดีราคาย่อมเยาที่ต้องการสมาร์ทโฟน ทัชสกรีน ในราคาไม่กี่พันบาท ขณะที่ตลาดสมาร์ทโฟน ก็ไม่ได้เติบโตแค่ในกทม. แต่ยังมีต่างจังหวัดที่ความต้องการมหาศาลรออยู่
กลุ่มสามารถในวันนี้ มีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับเรื่อง 3G ใน 3 ด้านคือ 1.การเป็นผู้ติดตั้งโครงข่าย 3G ทีโอทีเฟสแรก 2.การเป็นผู้ให้บริการ MVNO 3G ของทีโอที และ 3.การเป็นผู้นำเข้าและทำตลาดโทรศัพท์มือถือแบรนด์ไอ-โมบาย ซึ่งเรียกได้ว่าครบเครื่องทั้งวางโครงข่าย ทำการตลาด และขายเครื่องลูกข่าย
ภายหลังจากกลุ่มสามารถแสดงเจตนารมณ์ในการจะเข้าไปเสนอแผนการดำเนินงานโครงการขยายโครงข่ายให้บริการโทรศัพท์มือถือ 3G เฟส 2 ในย่านความถี่ 1900 MHz ของทีโอทีโดยจะร่วมกับบริษัท ล็อกซเล่ย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบโครงการดังกล่าวภายใต้ชื่อกิจการร่วมค้า เอสแอล คอนซัลเตียม ในการติดตั้งสถานีฐานเพิ่มอีกกว่า 15,000 สถานีฐานจากเดิมเฟสแรก 5,320 ไซต์ ภายใต้งบประมาณ 30,000 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มสามารถตั้งเป้าโปรเจกต์ดังกล่าวจะได้สัดส่วนประมาณ 60-70% โดยจะเน้นเดินกลยุทธ์ใหม่คือการหาสถานีฐานเอง ลดการโค-ไซต์หรือใช้สถานีฐานร่วมกับเอกชน ควบคู่กับการจัดทำแผนที่พื้นที่ให้บริการ
จากปัจจัยดังกล่าวทำให้กลุ่มสามารถตัดสินใจเปิดตัวซับแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อ 'ไอคิว' (IQ) เพื่อรองรับโปรเจกต์ 3G เฟส 2 ในปีหน้าโดยจะเน้นเจาะตลาดสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะ
วัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่นกล่าวว่า การเปิดตัวซับแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อ ไอคิวIQ ของสามารถ ไอ-โมบาย นั้นถือเป็นการรองรับการมาของ 3G ทีโอที เฟส 2 ในปีหน้า และเพื่อเป็นการสร้างจุดเปลี่ยนของตลาดสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยม โดยในอนาคตจะเน้นหนักการทำตลาดกลุ่มสมาร์ทโฟนมากกว่าฟีเจอร์โฟนทั่วไป เนื่องจากแนวโน้มตลาดฟีเจอร์โฟนจะมียอดขายน้อยลง สวนทางกับสมาร์ทโฟนจะมียอดขายเติบโตมากขึ้นจากหลายปัจจัยซึ่งเทคโนโลยี 3G ก็ถือเป็นปัจจัยหลัก
อีกทั้งแนวโน้มยอดขายสมาร์ทโฟนในตลาดโทรศัพท์มือถือก็เพิ่มสูงขึ้นทุกปี โดยดูได้จากตลาดรวมโทรศัพท์มือถือทั้งปี 55 ราว 14 ล้านเครื่องมีสัดส่วนสมาร์ทโฟน 20% หรือราว 4 ล้านเครื่อง และจะเพิ่มเป็น 40% หรือประมาณ 6-7 ล้านเครื่องในปี 56 ขณะที่สามารถไอ-โมบายคาดว่าในปีนี้จะมียอดจำหน่ายโทรศัพท์ทั้งหมดราว 3.5 ล้านเครื่องของตลาดรวม ซึ่งแบ่งสัดส่วนเป็นฟีเจอร์โฟน 70% สมาร์ทโฟน 30% หรือราว 600,000 เครื่อง และมีรายได้ราว 7,000-8,000 ล้านบาท
ส่วนในปี 56 สัดส่วนจะเปลี่ยนไปเป็นสมาร์ทโฟน 70% หรือมียอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนราว 2 ล้านเครื่องจากตลาด 6 ล้านเครื่อง ซึ่งจะทำให้สามารถไอโม-บายมีรายได้สูงถึง 10,000 ล้านบาท จากยอดขายสมาร์ทโฟนที่เพิ่มสูงขึ้น และราคาเฉลี่ยต่อเครื่องที่จะสูงขึ้นตามเช่นเดียวกัน
วัฒน์ชัยกล่าวว่า แค่ยอดขายไอ-โมบายในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ เฉพาะสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตรวมกันสูงถึง 150,000-200,000 เครื่องแล้ว
สำหรับภารกิจของซับแบรนด์ IQ มุ่งเจาะ 3 กลุ่มหลัก สุภสิทธิ์ รักกสิกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สามารถมัลติมีเดีย กล่าวว่า บริษัทเริ่มมีการเปิดตัวซับแบรนด์ใหม่ภายใต้สามารถไอ-โมบายมาตั้งแต่ไตรมาส 2 แล้วโดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ 1.ฟีเจอร์โฟน ภายใต้รุ่น Hitz เป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มเบสิกโฟน ใช้งานง่าย และมีราคาย่อมเยา รุ่น Zaa กลุ่มฟีเจอร์โฟนที่มีฟังก์ชั่นหลากหลายการใช้งานคุ้มค่า และรุ่น idea เป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มสมาร์ทฟีเจอร์โฟน สามารถออนไลน์โซเชียลเน็ตเวิร์ก รวมถึงใช้งานแอปพลิเคชั่นต่างๆ โดยลูกค้าส่วนใหญ่ในกลุ่มฟีเจอร์โฟนจะเน้นความคงทน ไม่เน้นลูกเล่นมากนัก โดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัดที่เป็นแม่บ้าน และตลาดผู้ใช้แรงงานในกทม.เป็นตลาดหลัก
2.สมาร์ทโฟนระดับกลางภายใต้รุ่น i-Style เป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มสมาร์ทโฟน 3G แอนดรอยด์ ใช้งานง่าย ราคาประหยัดแต่มีฟีเจอร์หรือลูกเล่นเยอะ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนักเรียนนักศึกษา ราคาเฉลี่ยประมาณ 3,000-4,000บาท และ 3.ซับแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อ IQ ซึ่งถือเป็นสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมแต่ราคาระดับกลาง โดยมีราคาตั้งแต่ 6,000-7,000บาทใน 3 รุ่นแรกคือ IQ1 IQ2 และ IQ 5 และจะมีการเปิดตัวในระดับราคา 8,000-10,000 บาทภายในปีหน้าด้วย โดยใน3รุ่นตั้งเป้ายอดขายไว้ 150,000 เครื่องภายในปีนี้ ส่วนในปี 56สามารถไอโมบายตั้งเป้ายอดขาย IQ ไว้ที่ 1 ล้านเครื่อง และสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ อีก 1 ล้านเครื่อง โดยในช่วงแรก ของการสร้างซับแบรนด์ใหม่ให้ติดตลาด จะติดชื่อไอ-โมบายไว้ใต้ชื่อ IQ เสมือนเป็นพี่เลี้ยงให้ซับแบรนด์ใหม่ไปสักระยะหนึ่งก่อน
นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนการขยายบริการทำตลาดบนโครงข่ายเสมือน (MVNO) ที่สามารถ ไอ-โมบายทำตลาดให้ทีโอทีอยู่ โดยจะมีการรีแบรนด์ดิ้ง ไอ-โมบาย 3GX อีกครั้ง เพื่อให้ตลาดมีการรับรู้แบรนด์มากขึ้น ซึ่งจะเริ่มทำตลาดอย่างจริงจังอีกครั้งในต้นปีหน้าเป็นต้นไป หลังจากที่โครงข่ายครบ 5,320 แห่งแล้ว ซึ่งขณะนี้ ลูกค้า MVNO มีเพียง 2 แสนราย แต่ในปีหน้าบริษัทเชื่อว่าจะมีลูกค้ามากขึ้นไม่น้อยกว่าเดือนละแสนรายที่ เป็นลูกค้าใหม่
'IQ ด้วยรูปลักษณ์ คุณสมบัติการใช้งานและราคาที่ถูกกว่า รับประกันได้ว่าแข่งกับอินเตอร์แบรนด์ได้สบายมาก โดยเฉพาะสเปกที่ไม่แพ้อินเตอร์แบรนด์ชื่อดังทั้งหลาย โดยเฉพาะซัมซุง และนอกจะจากทำตลาดในเมืองไทยแล้ว อีกไม่นานจะได้เห็น IQ โกอินเตอร์บ้าง โดยในช่วงแรกเปิดตัวแล้วที่ พม่า ลาว ด้วยยอดขายหลักหมื่นตัว และขณะนี้อยู่ในระหว่างคุยกับอีกหลายประเทศเช่นที่ฟิลิปปินส์'