บก.ปอศ.ประกาศแผนปราบซอฟต์แวร์เถื่อนครึ่งปีหลัง โฟกัสผู้ค้าคอมพ์-บริษัทในนิคมอุตสาหกรรมเป็นพิเศษ ระบุช่วงครึ่งปีแรกบุกจับผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ได้ 91 บริษัท มูลค่าเสียหายกว่า 174 ล้านบาท
พ.ต.อ.ชัยณรงค์ เจริญไชยเนาว์ รองผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การกำกับดูแลของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บก. ปอศ.ได้ดำเนินคดีต่อองค์กรธุรกิจที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์บนเครื่องพีซีทั้งหมด 91 แห่ง ซึ่งได้ทำการติดตั้งซอฟต์แวร์ผิดกฎหมายลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวน 1,434 เครื่อง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 174 ล้านบาท โดยเป็นซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ของบริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ เช่น ไมโครซอฟท์ ออโต้เดสก์ และไทยซอฟท์แวร์เอ็นเตอร์ไพรส์
ทางกองบังคับการฯ มีนโยบายเร่งปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์บนเครื่องพีซีในภาคธุรกิจใน 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือบริษัทที่อยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วประเทศ เน้นไปที่การให้ข้อมูลและการทำประชาสัมพันธ์ได้ทราบถึงแผนงานปราบปรามและโทษภัยของการใช้ซอฟต์แวร์ผิดกฎหมายในการทำธุรกิจเพื่อเป็นการแจ้งเตือน กลุ่มที่สองคือกลุ่มผู้ค้าปลีกเครื่องและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โดยจะเร่งทำการประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนได้ทราบถึงความเสี่ยงในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลอันเกิดจากการใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์
“บก.ปอศ.จะสืบค้นหาหลักฐานและปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์บนเครื่องพีซีในองค์กรธุรกิจอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาในด้านโปรแกรมคอมพิวเตอร์และลดอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในประเทศ”
ทาง บก.ปอศ.เข้าใจดีว่าการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์บนเครื่องพีซีไม่ใช่อาชญากรรมตามท้องถนนโดยทั่วไป ดังนั้นงานด้านการป้องปรามจึงมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่างานด้านการปราบปราม โดยหวังว่าองค์กรธุรกิจจะมีการนำเอาหลักกการธรรมาภิบาลด้านไอทีมาใช้เป็นแนวทางปฏิบัติกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น
“บก.ปอศ.ต้องการกระตุ้นเตือนให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจถึงความเสี่ยงในการใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งมีโอกาสที่จะมีผู้ไม่หวังดีมาขโมยข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ และก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินดังที่ปรากฏเป็นข่าวเมื่อไม่นานมานี้” พ.ต.อ.ชัยณรงค์ กล่าว
การที่ทาง บก.ปอศ.ตั้งเป้าหมายบุกเข้าตรวจค้นองค์กรธุรกิจไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมนั้น เนื่องจากเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์บนเครื่องพีซีในอัตราที่สูง เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมในภาคการผลิต ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและออกแบบตกแต่ง ซึ่ง บก.ปอศ.เล็งเป้าหมายไปที่โรงงานกว่า 1,200 แห่ง บริษัทผู้ส่งออก 600 แห่ง รวมทั้งบริษัทรับเหมาก่อสร้างและออกแบบตกแต่งประเภทธุรกิจละ 350 แห่ง นอกจากนี้ยังจะขยายผลไปถึงผู้ซื้อและผู้ขายซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ทั่วประเทศอีกด้วย
ประเทศไทยได้ดำเนินการจัดการกับปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์มาได้เป็นอย่างดีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยจากความร่วมมือของหน่วยงานรัฐและภาคเอกชนทำให้อัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์บนเครื่องพีซีลดลงจาก 80% ในปี 2549 ลงมาเหลือ 72% ในปี 2554 ตามรายงานของอินเตอร์เนชันแนล ดาต้า คอร์ปอเรชัน หรือไอดีซี
ทุกฝ่ายหวังว่าความสำเร็จที่เกิดขึ้นร่วมกันจะทำให้ประเทศไทยสามารถหลุดพ้นจากสถานะประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ หรือ PWL ตามรายงานของสํานักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 ซึ่งจะมีการประเมินประเทศคู่ค้าแต่ละแห่งเป็นรายปีในเรื่องการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาและแนวทางปฏิบัติว่าด้วยการเข้าถึงตลาด (Market Access Practice) อีกทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมในการที่ประเทศไทยกำลังจะก้าวไปเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558
“ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อบริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ข้ามชาติ แต่ยังกระทบการสร้างสรรค์ซอฟต์แวร์ของไทย อันเป็นอุปสรรคที่สำคัญต่อการส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนด้วยนวัตกรรมและการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐ”
ภายใต้ พ.ร.บ ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 การละเมิดลิขสิทธิ์โปรแกรมคอมพิวเตอร์มีบทลงโทษทั้งจำและ/หรือปรับ ผู้ที่แจ้งเบาะแสการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ผ่านทางหมายเลขโทรศัพท์ 0-2714-1010 หรือผ่านทางเว็บไซต์ มีสิทธิ์ได้รับเงินรางวัลสูงสุดถึง 250,000 บาท โดยข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสจะถูกเก็บไว้เป็นความลับ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.stop.in.th
Company Relate Link :
บก.ปอศ.