18 พฤษภาคม 2012 คือวันที่เฟซบุ๊ก (Facebook) ยักษ์ใหญ่เครือข่ายสังคมเบอร์ 1 ของโลกจะประกาศขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์อย่างเป็นทางการ โดยประกาศราคาเสนอขายหุ้นครั้งแรกหรือ IPO ด้วยราคา 38 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น ซึ่งส่งให้มูลค่าบริษัทของเฟซบุ๊กสูงถึง 1.04 แสนล้านเหรียญสหรัฐ
วันนี้ สื่อต่างประเทศจึงพุ่งเป้านำเสนอเรื่องราวของเฟซบุ๊กเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในแง่การเป็นบริษัทมูลค่าแสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเกิดขึ้นในเวลาเพียง 8 ปีนับตั้งแต่เฟซบุ๊กแจ้งเกิดครั้งแรกในปี 2004
หนึ่งในเรื่องราวนั้นคือการชูเหตุการณ์สำคัญของเฟซบุ๊กในช่วง 8 ขวบปีที่ผ่านมา ซึ่งพบว่า "ชาวออนไลน์" อย่างพวกเราทุกคนนี้เองที่เป็นส่วนสำคัญให้เฟซบุ๊กกลายเป็นบริษัทที่ระดมเงินทุนได้หลายพันล้านบาทในวันนี้
ข้อมูลระบุว่า เฟซบุ๊กจะนำหุ้นออกขาย IPO ทั้งหมด 421 ล้านหุ้น ในจำนวนนี้คิดเป็นหุ้นที่เฟซบุ๊กดำเนินการจำหน่ายเอง 180 ล้านหุ้น ที่เหลืออีกมากกว่า 200 ล้านหุ้นเป็นของนักลงทุนที่ซื้อหุ้นเฟซบุ๊กมาก่อนแล้ว ทั้งหมดจะทำให้เฟซบุ๊กระดมทุนได้ 1.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ส่งให้เฟซบุ๊กมีมูลค่าบริษัทราว 1.04 แสนล้านเหรียญ เทียบเท่าครึ่งหนึ่งของมูลค่ากูเกิลในปัจจุบัน
สิ่งที่น่าคิดคือ เงินทุนมหาศาลที่ไหลเข้าสู่เฟซบุ๊กเกิดขึ้นจากโมเดลธุรกิจที่ทำเงินบนข้อมูลของชาวออนไลน์อย่างเรา จุดนี้นักวิเคราะห์ชี้ว่าโดยเฉลี่ยแล้ว สมาชิกเฟซบุ๊ก 1 คนจะทำรายได้ให้เฟซบุ๊กราว 4.84 เหรียญต่อปี (ใครเป็นสมาชิกเฟซบุ๊ก โปรดรับทราบ)
หากเฟซบุ๊กจำหน่ายหุ้นได้หมดและระดมทุนได้ 1.6 หมื่นล้านเหรียญในวันเดียว เฟซบุ๊กจะเป็นบริษัทที่สามารถระดมทุนจากการขาย IPO ได้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ รองจากบริษัท Visa ที่ระดมทุนได้ 1.79 หมื่นล้านเหรียญเมื่อ 4 ปีที่แล้ว (2008) โดยสิ่งที่เฟซบุ๊กต้องทำในวันที่กลายเป็นบริษัทมหาชนแล้ว คือการรักษาสมดุลระหว่างการสร้างสรรค์ระบบโฆษณาคุณภาพ ประสบการณ์ที่ดีของผู้ใช้ และสิทธิความเป็นส่วนตัวให้ดีที่สุด
ประมวลภาพจาก CNN ชุดนี้ จะทำให้คุณเห็นภาพการเติบโตของเฟซบุ๊กในวันนี้ได้ดียิ่งขึ้น












วันนี้ สื่อต่างประเทศจึงพุ่งเป้านำเสนอเรื่องราวของเฟซบุ๊กเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในแง่การเป็นบริษัทมูลค่าแสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเกิดขึ้นในเวลาเพียง 8 ปีนับตั้งแต่เฟซบุ๊กแจ้งเกิดครั้งแรกในปี 2004
หนึ่งในเรื่องราวนั้นคือการชูเหตุการณ์สำคัญของเฟซบุ๊กในช่วง 8 ขวบปีที่ผ่านมา ซึ่งพบว่า "ชาวออนไลน์" อย่างพวกเราทุกคนนี้เองที่เป็นส่วนสำคัญให้เฟซบุ๊กกลายเป็นบริษัทที่ระดมเงินทุนได้หลายพันล้านบาทในวันนี้
ข้อมูลระบุว่า เฟซบุ๊กจะนำหุ้นออกขาย IPO ทั้งหมด 421 ล้านหุ้น ในจำนวนนี้คิดเป็นหุ้นที่เฟซบุ๊กดำเนินการจำหน่ายเอง 180 ล้านหุ้น ที่เหลืออีกมากกว่า 200 ล้านหุ้นเป็นของนักลงทุนที่ซื้อหุ้นเฟซบุ๊กมาก่อนแล้ว ทั้งหมดจะทำให้เฟซบุ๊กระดมทุนได้ 1.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ส่งให้เฟซบุ๊กมีมูลค่าบริษัทราว 1.04 แสนล้านเหรียญ เทียบเท่าครึ่งหนึ่งของมูลค่ากูเกิลในปัจจุบัน
สิ่งที่น่าคิดคือ เงินทุนมหาศาลที่ไหลเข้าสู่เฟซบุ๊กเกิดขึ้นจากโมเดลธุรกิจที่ทำเงินบนข้อมูลของชาวออนไลน์อย่างเรา จุดนี้นักวิเคราะห์ชี้ว่าโดยเฉลี่ยแล้ว สมาชิกเฟซบุ๊ก 1 คนจะทำรายได้ให้เฟซบุ๊กราว 4.84 เหรียญต่อปี (ใครเป็นสมาชิกเฟซบุ๊ก โปรดรับทราบ)
หากเฟซบุ๊กจำหน่ายหุ้นได้หมดและระดมทุนได้ 1.6 หมื่นล้านเหรียญในวันเดียว เฟซบุ๊กจะเป็นบริษัทที่สามารถระดมทุนจากการขาย IPO ได้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ รองจากบริษัท Visa ที่ระดมทุนได้ 1.79 หมื่นล้านเหรียญเมื่อ 4 ปีที่แล้ว (2008) โดยสิ่งที่เฟซบุ๊กต้องทำในวันที่กลายเป็นบริษัทมหาชนแล้ว คือการรักษาสมดุลระหว่างการสร้างสรรค์ระบบโฆษณาคุณภาพ ประสบการณ์ที่ดีของผู้ใช้ และสิทธิความเป็นส่วนตัวให้ดีที่สุด
ประมวลภาพจาก CNN ชุดนี้ จะทำให้คุณเห็นภาพการเติบโตของเฟซบุ๊กในวันนี้ได้ดียิ่งขึ้น