ดีเอสไอยอมรับควานหามือยิง 91 ศพ ยากที่จะสามารถระบุตัวผู้กระทำความผิดได้ทุกคดี เนื่องจากเป็นเหตุชุลมุน ชี้ การจะตามหาคนยิงหรือระบุว่า มาจากอาวุธปืนกระบอกใด จำเป็นต้องใช้เวลาในการหาพยานหลักฐาน พร้อมกำหนดแนวทางการสอบสวนคดีใหม่ โดยเน้นต่อจิ๊กซอร์ให้เห็นภาพเหตุการณ์โดยรวมก่อนพิจารณาเป็นรายคดี พร้อมวอนพยานเข้าให้ข้อมูล
วันนี้ (16 มี.ค.) พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีการสอบสวนคดีการเสียชีวิต 91 ศพ จากการชุมนุมทางการเมือง ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 กล่าวว่า ขณะนี้ได้กำหนดแนวทางการสอบสวนคดีใหม่ จากเดิมที่มุ่งการสอบสวนคดีการเสียชีวิตเป็นรายบุคคล ทำให้คดีไม่คืบหน้าเท่าที่ควร จึงได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานที่มีอยู่ทั้งหมด เพื่อให้เห็นภาพใหญ่ของเหตุการณ์ว่าแต่ละฝ่ายทั้งตำรวจ ทหาร ผู้ชุมนุมมีการเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง ซึ่งเบื้องต้นจะเน้นที่ 2 เหตุการณ์สำคัญคือเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 และวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 จากนั้นจะนำมาลำดับเหตุการณ์ให้เป็นเรื่องเดียวกัน เพื่อพิจารณาหาหลักฐานในจุดที่ยังไม่สมบูรณ์ โดยจะประสานขอเอกสารลำดับคำสั่งปฏิบัติการของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) มาเปรียบเทียบกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ มองว่าการรวบรวมพยานหลักฐานให้เห็นภาพเหตุการณ์อย่างละเอียด จะทำให้การทำงานมีความคืบหน้ามากขึ้นกว่ามุ่งตามหาผู้กระทำความผิดแต่ละคดี ทำให้คดีขาดความเชื่อมโยงกัน
รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า เป็นเรื่องยากที่การสอบสวนจะสามารถระบุตัวผู้กระทำความผิดได้ทุกคดี เนื่องจากเป็นเหตุชุลมุน การจะตามหาคนยิงหรือระบุว่ามาจากอาวุธปืนกระบอกใด จำเป็นต้องใช้เวลาในการหาพยานหลักฐาน โดยเฉพาะผู้บาดเจ็บที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งจะสามารถให้ข้อมูลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงได้ แต่ที่ผ่านมายังไม่กล้าเข้ามาให้ข้อมูลกับหน่วยงานรัฐ ดังนั้น จากนี้ดีเอสไอจะต้องประกาศขอความร่วมมือจากคนเหล่านี้ให้เข้ามาให้ข้อมูลมากขึ้น
“ถ้าไปตามหาคนร้ายแต่ละคดีจะขาดความเชื่อมโยง ในเหตุจลาจลการจะระบุว่ายิงมาจากกลุ่มใด คนไหน กระสุนและปืนกระบอกใด จำเป็นต้องไล่ลำดับเหตุการณ์ภาพใหญ่ประกอบไปด้วย เหมือนกรณีเด็กนักเรียน 2 โรงเรียนยกพวกตีกัน เราก็ต้องรู้ก่อนว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง การไปหาคนกระทำความผิดเป็นรายบุคคล โดยไม่ทราบภาพรวมเป็นเรื่องยาก” พ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าว
