Edited - กลายเป็นสัญญาณเตือนว่าชาวออนไลน์ไม่ควรวางใจเก็บไฟล์ไว้บนบริการฝากไฟล์ออนไลน์เทคโนโลยีคลาวด์มากเกินไป เมื่อการจับกุมผู้ก่อตั้งบริการแชร์ไฟล์ออนไลน์นาม Megaupload และคำสั่งปิดเว็บไซต์ของเอฟบีไอหรือสำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมานั้นทำให้ผู้ใช้ทั่วโลกตกอยู่ในภาวะเกียร์ว่าง ไม่สามารถดึงข้อมูลหรือฝากไฟล์เพิ่มเติมอย่างเคยได้ เท่ากับผู้ใช้ที่ทำถูกกฏหมายนั้นกลับโดนหางเลขจากโทษที่ไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ
Kim Dotcom ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของบริการฝากไฟล์ Megaupload นั้นถูกจับกุมในงานปาร์ตี้ฉลองวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 38 ปีที่แมนชันหรูในอัคแลนด์ สาเหตุการจับกุมคือ Megaupload นั้นถูกกล่าวหาว่าเป็นแหล่งดาวน์โหลดภาพยนตร์และรายการทีวีละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งแน่นอนว่าแม้จะเป็นเรื่องจริง แต่ Megaupload ก็เป็นพื้นที่เก็บข้อมูลที่ถูกกฏหมายเช่นกัน จุดนี้มีการระบุว่า Megaupload นั้นมีสมาชิกที่ใช้งาน Megaupload อย่างถูกกฏหมายในหลักแสนถึงหลักล้านรายทั่วโลก
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่าเอฟบีไอของสหรัฐฯได้จับกุมทีมงานของ Megaupload ทั้งหมด 7 คนช่วงวันที่ 20 มกราคมทื่ผ่านมา ตามคำสั่งศาลที่ตั้งข้อหาว่า Megaupload มีส่วนรู้เห็นให้มีการเผยแพร่ไฟล์ที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์บนโลกออนไลน์ โดยขณะนี้มีผู้ถูกจับแล้ว 4 คนในนิวซีแลนด์ อีก 3 รายยังอยู่ในการติดตามตัว โดยโทษสูงสุดคือค่าปรับ 500 ล้านดอลลาร์ และจำคุก 20 ปี
ศาลระบุว่า ทีมงานของ Megaupload ทราบดีว่ามีการนำไฟล์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์มาเผยแพร่เป็นจำนวนมาก แต่กลับไม่ลงมือแก้ปัญหาทั้งที่สามารถทำได้ ผลคือผู้เป็นเจ้าของผลงานทั้งเพลง ภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ได้รับความเสียหาย สวนทางกับ Megaupload ที่รับรายได้จากแบนเนอร์โฆษณาในเว็บช่วงปี 2011 ที่ผ่านมาไม่ต่ำกว่า 175 ล้านเหรียญ เพราะคำโฆษณาว่า Megaupload คือบริการสำหรับการแบ่งปันไฟล์ขนาดใหญ่
กระทั่งวันที่ 22 มกราคม 2012 เว็บไซต์ Megaupload จึงแสดงเอกสารข้อกล่าวหาจากเอฟบีไอซึ่งระบุว่าการปิดเว็บไซต์นี้เป็นไปตามคำสั่งศาลสหรัฐฯ โดยไม่มีการเปิดเผยข้อมูลว่าผู้ใช้ทั่วไปจะสามารถดึงไฟล์ของตัวเองได้หรือไม่และเมื่อใด
จุดนี้ Steve Su หนึ่งในสมาชิก Megaupload ให้สัมภาษณ์กับสื่อในออสเตรเลียว่า การปิด Megaupload ทำให้เขาต้องสูญเสียสื่อการสอนที่เขาได้อัปโหลดเพื่อแบ่งปันกับนักเรียนไป โดยให้ความเห็นว่า เอฟบีไอควรแยกให้ดีว่าคอนเทนต์ใดถูกหรือผิดกฏหมายแทนที่จะลงดาบปิดบริการทั้งหมดจนสร้างความเสียหายให้ผู้บริโภค
แน่นอนว่ากรณี Megaupload ทำให้เกิดกระแสความไม่เห็นด้วยจากชาวออนไลน์ มีการยกตัวอย่างโดยเทียบกับโทรศัพท์มือถือว่า ใครๆก็ใช้โทรศัพท์มือถือรวมถึงผู้ก่อการร้าย เช่นเดียวกับอินเทอร์เน็ตที่มีทั้งการใช้งานในแง่ถูกและผิดกฏหมาย เท่ากับบริการฝากไฟล์ที่เปิดให้สมาชิกส่งไฟล์มาเก็บไว้เพื่อเปิดชมบนอุปกรณ์พกพานั้นไม่ควรรับโทษทั้งหมดจนถูกปิดเว็บไซต์อย่างไม่ยุติธรรม
ที่สำคัญ กรณี Megaupload สะท้อนว่ามีโอกาสสูงมากที่ชาวออนไลน์จะถามตัวเองว่าบริการเก็บข้อมูลออนไลน์หรือ cloud storage นั้นปลอดภัยจริงหรือนับตั้งแต่นี้ไป ทำให้ผู้ให้บริการลักษณะเดียวกันอย่าง Dropbox, RapidShare และ Hotfile มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบตามไปด้วย
ขณะนี้เว็บไซต์ฝากไฟล์ออนไลน์บางส่วนออกมาให้ความเห็นกับสำนักข่าวต่างประเทศว่าไม่กังวลกับกรณี Megaupload ที่เกิดขึ้น โดยเชื่อมั่นใจคุณภาพ มาตรฐาน และความร่วมมือกับเข้าหน้าที่ ด้านผู้บริหาร Megaupload อย่างนาย Kim และทีมงานอีก 3 รายกำลังอยู่ระหว่างการปรึกษาทนายความเพื่อสู้คดี ซึ่งแนวโน้มของทั้ง 2 เรื่องคาดว่าจะใช้เวลาอีกไม่นานในการเห็นความจริงที่เกิดขึ้น