xs
xsm
sm
md
lg

ปีมังกรแท็บเล็ตเริงร่า (Cyber Weekend)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


Edited - ไม่ว่าใครจะเรียกปี 2555 ว่าปีมังกรไฟ มังกรดุ หรือปีมังกรเล่นน้ำ แต่สำหรับชาวไอทีต้องยกให้เป็นปีมังกรเริงร่าแท็บเล็ต เพราะหลายสำนักฟันธงแล้วว่า ปี 2555 คือปีแห่งแท็บเล็ตที่กระดานชนวนไฮเทคจะผุดขึ้นในตลาดมากมายเป็นดอกเห็ด ขณะเดียวกัน สมาร์ทโฟน-เครื่องอ่านอีบุ๊ก-คอมพิวเตอร์แลปท็อป ก็จะพร้อมใจปรับปรุงความสามารถทั้งตัวเครื่องและซอฟต์แวร์ให้มีความอัจฉริยะประทับจิตผู้บริโภคมากกว่าเดิม ที่สำคัญคือแทรนด์แรงเรื่องเมฆหรือคลาวด์คอมพิวติงจะมีอิทธิพลต่อผู้ใช้มากขึ้น และที่ขาดไม่ได้คือมัลแวร์โปรแกรมร้ายที่รอคิวออกอาละวาดเช่นเดียวกับปีที่ผ่านๆมา

ทั้งหมดนี้ ประสิทธิ์ วรฉัตราวณิช รองผู้จัดการทั่วไปบริษัทเอ.อาร์.ไอ.พี.จำกัด (มหาชน) ผู้ควบตำแหน่งบ.ก.เว็บไซต์ arip.co.th ยังไม่ฟันธงว่าปี 2555 คือ "ปี Android Year" แม้จะยกให้ปี 2554 เป็น "ปี iYear" แล้วท่ามกลางกระแสสินค้าตระกูลไอของแอปเปิลที่มาแรงเหลือเกินตลอดปี สำหรับประเทศไทย ประสิทธิ์เชื่อว่าเทรนด์ไอทีที่จะห่างหายไปจากตลาดช่วงปีมังกร คือเน็ตบุ๊กหรือคอมพิวเตอร์พกพาราคาประหยัดที่จะถูกแท็บเล็ตเขย่าบัลลังก์จนไม่มีที่ยืน

***รู้อนาคตจากอดีต

การวิเคราะห์เทรนด์ไอทีปี 2555 สามารถทำได้ด้วยการมองย้อนกลับไปทั้งปี 2554 ที่ผ่านมา จุดนี้ประสิทธิ์บอกว่าปี 2554 คือปี iYear เพราะทั้งปีมีแต่เรื่องราวของแอปเปิล ทั้งข่าวความสำเร็จของยอดขาย เช่น แท็บเล็ต iPad 2 ที่คาดว่ายอดขายจะไม่ต่ำกว่า 40 ล้านเครื่อง หรือ iPhone 4S ที่เพิ่งเปิดตัว แถมยังมีข่าวลือที่ช่วยทำให้ข่าวของแอปเปิลเกิดขึ้นเยอะมากตลอดเวลา ไม่นับข่าวการเสียชีวิตของสตีฟ จ็อบส์ และความสนใจในหนังสือชีวประวัติ

แต่ระหว่างนี้ วงการไอทียังคงมีหลายเรื่องราวแทรกเข้ามาตลอด เช่นความร้อนแรงของแอนดรอยด์ ที่เริ่มมีส่วนแบ่งตลาดโลกถึง 50% แซงส่วนแบ่งตลาดของไอโอเอส (iOS) ที่มี 25% ข่าวการเปิดตัวระบบปฏิบัติการวินโดวส์โฟน (Windows Phone 7.5) ซึ่งเพิ่มคุณสมบัติใหม่มากกว่า 500 ฟีเจอร์แม้จะมีส่วนแบ่งในตลาดเพียง 7% รวมถึงการจับมือระหว่างโนเกียและไมโครซอฟท์ ในการพัฒนาสมาร์ทโฟนวินโดวส์แบรนด์โนเกีย ที่ยังต้องรอดูว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน "No Win" หรือไม่อย่างไร

ขณะเดียวกัน ข่าวเรื่องการพัฒนาระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 (Window 8), การบุกตลาดของอัลตราบุ๊ก, การพัฒนาแท็บเล็ต 4 คอร์, การเปิดตลาดของคินเดิลไฟร์ และความร้อนแรงของสมาร์ททีวี หรือทีวีต่ออินเทอร์เน็ตซึ่งล่าสุด สมาร์ททีวีมียอดขายแซงหน้าทีวี 3 มิติแล้วเกินเท่าตัว รวมถึงเรื่องเทคโนโลยี Flash ที่จะลดบทบาทไปพร้อมกับ HTML5 ที่จะเข้ามาแทน

"ส่วนที่จะมีผลกระทบต่อไอทีบ้านเราและการใช้ไอทีในปี 2555 คือโซเชียลเน็ตเวิร์ก สิ้นปีที่แล้วยอดผู้ใช้ในเมืองไทยมี 6.7 ล้านคน ปีนี้เพิ่มเป็น 13 ล้านคน คิดเป็นอัตราการเติบโต 100% เท่ากับมีโอกาสที่ปี 2555 จะเพิ่มเป็น 26 ล้านคน หมายความว่ามากกว่า 1 ใน 3 ของประชากรไทย ซึ่งต้องลุ้นกันว่าสังคมผู้ใช้เครือข่ายสังคมในไทยจะโต 100% แบบนี้ในปีหน้าหรือไม่"

สถิติผู้ใช้ทวิตเตอร์ในประเทศไทยประจำปี 2554 คือ 1.2 ล้านคน คนไทยชมวิดีโอบนยูทูบเฉลี่ย 1.2 ล้านวิวต่อวัน คนไทยเป็นสมาชิกโฟร์สแควร์ 0.15 ล้านคน ถือเป็นอันดับต้นๆของอาเซียน

***ปี 2555 แท็บเล็ตหัวเราะเสียงดัง

เหตุที่ทำให้ปี 2555 ถูกมองว่าเป็นแห่งแท็บเล็ตคือข้อมูลจากหลายสำนักที่กล่าวตรงกันว่า "ไอแพดรุ่นหน้ากำลังมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2555" โดยคาดว่าจะขายได้ 9-10 ล้านเครื่องในไตรมาสแรกของปี พร้อมกับมีข่าวว่าแอปเปิลจะเปิดตัว iPad Mini ขนาดหน้าจอ 7.85 นิ้วในราคา 200 เหรียญ เพื่อสู้กับคู่แข่งที่โกยคะแนนจากผู้ใช้ที่ไม่ต้องการแท็บเล็ตหน้าจอใหญ่ 10 นิ้วแบบไอแพด

ประสิทธิ์มองว่าความสำเร็จของตลาดแท็บเล็ตนั้นเป็นผลพวงจากสัดส่วนผู้สร้างและผู้เสพคอนเทนต์ออนไลน์ เนื่องจากโดยทั่วไป กลุ่มผู้สร้างคอนเทนต์มักมีเพียง 1% นอกนั้นเป็นผู้นำคอนเทนต์มากระจายต่ออีก 9% และที่เหลือ 90% คือผู้เสพคอนทนต์ออนไลน์อย่างเดียว กลุ่ม 90% นี้เองคือกลุ่มที่ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ที่มีคีย์บอร์ด ขอเพียงแท็บเล็ตที่มีหน้าจอซึ่งผู้ใช้สามารถอ่าน (Read) โหลด (Load) ชม (View) แสดงความเห็น (Vote) ส่งต่อ (share) และกดไลค์ (Like) ได้ก็เพียงพอแล้ว

ผลคืออุปกรณ์แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนสามารถตอบโจทย์ตลาด 90% นี้ได้ แท็บเล็ตจึงขายดีเทน้ำเทท่าเพราะโลกเครือข่ายสังคมมีเพียงผู้ใช้ 10% เท่านั้นที่ต้องการอุปกรณ์มีคีย์บอร์ดอย่างโน้ตบุ๊ก

"แท็บเล็ตรุ่นหน้าจะต้องเร็วขึ้นและประหยัดพลังงานมากขึ้น ตอนนี้อินเทลกำลังเร่งพัฒนาชิป Atom และ Kal-el รุ่นใหม่ ขณะที่แอนดรอยด์มีแผนลุยตลาดด้วยระบบปฏิบัติการใหม่ ICS 4.0 ซึ่งจะรับกับแท็บเล็ตวินโดวส์ 8 ซึ่งจะวางตลาดปีหน้าเต็มตัว ที่สำคัญคือแท็บเล็ตจะมีราคาถูกลงเหลือ 200 เหรียญ หน้าจอ 7 นิ้ว แข่งขันกันหนักขึ้น ขณะเดียวกัน แท็บเล็ตจะมีผลต่อการศึกษามากขึ้น แม้ตอนนี้งบประมาณในประเทศไทยจะไปลงน้ำท่วมหมด"

สำหรับอุปกรณ์ที่มีคีย์บอร์ดอย่างคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ประสิทธิ์มองว่า"อัลตราบุ๊ก (Ultrabook)"จะเป็นโน้ตบุ๊กสายพันธุ์ใหม่ที่มีอิทธิพลในช่วงปี 2555

"คนพยายามจะบิดโน้ตบุ๊ก พอเอามาย่อขนาดเป็นเน็ตบุ๊กก็เล็กเกินไป ไม่พอต่อการทำงานอย่างอื่น อัลตราบุ๊กจึงเกิดขึ้นเพื่อทำให้บางแต่สามารถทำงานได้ดี ซึ่งปี 2555 อัลตราบุ๊กน่าจะมีราคาประมาณ 600-800 เหรียญ เมื่อต่ำกว่า 30,000 บาทจะถือว่าน่าสนใจมาก"

สำหรับสมาร์ทโฟน ประสิทธิ์เชื่อว่าสมาร์ทโฟนในปี 2555 จะฉลาดขึ้นด้วยซอฟต์แวร์วิเคราะห์เสียง ซึ่งเป็นเรื่องที่ บิล เกตส์ เจ้าพ่อไมโครซอฟท์เคยพูดไว้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีชิปสื่อสารระยะใกล้อย่าง NFC จะมีบทบาทมากขึ้นในวงการสมาร์ทโฟนปี 2555 ซึ่งจะเปลี่ยนให้สมาร์ทโฟนกลายเป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการจ่ายเงินแสนสะดวกในพริบตา

***เลิกเอากระบี่มาขุดดิน

ประสิทธิ์มองว่า ปี 2555 จะเป็นปีที่วงการหนังสือดิจิตอลจะมีพัฒนาการมากกว่าปี 2554 อย่างมาก โดยเฉพาะการสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่รองรับแท็บเล็ตมากกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งที่ผ่านมา รูปแบบการอ่านดิจิตอลที่"ไม่เกิด"ในไทยนั้นเพราะผู้สร้างหนังสือดิจิตอลยังเอาเนื้อหามาใช้กับอุปกรณ์ไม่ถูกต้อง

"การสร้างอีบุ๊กเป็นไฟล์ PDF ให้คนที่ใช้แท็บเล็ตอ่านนั้นเหมือนเอากระบี่มาขุดดิน ที่ถูกต้องคือไฟล์นั้นควรจะเป็นมาตรฐาน ePub หรือ HTML 5 เพื่อให้ผู้อ่านสามารถไหลหนังสือใหม่เวลาเปลี่ยนจอ และโต้ตอบได้ มีมัลติมีเดียมากขึ้น ที่ผ่านมา ความไม่สะดวกในการใช้งานเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ตลาดหนังสือดิจิตอลไม่เติบโต ซึ่งตอนนี้มีเพียง 2-3 หัวเท่านั้นที่มาถูกทาง ดังนั้นถ้าผู้สร้างหนังสือดิจิตอลยังอยู่ที่ PDF การเติบโตก็จะจำกัดอยู่ในกลุ่มเล็ก หรือไม่ก็นิ่งไปเลย"

อีกสิ่งสำคัญในปี 2555 คือการมาของวินโดวส์ 8 ซึ่งคาดกันว่าจะมีผลกับตลาดแท็บเล็ตมากกว่าตลาดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ โดยบริษัทวิจัยไอดีซีคาดว่าวินโดวส์ 8 จะถูกใช้โดยผู้บริโภคที่ซื้อคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเครื่องใหม่ ไม่ใช่ผู้ที่ซื้อโปรแกรมต่างหาก

ขณะเดียวกัน โซเชียลทีวีจะกลายเป็นเทรนด์แรงของผู้ต้องการซื้อทีวีต่ออินเทอร์เน็ตในปี 2555 โดยการสำรวจพบว่า ผู้บริโภคมากกว่า 80% เลือกซื้อสมาร์ททีวีเพราะแอปพลิเคชันเครือข่ายสังคม ซึ่งขณะนี้ ยอดขายสมาร์ททีวีหรือโซเชียลทีวีนั้นคิดเป็น 2 เท่าของทีวี 3 มิติแล้ว

ที่ลืมไม่ได้คือคลาวด์คอมพิวติง ประสิทธิ์ฟันธงว่าไดร์ฟที่ 3 จะฉลาดขึ้นในปี 2555

"ก่อนนี้เรามีไดร์ฟเก็บข้อมูลในเครื่อง ต่อมามีแฟลชไดร์ฟไว้เก็บข้อมูลพกพา ตอนนี้เรามีบริการคลาวด์ไดร์ฟ สามารถทำได้ทั้งแชร์ ซิงก์ ลิงก์ โหลด เซฟ และแบคอัป ขณะเดียวกัน โลกของเกมในปี 2555 ก็จะเปลี่ยนไป คอเกมจะสามารถสตรีมมิ่งเกมผ่านคลาวด์คอมพิวติง ทำให้ค่ายเกมสามารถบีบอัดภาพ แล้วส่งเข้ามาให้คนเล่นแบบเรียลไทม์"

***ปี 2555 ต้องบันเทิง

ประสิทธิ์เชื่อว่า ทุกอุปกรณ์ไอทีที่วางจำหน่ายในปี 2555 จะต้องมีความบันเทิงเป็นส่วนประกอบ ความสำเร็จของแท็บเล็ตแสดงว่าผู้บริโภคพร้อมจ่ายเงินซื้อความบันเทิง แนวโน้มนี้เกิดขึ้นพร้อมกับคอนเทนต์ความบันเทิงที่ถูกแปลงเป็นดิจิตอล แล้วสามารถส่งไปเปิดบนอุปกรณ์ใดก็ได้

"ทีวีที่ดูได้ทุกที่หรือ TV Anywhare จะมีบทบาทมากขึ้น ไม่เพียงวิดีโอหรือรายการทีวีในยูทูบ ภาพยนตร์ในโรงก็จะสามารถทำให้ดูได้ทุกที่ทุกเวลาเหมือนกัน โดย 2 เดือนที่แล้ว ฮอลลีวู้ดเคยทดลองนำภาพยนตร์ใหม่ชนโรง มาฉายบนเคเบิลทีวีพร้อมบนโรงภาพยนตร์ แล้วเก็บค่าชมในราคาที่ถูกกว่า ผลคือค่ายภาพยนตร์สามารถขยายวงคนดูได้กว้างกว่าเดิม"

และเมื่ออุปกรณ์ทั้งหมดพร้อม คอนเทนต์พร้อม โลกไอทีจะต้องเตรียมตัวรับไวรัสมัลแวร์ตัวร้ายที่จะออกอาละวาดตามธรรมเนียม

"ปี 2555 แอนดรอยด์จะเป็นเป้าใหญ่ มีรายงานว่าไวรัสอย่างน้อยพันตัวถูกเตรียมไว้สำหรับแอนดรอยด์เรียบร้อยแล้ว บริษัทรักษาความปลอดภัยทุกเจ้าจึงทำโปรแกรมแอนตี้ไวรัสแอนดรอยด์ไว้รอเรียบร้อยแล้ว มีทั้งฟรีและไม่ฟรี จุดที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือโซเชียลมีเดีย เพราะเครือข่ายสังคมสามารถเปลี่ยนอาชญากรให้กลายเป็นเพื่อนในคลิกเดียว แถมการย่อลิงก์เว็บไซต์ให้สั้นจนผู้รับไม่เห็นว่าเป็นลิงก์อะไร ก็ยิ่งเหมาะกับการล่อลวง"

ประสิทธิ์เชื่อว่า ปี 2555 จะไม่เป็น iYear อย่างเช่นปีเถาะที่เพิ่งผ่านไป แต่อาจจะเป็น"Android Year"เพราะแอนดรอยด์ใช้กลยุทธ์หลายผู้ผลิตรุมผู้ผลิตเจ้าเดียว สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้พลังของแอปเปิลลดลง

"ปี 2555 จะเป็น Android Year ไหมยังต้องรอดูต้นปี แต่สิ่งที่แน่นอนคืออุปกรณ์ที่จะอยู่รอดได้ในตลาดปี 2555 คือบริษัทที่มีอีโคซิสเต็มหรือระบบนิเวศน์ทางเศรษฐกิจครบถ้วน นั้นคือ GAFA หรือกูเกิล แอปเปิล เฟซบุ๊ก และอเมซอน นอกนั้นผมมองว่ายังเร่งไม่ขึ้น"

สำหรับสิ่งที่เสี่ยงจะหายไปในปี 2555 คือตลาดเน็ตบุ๊ก หรือคอมพิวเตอร์ตัวเล็กราคาประหยัดซึ่งจะไม่เติบโตอย่างที่เป็นในปีที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดแฟลชไดร์ฟจะยังไม่หายไปแม้คลาวด์ไดร์ฟจะมีบทบาทมากขึ้น

"แฟลชไดร์ฟอาจจะเปลี่ยนรูปร่างให้สวยงามแปลกตา ทำแอปพลเคชันเพิ่มเข้าไป ซึ่งจะเป็นไปตามเทรนด์ทุกอย่างต้องบันเทิง สำหรับเมืองไทย ภาวะการเมืองไม่นิ่ง และภัยธรรมชาติจะส่งให้เศรษฐกิจมีปัญหา ตรงนี้เป็นจุดสำคัญ เพราะตราบใดที่คนมีเงินในกระเป๋า ยังไงก็ซื้ออยู่แล้ว"

เรียกว่ามังกรไอที ขออย่ามีม็อบและภัยธรรมชาติก็พอ...
กำลังโหลดความคิดเห็น