อินเทล (Intel) ผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์รายใหญ่ที่สุดในโลก ยืดอกรับว่าเกิดความผิดพลาดในการออกแบบชิปเซตแพลตฟอร์ม Sandy Bridge รุ่นหนึ่งของบริษัท ทำให้อินเทลตัดสินใจเรียกคืนชิปทั้งหมด เบื้องต้นคาดว่าความผิดพลาดครั้งนี้จะทำให้อินเทลสูญเงินทั้งสิ้นมากกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 30,000 ล้านบาท โดย 700 ล้านเหรียญจะเป็นค่าใช้จ่ายในกระบวนการเปลี่ยนคืนชิป อีก 300 ล้านเหรียญเป็นรายรับซึ่งจะหายไปในไตรมาสแรกของปีนี้
อินเทลแถลงว่า ชิปที่เกิดปัญหามีชื่อว่า Cougar Point เป็นชิปเซตหรือชุดชิปสนับสนุนที่ใช้แพลตฟอร์ม Sandy Bridge ซึ่งอินเทลเพิ่งวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 9 มกราคม 54 ในฐานะชิปที่สามารถยกระดับการพัฒนาภาพกราฟิกบนคอมพิวเตอร์พีซี การสำรวจพบว่าปัญหาเกิดขึ้นในการออกแบบส่วนควบคุม SATA มีผลให้ความเร็วของชิปลดลงเมื่อใช้งานไประยะเวลาหนึ่ง โดยเฉพาะการเชื่อมต่อกับฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ และดีวีดีไดรฟ์
อินเทลระบุว่าได้ดำเนินการแก้ปัญหาข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการผลิตชิปเวอร์ชันใหม่ที่แก้ปัญหาเรียบร้อย โดยบริษัทได้ตัดสินใจเรียกคืนชิปเซตที่มีปัญหาทั้งหมด คาดว่าชิปใหม่จะทยอยส่งมอบในปลายเดือนกุมภาพันธ์ 54 และสายผลิตโดยรวมจะกลับมาเป็นปกติในเดือนมีนาคมนี้
อินเทลประเมินว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจะทำให้รายได้อินเทลในไตรมาสแรกของปี 54 ลดลงไป 300 ล้านเหรียญ (ราว 9,000 ล้านบาท) คาดว่าจะไม่มีผลใดๆต่อยอดรายรับรวมทั้งปี 54 แต่จะมีผลกับสัดส่วนกำไรที่อาจลดลง 4% โดยข้อมูลจากแถลงการณ์อินเทลระบุว่า บริษัทเตรียมงบประมาณราว 700 ล้านเหรียญสำหรับกระบวนการแก้ไขและเรียกคืนชุดชิปเซตที่มีปัญหา
Sandy Bridge นั้นเป็นแพลตฟอร์มชิปใหม่ซึ่งอินเทลเชื่อว่าจะทำให้บริษัทสามารถทิ้งห่างคู่แข่งตลอดกาลอย่างเอเอ็มดี (AMD) ได้มากขึ้น การเกิดปัญหาในชิปเซตแพลตฟอร์ม Sandy Bridge ถูกมองว่าจะทำให้อินเทลสูญเสียความเชื่อมั่นทั้งจากนักลงทุนและผู้บริโภคในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ความที่ Sandy Bridge เพิ่งวางตลาดได้ไม่นาน ทำให้มีโอกาสสูงที่อินเทลยังไม่ได้จัดส่งชิปเซตสู่ผู้บริโภคในวงกว้างนัก ซึ่งจะช่วยให้อินเทลได้รับความสูญเสียน้อยลง
สเตซี สมิท (Stacy Smith) ประธานฝ่ายการเงินของอินเทลเปิดเผยว่า บริษัทได้จัดส่งชิปเซต Cougar Point สู่ตลาดราว 8 ล้านชุด โดยไม่เปิดเผยว่าเป็นยอดจัดส่วนในตลาดใดเป็นหลัก กล่าวเพียงว่ามีความมั่นใจเต็มที่ว่าอินเทลจะสามารถกู้สถานการณ์ความผิดพลาดได้อย่างรวดเร็วแน่นอน
ชิปเซตนั้นเป็นส่วนสนับสนุนการทำงานของชิปประมวลผลซึ่งเป็นมันสมองของคอมพิวเตอร์พีซี ชิปเซตนี้จะทำหน้าที่เชื่อมต่อการทำงานกับส่วนประกอบต่างๆของเครื่อง โดยความผิดพลาดในชิปเซต Cougar Point ที่เกิดขึ้นนั้นเริ่มต้นตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ทำให้อินเทลไม่สามารถแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่นได้ยกเว้นแต่ต้องเรียกคืนชิปทั้งหมดแล้วเปลี่ยนให้ใหม่
ความล่าช้าจากการเรียกคืนชิปของอินเทลถูกมองว่าจะมีผลต่อตำแหน่งผู้นำในตลาดชิป โดยเฉพาะในแง่การแข่งขันกับชิป Llano ซึ่งเอเอ็มดีกำลังจะเปิดตัวสู่ตลาดในเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการร้องเรียนปัญหาจากผู้บริโภค โดยความผิดพลาดถูกพบระหว่างการทดลองในแล็บของอินเทล
ความคืบหน้าล่าสุดของอินเทลคือการควบรวมกับบริษัทชิปนามว่าอินฟีนีออน (Infineon Technologies) ซึ่งดำเนินการในชื่อ Intel Mobile Communications แล้ว และการซื้อกิจการบริษัทรักษาความปลอดภัยแมคอาฟี่ (McAfee) ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายไตรมาสแรกของปี 54
แม้จะมีวิกฤติชิปบกพร่อง อินเทลเชื่อว่าจะสามารถทำรายได้ในไตรมาสปัจจุบันราว 11,700 ล้านเหรียญ (บวกลบ 400 ล้านเหรียญ) เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดไว้ 11,500 ล้านเหรียญ โดยล่าสุดอินเทลประกาศเพิ่มงบประมาณวิจัยและพัฒนาเพิ่มขึ้นเป็น 8,200 ล้านเหรียญ จากเดิม 7,300 ล้านเหรียญต่อปี
Company Related Link :
Intel