เมื่อ 2-3 วันก่อนผมได้มีโอกาสเปิดรับข่าวสารทาง Twitter และหนังสือภาพยนตร์หลายฉบับแล้วพบว่าด้วยการเข้ามาของสมาร์ทโฟนสุดฮิตของปี พ.ศ. 2553 อย่าง iPhone 4 ที่มีจุดเด่นเรื่องฮาร์ดแวร์และกล้องที่อัปเกรดขึ้น ทำให้เกิดกระแสสร้างภาพยนตร์ขนาดสั้นด้วยสมาร์ทโฟนขึ้นมากมาย โดยเฉพาะในแดนกิมจิอย่างเกาหลี ที่มีข่าวเรื่องผู้กำกับภาพยนตร์หลายท่านกำลังคิดผลิตผลงานผ่านสมาร์ทโฟนเหล่านั้นมากมาย จนทำให้ผมเกิดถ้อยคำในใจว่า ในขณะที่เรากำลังคลั่งไคล้ออฟชันสมาร์ทโฟนสุดฮิตอย่าง Facetime, เช็คเมล์ ส่งเมล์ หรือ BBM (BlackBerry Messenger) กันอยู่ ในอีกมุมหนึ่งของความสามารถสมาร์ทโฟน ก็ยังมีคนกลุ่มหนึ่งให้ความสนใจกับเรื่องของฟังก์ชันถ่ายวิดีโอ ที่ไม่น่าจะนำมาใช้ในวงการภาพยนตร์ได้อย่างจริงจังมากนัก และยิ่งผมพยายามหาข้อมูลผมกับพบข้อมูลน่าสนใจมากมายเกี่ยวกับเทคโนโลยีและการพยายามดัดแปลงกล้อง iPhone 4 ให้มีความสามารถเทียบเท่ากล้องฟิล์ม 35 มม. และเรื่องเครือข่ายสังคมที่สามารถทำให้ฮอลลีวูดต้องพังทลายลงได้ จนผมต้องพยายามเรียบเรียงออกมาเป็นตัวอักษรที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ครับ
**ยุคผลิบานของโลกภาพยนตร์ที่ผลิตจากมือถือ**
ไม่รู้ว่าจะมีใครจำได้ไหมว่า เมื่อสมัยครั้ง Nokia N93 วางจำหน่ายเมื่อปี พ.ศ 2549 ในตอนนั้น N93 ถือเป็นโทรศัพท์มือถือรุ่นแรกๆ ที่พกพาฟังก์ชันถ่ายวิดีโอคุณภาพเทียบเท่าดีวีดีที่ความละเอียด 640x480@30fps พร้อมเลนส์คุณภาพสูงจาก Carl Zeiss ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจมากในยุคนั้น เพราะผู้ใช้สามารถผลิตวิดีโอคุณภาพสูง (ในยุคนั้น) โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพากล้องถ่ายวิดีโอเฉพาะ รวมถึงวิดีโอที่ถูกสร้างขึ้นมายังเป็นรูปแบบของไฟล์ดิจิตอลไม่ใช่เทป DV ที่ต้องเสียเวลานั่งแคปเจอร์ภาพ อีกทั้งยังสามารถตัดต่อภายใน N93 ได้ทันที ทำให้ในยุคนั้นมักเกิดโครงการประกวดถ่ายภาพยนตร์จากโทรศัพท์มือถือกันอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Mobile FilmMakers 2006 หรือ Young Creatives Competition for Film ในปี 2550 หรือแม้แต่ผู้กำกับภาพยนตร์สารคดี Oren Jacoby ก็ได้ใช้ Nokia N93 ในการบันทึกภาพยนตร์สารคดีของตน ซึ่งภายหลังถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม
ภาพยนตร์โฆษณาจาก Young Creatives Competition for Film ในปี 2550 โดยใช้ Nokia N93i ถ่ายทำ
แต่ทั้งนี้ด้วยข้อจำกัดด้านความละเอียดและสเปกของโทรศัพท์มือถือในยุคนั้นทำให้ภาพยนตร์ที่ถ่ายทำจากโทรศัพท์มือถือส่วนใหญ่จะเป็นเพียงแค่โฮมวิดีโอหรืออย่างมากสุดก็ฉายบนจอโทรทัศน์เท่านั้นเพราะเนื่องจากด้วยขนาดฟอร์แม็ตไฟล์และความละเอียดที่น้อยทำให้ไม่สามารถนำไปพิมพ์ลงบนฟิล์มภาพยนตร์ซึ่งมีความละเอียดสูงกว่าฟอร์แม็ตวิดีโอในยุคนั้นได้
**จุดต่ำสุดของโลกภาพยนตร์ที่ผลิตจากมือถือ**
หลังจากยุคผลิบานของโลกภาพยนตร์จากมือถือจบลง ภายหลังก็ได้มีการอัปเกรดสเปกด้านกล้องถ่ายภาพและฟังก์ชันวิดีโอให้มีขนาดที่สูงขึ้นเป็น 720x576@30fps แต่ดูเหมือนวงการภาพยนตร์ที่ผลิตจากมือถือดูจะเงียบลงในช่วงหลัง เพราะเนื่องจากข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีและฮาร์ดแวร์ทำให้เกิดการหยุดนิ่งของวางการภาพยนตร์จากมือถือ ถึงแม้ช่วงนั้นทาง LG จะลองเปิดตลาดกล้องวิดีโอมือถือคุณภาพสูงอย่างรุ่น KU990 Viewty ที่มาพร้อมโหมดถ่ายภาพความเร็วสูง (High Speed Camera Mode) ถึง 120fps แต่ด้วยข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์ที่ทำให้สามารถแสดงผลภาพได้เพียง 320x240 พิกเซล อีกทั้งในยุคนั้นคนหันมาถ่ายภาพนิ่งบนมือถือมากกว่าถ่ายวิดีโอ ก็ทำให้ยุคของโลกภาพยนตร์จากมือถือหยุดตัวลงไปพักหนึ่ง
LG เคยพยายามเปิดตลาดกล้องวิดีโอบนมือถือประสิทธิภาพสูงในรุ่น KU990 Viewty ด้วยความสามารถในการถ่ายภาพ High Speed ได้ที่ความเร็ว 120fps
จนเข้าสู่ยุคสมาร์ทโฟนที่สามารถติดตั้งแอปพลิเคชันเพิ่มเติมเองได้ผ่านบริการของผู้ผลิต จนสุดท้ายก็เข้าสู่ยุคสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกล้องถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอความละเอียดสูงอีกครั้ง
**การกลับมาของโลกภาพยนตร์ที่ผลิตจากมือถือบนความละเอียดที่สูงขึ้น**
จากการกลับมาของ iPhone 4 พร้อมกล้องวิดีโอที่อัปเกรดความละเอียดไปสูงถึง 1280x720@30fps (High Definition 720 Progressive) พร้อมการมาถึงของโปรแกรมตัดต่อวิดีโออย่าง iMovie รวมถึงการมาถึงของ Nokia N8 กับเลนส์กล้องคุณภาพสูงและรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงเช่นเดียวกับ iPhone 4 ทำให้โลกภาพยนตร์จากมือถือกำลังกลับมาอีกครั้ง หลังจากหยุดนิ่งไปสักพักเพราะข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี
โดยสิ่งที่บ่งบอกชัดเจนที่สุดของการกลับมาของโลกภาพยนตร์จากมือถือก็คือการที่ Nokia เริ่มเดินโครงการประกวดภาพยนตร์สั้นทั่วโลกอีกครั้ง อย่างในประเทศไทยคือโครงการ Make The Scene ที่จัดไปเมื่อปลายปีที่แล้ว และการเกิดภาพยนตร์สั้นที่ถ่ายทำด้วย iPhone 4 เรื่องแรกอย่าง "Apple of my Eye" ความยาว 2 นาที ของผู้กำกับ Michael Koerbel ที่ขบวนการผลิตทั้งหมดทำบน iPhone 4 เครื่องเดียวไม่ว่าจะเป็นการถ่ายวิดีโอ ตัดต่อ ใส่เสียงดนตรี (ก่อนหน้านั้นเคยเกิดขึ้นมาแล้วกับ iPhone 3Gs ที่มีช่างภาพแฟชั่นนำไปถ่ายการเดินแบบของนางแบบ) อีกทั้งการที่ Vimeo เปิดช่อง iPhone 4 HD Channel เพื่อให้บรรดานักสร้างภาพยนตร์ได้นำผลงานที่ถ่ายทำบนiPhone 4 มานำเสนอก็เป็นตัวอย่างที่ดีที่ชี้ให้เห็นว่า "โลกภาพยนตร์จากมือถือกำลังกลับมาอีกครั้ง บนประสิทธิภาพที่สูงเทียบเท่าคุณภาพระดับฮอลลีวูด"
Apple of my Eye ของ Michael Koerbel ภาพยนตร์ที่ถ่ายทำด้วย iPhone 4 ทุกขั้นตอน ที่สร้างความฮือหา และแรงบันดาลใจให้นักผลิตภาพยนตร์รุ่นใหม่
เบื้องหลัง Apple of my Eye ที่ชี้ให้เห็นถึงขบวนการผลิตที่ไม่ซับซ้อน
**ปี พ.ศ. 2554 ยุครุ่งเรืองของโลกภาพยนตร์ที่ผลิตจากมือถือ**
จะเห็นว่าจากการมาของสมาร์ทโฟนอย่าง Nokia N8, iPhone 4, Samsung Galaxy S พร้อมระบบปฏิบัติการเฉพาะของแต่ละค่ายที่ค่อนข้างจะโดดเด่นและเป็นตัวของตัวเองสูง ทำให้บรรดาสมาร์ทโฟนเหล่านี้ได้รับความนิยมจากผู้ใช้ในหลายๆ ประเทศค่อนข้างมาก ดังจะเห็นได้จากยอดขายสมาร์ทโฟนในปัจจุบันทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศมีแนวโน้มที่ดีขึ้นมากจากสมัยก่อน และถ้าสังเกตให้ดี ทุกวันนี้รอบๆ ตัวผู้อ่านจะเห็นแต่คนถือสมาร์ทโฟนโชว์กันแทบทุกตารางนิ้ว ทุกพื้นที่
ซึ่งก็ไม่ต่างจากในวงการผู้กำกับภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียง ต่างก็มีสมาร์ทโฟนคุณภาพเยี่ยมเป็นของคู่กายแทบทุกคน และด้วยประสิทธิภาพฮาร์ดแวร์ของสมาร์ทโฟนในปัจจุบันนั้นสูงขึ้น โดยเฉพาะตัวกล้องอย่างที่กล่าวไปข้างต้น ทำให้ผู้กำกับภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงหลายท่านต่างกำลังจะนำเหล่าสมาร์ทโฟนที่เด่นในเรื่องกล้องถ่ายภาพอย่าง Nokia N8, iPhone 4, Samsung Galaxy S มาคิดต่อยอดเทคโนโลยี เพื่อนำมาผลิตภาพยนตร์คคุณภาพสูงระดับฟิล์มและสามารถนำไปฉายบนจอภาพยนตร์ขนาด 2-4K ได้
อย่าง "Kim Dae-woo" ก็ถือเป็นผู้กำกับจากแดนกิมจิที่ได้ลองนำ Samsung Galaxy S มาถ่ายภาพยนตร์ขนาดสั้นความยาว 12 นาที 50 วินาที ในชื่อ “Age of Milk” ผ่านระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ที่ความละเอียด 720p แบบ Widescreen ซึ่งท่านผู้อ่านสามารถติดตามชม “Age of Milk” Part 1 ได้ที่วิดีโอด้านล่างครับ
มาที่ผู้กำกับอีกหนึ่งคนจากแดนกิมจิกับ "Park Chan-wook" ที่มีชื่อเสียงจากการกำกับและเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง Old Boy ก็ได้ลองนำ iPhone 4 มาผลิตภาพยนตร์ขนาดสั้นความยาวครึ่งชั่วโมงเรื่อง "Night Fishing (Paranmanjang)" โดย Park พยายามขยายขีดความสามารถของกล้อง iPhone 4 ด้วยการนำอุปกรณ์เสริม OWLE Bubo + EnCinema 35mm Adapter และเลนส์ SLR มายึดติดกับ iPhone 4 อีกทั้ง Park ยังกล่าวด้วยว่า สำหรับภาพยนตร์สั้น "Night Fishing" จะเป็นภาพยนตร์สั้นที่อาจมีการพิมพ์ลงฟิล์มเพื่อฉายในโรงภาพยนตร์ด้วย
เบื้องหลังการถ่ายทำภาพยนตร์ "Night Fishing (Paranmanjang)" ที่แสดงให้เห็นถึงความประณีตในการถ่ายทำแบบเดียวกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์
สุดท้ายสำหรับประเทศไทย ก็ดูเหมือนจะเป็นทางฝั่ง Nokia ที่ให้การสนับสนุนการผลิตภาพยนตร์บนมือถือเป็นเจ้าหลัก โดยมี กอล์ฟ ปวีณ ภูริจิตปัญญา จาก GTH เป็นผู้กำกับที่ได้ลองทดสอบผลิตภาพยนตร์บน Nokia N8 เป็นเจ้าแรกๆ ของเมืองไทย กับภาพยนตร์เรื่อง The Top Secret โดยเทคนิคที่กอล์ฟใช้ในขบวนการผลิตจะเป็นแบบเดียวกับที่ใช้ในกองถ่ายภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ต่างๆ เพียงแต่เปลี่ยนจากกล้องฟิล์มหรือดิจิตอลเป็นสมาร์ทโฟน Nokia N8 แทน
นอกจากนั้นสำหรับในต่างประเทศ ก็มีผู้กำกับนามว่า McHenry brothers ได้ผลิตภาพยนตร์สั้นความยาว 7 นาทีครึ่งในชื่อเรื่อง The Commuter ขึ้นด้วย
The Commuter ถ่ายทำโดยใช้ Nokia N8
The Top Secret โดย กอล์ฟ ปวีณ ภูริจิตปัญญา จาก GTH ถ่ายทำโดยใช้ Nokia N8
**อนาคตของโลกภาพยนตร์ที่ผลิตจากมือถือ และเรื่องเงินๆ ทองๆ**
จากคลิปด้านบนทั้งหมดจะเห็นว่าผู้กำกับภาพยนตร์ทั้งไทยและเทศ ต่างกำลังหันมาให้ความสนใจการผลิตภาพยนตร์จากมือถือแทนการผลิตจากฟิล์มหรือกล้องดิจิตอล เพราะช่วยลดต้นทุนการผลิตลงได้มาก และยังเป็นการเปิดโอกาสการผลิตภาพยนตร์สำหรับคนงบจำกัด อีกทั้งเป็นเรื่องแน่นอนของโลกเทคโนโลยีอยู่แล้วว่า จะไม่มีทางหยุดพัฒนาแต่เพียงเท่านี้ เพราะถ้าดูจากข่าวหลุดสมาร์ทโฟนที่กำลังจะตบเท้าเปิดตัวในเร็ววันนี้อย่าง LG Optimus X2, iPhone 5 หรือ Samsung Galaxy S2 จะมาพร้อมฟังก์ชันการบันทึกวิดีโอคุณภาพสูง Full HD 1080p พร้อมกับเลนส์กล้องที่มีการพัฒนาขึ้น ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดี ที่ให้อนาคตเราอาจได้เห็นภาพยนตร์ลงโรงที่ผลิตจากกล้องสมาร์ทโฟน หรือแม้แต่ผู้อ่านเองก็อาจเป็นผู้ผลิตภาพยนตร์ด้วยตัวเองอย่างง่ายดาย
ซึ่งแน่นอนว่าในเมื่ออนาคตการผลิตภาพยนตร์ทำได้ง่ายขึ้น ก็ต้องมีผู้อ่านหรือผู้ผลิตภาพยนตร์ทุนน้อยสนใจอยากลองผลิตภาพยนตร์ออกฉาย หาเงิน หรือทำอาชีพเหมือนผู้กำกับภาพยนตร์จากค่ายยักษ์ใหญ่กันบ้าง ซึ่งการเลือกวิธีผลิตภาพยนตร์จากมือถือสมาร์ทโฟนก็คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่การจะนำไปเผยแพร่และหารายได้ ก็คงต้องพึ่ง Social Media เป็นสำคัญ
อย่างที่ผู้กำกับท่านหนึ่ง กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ Social Media เข้ามามีบทบาทในชีวิตเรามากขึ้น การจะนำผลงานไปเผยแพร่สาธารณะชนก็ทำได้ง่ายขึ้น เพียงถ่ายและตัดต่อด้วยระบบดิจิตอล จากนั้นก็นำไปโพสต์เผยแพร่ลงบน Social Media ต่างๆ โดยถ้าผู้สร้างมั่นใจในชื่อเสียงหรือมีการวางแผนการตลาดที่ดี Social Media จะสามารถช่วยหารายได้ให้ผู้สร้างเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ซึ่งมีขั้นตอนและค่าใช้จ่ายที่สูงมาก
ยกตัวอย่าง: นาย A ผลิตภาพยนตร์ด้วยกล้อง iPhone 4 และนาย A ตัดต่อ ใส่ดนตรี และพอร์ตไฟล์บน iPhone 4 เรียบร้อย จากนั้นนาย A ก็นำไฟล์ภาพยนตร์ที่ตัดต่อเสร็จมาตัดต่อเป็นภาพยนตร์ตัวอย่างสั้นๆ 30 วินาที และนาย A ก็นำภาพยนตร์ตัวอย่างไปโพสต์ทิ้งไว้ใน YouTube จากนั้นนาย A ก็พยายามประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์ตัวอย่างของตน ซึ่งมีคนให้ความสนใจและต้องการชมภาพยนตร์ตัวเต็มของนาย A มากถึง 90,000 คน นาย A เลยบอกกับกลุ่มคนที่สนใจเหล่านั้นว่า ถ้าต้องการชมภาพยนตร์ฉบับเต็มกรุณาบริจาคเงินเป็นค่าถ่ายทำ 50 บาท โดยใครที่บริจาคจะได้ลิงค์และการอนุญาตให้ชมภาพยนตร์ฉบับเต็มไป ผลปรากฏ สุดท้ายมีคนชมภาพยนตร์ของนาย A ไป 80,000 คน เท่ากับว่านาย A ได้เงินจากการจัดฉายภาพยนตร์ผ่านเครือข่ายสังคมไป 4 ล้านบาท ซึ่งแน่นอนว่าถ้านาย A นำภาพยนตร์ไปเสนอค่ายและจัดจำหน่ายออกฉายตามโรงจะต้องมีค่าใช้จ่ายมากกว่านี้
แต่ทั้งนี้การใช้เครือข่ายสังคมเป็นเครื่องมือหาเงินก็ใช้ว่าเป็นเรื่องดีเสมอไปเพราะลักษณะการหาเงินผ่านเครือข่ายสังคมจะต้องอาศัยใจแลกใจ อีกทั้งการใช้บริการเครื่อข่ายสังคมต้องระมัดระวังเงื่อนไขที่ทางผู้ให้บริการบอกไว้อย่างเคร่งครัด เพราะการผิดกฏผู้ให้บริการเครื่อข่ายสังคมถือเป็นเหมือนสิ่งอันตรายที่จะพุ่งกลับมาทำร้ายเราได้อย่างรุนแรง
สุดท้ายจากบทความที่ผมได้กล่าวไปทั้งหมด ผู้อ่านทุกท่านก็คงเห็นภาพเช่นเดียวกับผมว่าสมาร์ทโฟนบนโลกภาพยนตร์ จะสามารถเปลี่ยนแปลงวงการภาพยนตร์ของโลกได้อย่างแน่นอน เพราะด้วยการผลิตภาพยนตร์ด้วยกล้องมือถือสมาร์ทโฟนที่ในอนาคตจะมีความละเอียดที่สูงชึ้น ประสิทธิภาพเรื่องภาพดีขึ้น ลองดูตัวอย่างได้จากภาพยนตร์ของ Park Chan-wook เรื่อง Night Fishing ที่สามารถทลายข้อจำกัดเรื่อง Depth of Field และขนาดภาพแบบฟิล์ม 35 มม. บน iPhone 4 ลงได้ด้วยอุปกรณ์ราคาไม่เกิน 10,000 บาท ซึ่งสามารถลดข้อจำกัดในการผลิตภาพยนตร์ลงได้หลายๆ อย่าง เช่น เรื่องทุนสร้างที่ลดน้อยลง การเกิดของผู้กับภาพยนตร์ทุนน้อยและที่สำคัญ ฮอลลีวูดจะไม่ใช่แหล่งสวรรค์ของนักสร้างภาพยนตร์ แต่จะถูกปรับเปลี่ยนเป็น Social Media บนโลกไอทีคือสวรรค์ของนักสร้างภาพยนตร์ ที่ใช้เงินลงทุนน้อย แต่ผลตอบแทนคุ้มค่าถ้าเข้าใจเรื่องการทำการตลาดที่ดีพอ
เห็นด้วยไม่เห็นด้วยอย่างไรก็สามารถมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ครับที่กล่องแสดงความคิดเห็นด้านล่างหรือทาง Twitter: @Dorapenguin